หลังจากได้รับการช่วยเหลือ แทนที่ผู้บริหารทุกคนจะลาหยุดเพื่อปรับสภาพจิตใจ พวกเขาทั้งหลายกลับแสดงความทุ่มเทให้กับบริษัทโดยการกลับมาทำงานกันทุกคนทันที และเรื่องแรก ๆ ที่พวกเขาทำคือพยายามหาว่าใครกำลังเล่นงานเครือฮ่าวหรานอยู่
ในห้องประชุม
“หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดผ่านทุกช่องทาง ตอนนี้เราได้รู้แล้วว่าใครกำลังฉวยโอกาสกว้านซื้อหุ้นบริษัทของเราตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา”
ผู้จัดการหวังเอ่ยขึ้นกลางห้องประชุม
“ตลอดทั้งช่วงเช้า คนที่ฉวยโอกาสเล่นงานบริษัทของเราคือบริษัทอิงเหมา ซึ่งประธานบริษัทก็คือหลี่อิงไห่ คน ๆ นี้ผมคิดว่าประธานอวี้น่าจะรู้จักเป็นอย่างดีอยู่แล้ว”
ขณะนี้ ผู้จัดการหวังปรับสภาพจิตใจได้มากแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นเคย เขาเอ่ยขึ้นพลางมองไปที่อวี้ฮ่าวหราน
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อถูกมองและส่งสัญญาณให้พูดต่อ
อันที่จริง เขาประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของหลี่อิงไห่ ชายหนุ่มคิดไม่ถึงเช่นกันว่าชายแก่คนนั้นจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย
บริษัทของหลี่อิงไห่ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่บริษัทเล็ก แต่มันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร มันใหญ่ไม่เท่ากับบริษัทชงซานก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยหากเอามาเทียบกับเครือฮ่าวหราน
ตาแก่นั่นไม่มีทางทำเรื่องนี้คนเดียวแน่นอน อวี้ฮ่าวหรานค่อนข้างมั่นใจในเรื่องนี้…
การที่บริษัทอิงเหมาต้องการจะฮุบเครือฮ่าวหรานที่ใหญ่กว่าหลายเท่านั้นมันเป็นไปไม่ได้แน่นอน หากไม่มีความช่วยเหลือจากคนอื่นเข้าเสริม
จากนั้นคำพูดถัดมาของผู้จัดการหวังก็ยืนยันความคิดของอวี้ฮ่าวหราน
“หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดอีกหลายรอบ ท้ายที่สุดเราได้พบว่ามีบริษัทเล็ก ๆ อีกหลายบริษัทที่เข้าร่วมแผนการโจมตีบริษัทของเราด้วย ซึ่งบริษัทเหล่านั้นถึงแม้จะเล็ก แต่กลับมีเงินทุนที่หนามาก จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ผมพบว่าบริษัทเล็ก ๆ เหล่านั้นทั้งหมดเชื่อมโยงกับแก๊งใต้ดินแก๊งหนึ่งที่ชื่อว่า…แก๊งฉลามคลั่ง”
หลังจากพูดจบ ผู้จัดการหวังส่งต่อเอกสารข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการสืบสวนให้กับผู้บริหารทุกคนในห้องประชุมรวมไปถึงอวี้ฮ่าวหราน
เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกพึงพอใจในตัวลูกน้องของตัวเองคนนี้มาก
แค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ลูกน้องของเขาคนนี้ก็สามารถสืบเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นอาจจะต้องใช้เวลาเป็นวันเลยก็ว่าได้
ถัดมา…
เมื่อทุกคนรู้แล้วว่าศัตรูเป็นใคร บรรดาพวกผู้บริหารจึงเริ่มถกกันว่าจะตอบโต้อีกฝ่ายอย่างไรดี
อย่างไรก็ตาม ด้วยความซับซ้อนของปัญหา กว่าที่ทุกคนจะร่างแผนการตอบโต้ได้เวลาก็ล่วงเลยไปถึงสี่โมงเย็น…
เมื่อถึงเวลาสี่โมงเย็น อวี้ฮ่าวหรานออกจากบริษัททันที
ไม่ว่าปัญหาของบริษัทมันจะรุมเร้าแค่ไหน แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่เคยมองว่ามันสำคัญมากกว่าลูกสาวของเขาเอง
เกือบสี่โมงครึ่ง อวี้ฮ่าวหรานไปถึงโรงเรียนสอนเปียโน แต่ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังจะพาลูกสาวกลับบ้าน เขาก็ได้พบว่าชายวัยกลางคนที่เคยมีปัญหากับเขาก่อนหน้านี้กำลังรอเขาอยู่ที่ทางออก
ชายวัยกลางคนคราวนี้มาพร้อมกับกล่องของเล่นชิ้นใหญ่ เขาถือมันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และพยายามยื่นมันให้ถวนถวนเพื่อเอาใจ
แต่ในทางกลับกัน ถวนถวนเพียงเหลือบมองชายวัยกลางคนแค่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น จากนั้นเด็กน้อยก็เบือนหน้าหนีไปซุกอกอวี้ฮ่าวหรานแทน
การกระทำเช่นนี้ของถวนถวน ทำให้ชายวัยกลางคนถึงกับสลด
เมื่อเห็นว่าเอาใจเด็กน้อยไม่สำเร็จ เขาจึงเบนสายตาไปหาอวี้ฮ่าวหราน และพูดขึ้นด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
“ค…คุณอวี้ ผ…ผมกำลังรอคุณอยู่เลย…”
ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนไม่หลงเหลือท่าทีที่หยิ่งผยองอีกต่อไป เขาพยายามแสดงสีหน้านอบน้อมอย่างเห็นได้ชัด
“ผ…ผมขอโทษคุณจริง ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด! ตอนนั้นผมมันตาบอด ผมมันเป็นตัวเดรัจฉาน ผมล่วงเกินคนที่ผมไม่อาจล่วงเกินได้ ผมสำนึกผิดแล้ว ได้โปรดคุณอวี้อภัยให้ผมได้ไหม ละเว้นบริษัทของผมเถอะ ผมขอร้อง!”
“ผมสาบาน หากคุณอวี้ให้อภัยผม ไม่ว่าคุณอวี้จะต้องการให้ผมทำอะไรผมยอมหมดเลย!”
น้ำเสียงของชายวัยกลางคนสั่นเครือ ราวกับว่าเขาสามารถร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]