บทที่ 242 ล่อลวง
“ฮ่า ๆ หวังว่าประธานอวี้จะใจกว้างไม่ถือสาความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆของเราก่อนหน้านี้ ผมหวังว่าเราทั้งคู่จะสามารถร่วมงานกันได้เพื่อประโยชน์ของเราทั้งสองฝ่าย”
กัวหย่งซินที่รู้สึกอับอายเป็นอย่างมากพยายามเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเข้าเรื่องธุรกิจทันที
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะขบขันเมื่อเห็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าไอ้คน ๆ นี้จะยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อผลกำไร
แต่แน่นอนว่าชายหนุ่มจะไม่ยอมทำธุรกิจร่วมกับคนที่เคยพยายามจะปล้นเขาแน่นอน
“ผู้จัดการหวัง คุณช่วยบอกผมทีถึงมูลค่าของที่ดินขณะนี้กับผลวิเคราะห์ว่าถ้าหากเราร่วมมือกับบริษัทจื่อจิน มูลค่าของมันจะกลายเป็นเท่าไหร่”
อวี้ฮ่าวหรานหันไปถามผู้จัดการหวัง
“ครับท่านประธาน! ที่ดินผืนนี้…”
ต่อมา ผู้จัดการหวังก็อธิบายรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับแผนการพัฒนาที่ดินและมูลค่าที่อาจจะเพิ่มขึ้นอย่างละเอียด…
เมื่อฟังจบ อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าเล็กน้อย จากที่ฟังดูรวม ๆ แล้วความร่วมมือนี้น่าจะมีผลกำไรสูงถึงเกือบสี่ร้อยล้านหยวนซึ่งนับได้ว่าเป็นความร่วมมือครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะไปตกอยู่ที่บริษัทจื่อจิน ส่วนเครือฮ่าวหรานนั้นได้รับผลประโยชน์ที่น้อยกว่ามาก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ยิ่งตัดสินใจทุกอย่างได้ง่ายขึ้น ชายหนุ่มไม่ชอบเจ้าของบริษัทจื่อจินอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจะยอมให้บริษัทอสังหาฯ นี้มาหาผลประโยชน์จากเขาได้ยังไง?
ถ้าเลือกได้ ซึ่งเขาเลือกได้อยู่แล้ว เขาให้บริษัทอสังหาฯ อื่นมาทำแทนดีกว่า!
“เอาล่ะผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว ขอบคุณมากผู้จัดการหวัง ส่วนพวกคุณบริษัทจื่อจิน วันนี้พวกคุณกลับกันไปก่อน ผมต้องการเวลาในการตัดสินใจและปรึกษากับฝ่ายบริหารของผม เอาไว้ได้คำตอบเมื่อไหร่ผมจะให้คนโทรไปบอก”
อวี้ฮ่าวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดให้ความหวังอีกฝ่ายไปสักหน่อยเพื่อทำให้อีกฝ่ายอึดอัดใจเล่น ๆ
กัวหย่งซินเมื่อได้ยินคำตอบนี้ก็รู้สึกหดหู่ทันที เขาไม่นึกเลยว่าจะถูกอีกฝ่ายไล่กลับไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เอ่ยปากเจรจาอะไรสักคำ
ถึงแม้เขาจะไม่อยากจากไป แต่มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ต่อเพราะอีกฝ่ายให้เหตุผลมาว่าต้องปรึกษากับฝ่ายบริหารอีกที ซึ่งมันคงไม่ใช่เสร็จวันนี้แน่ ๆ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กัวหย่งซินก็พาคนของเขาจากไป
เมื่อกัวหย่งซินจากไปแล้ว ผู้จัดการหวังเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยสีหน้างุนงง
“ท่านประธานอวี้ อันที่จริงท่านประธานไม่จำเป็นต้องถามความเห็นของบอร์ดบริหารคนไหนเลยสักคน ท่านมีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจทุกอย่างในบริษัทอยู่แล้วโดยไม่จำเป็นต้องขอความเห็นของใคร ยิ่งไปกว่านั้นบอร์ดบริหารที่รู้เรื่องนี้ต่างก็อยากที่จะตกลงในความร่วมมือนี้อยู่แล้วด้วย”
อวี้ฮ่าวหรานทำเพียงแค่หัวเราะและตอบสั้น ๆ
“หึหึ ผมไม่ชอบเขาก็แค่นั้น”
อย่างไรก็ตาม กัวหย่งซินที่เดินออกไปแล้ว ในระหว่างเดินไปเขาก็ยิ่งกลุ้มใจ และรู้สึกได้ว่าอวี้ฮ่าวหรานน่าจะพยายามทำเรื่องนี้ให้ยุ่งยากสำหรับเขามากขึ้น ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินย้อนกลับไปหาผู้จัดการหวังพร้อมกับเลขาของเขา
“ผู้จัดการหวัง คุณพอจะมีข้อมูลเกี่ยวกับประธานอวี้ของคุณไหม? คุณช่วยส่งให้ผมได้หรือเปล่า? หากมันมีประโยชน์ผมยินดีที่จะจ่ายเงินให้คุณอย่างงาม!”
กัวหย่งซินพยายามใช้เงินเปิดทางทันที
แต่ในทางกลับกัน ผู้จัดการหวังที่เชิดชูอวี้ฮ่าวหรานเป็นแบบอย่างในใจ เมื่อถูกติดสินบนเช่นนี้ เขาปฏิเสธอย่างทันควัน
“ต้องขอโทษด้วยผมไม่รู้ข้อมูลของท่านประธานมากนัก และต่อให้ผมรู้ ข้อมูลชีวิตส่วนตัวของท่านประธาน มันก็เป็นสิ่งที่ผมไม่อาจแพร่งพรายออกไปได้”
หลังจากพูดจบผู้จัดการก็หันหลังและเดินจากไปในทันที
กัวหย่งซินขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นความจงรักภักดีของผู้จัดการหวังที่มีต่อ อวี้ฮ่าวหราน แต่ตัวเขาเองก็ยังถอดใจในเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะผลกำไรคราวนี้มันมากมายเกินไป…
“อาหลิง เธอลองไปหาหลี่จิงเทียนดู และพยายามดึงข้อมูลมาให้ได้มากที่สุด ฉันเคยได้ยินว่าหลี่จิงเทียนเป็นพวกมากตัณหา เธอน่าจะหาข้อมูลมาได้ไม่ยาก”
เลขาสาวที่ชื่ออาหลิง พยักหน้ารับคำสั่งและเดินออกไปในทันที เธอเป็นหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยและมีอายุแค่ยี่สิบกว่า ๆ ยิ่งไปกว่านั้น เธอเคยทำเรื่องแบบนี้ให้กับกัวหย่งซินหลายครั้งแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]