เมื่อออกคำสั่งไล่ผู้บริหารร่างอ้วนไปเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็สั่งให้เลขาจางเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทพาตัวผู้บริหารร่างอ้วนออกไปจากห้องประชุมทันที
บรรดาผู้บริหารคนอื่น ๆ เมื่อเห็นเช่นนี้พวกเขาก็ยิ่งไม่กล้าเถียงอะไรมากกว่าเดิม สิ่งนี้มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าประธานบริษัทคนใหม่เป็นคนเด็ดขาดมากขนาดไหน
ในเวลาเดียวกัน จู่ ๆ โทรศัพท์ของอวี้ฮ่าวหรานก็ดังขึ้น
ถึงแม้ว่าตามกฎของการเข้าห้องประชุมทุกคนจะต้องปิดเครื่องโทรศัพท์หรือไม่ก็ปิดเสียง แต่เขาคือประธานบริษัทซึ่งมีอำนาจสูงสุดดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องทำตามกฎเหล่านั้น
สายที่โทรเข้ามาเป็นของเฉิงกัวอัน หลังจากที่คุยทักทายกันเรียบร้อย เฉิงกัวอันจึงพูดเข้าเรื่องทันที
“ฮ่าวหราน ผมพูดตรง ๆ บริษัทที่ผมซื้อมา 2-3 บริษัท ก่อนหน้านี้จากตระกูลอู๋ พวกเขาค่อนข้างหัวแข็งกันพอสมควรและผมไม่มีเวลาลงไปจัดการด้วยตัวเองสักเท่าไหร่ ในฐานะที่คุณช่วยผมมามาก เอาเป็นว่าผมมอบบริษัทพวกนั้นให้เป็นของคุณไปเลยคุณคิดว่ายังไง?”
“มอบให้ผม?” อวี้ฮ่าวหรานถามกลับด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ใช่ ผมจะมอบบริษัทเหล่านั้นให้คุณ คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรหรือต้องจ่ายค่าดำเนินการ เดี๋ยวผมจะจัดการทุกอย่างให้คุณเอง คุณแค่รอเซ็นเอกสารรับมอบอย่างเดียวก็พอ”
เฉิงกัวอันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ ราวกับว่าการมอบบริษัทให้กับอวี้ฮ่าวหรานเป็นแค่เรื่องเล็กเหมือนกับซื้อรถให้สักคันหนึ่ง
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาอยากจะทำเงินได้เร็ว ๆ เพื่อหาเงินไปซื้อพวกของโบราณราคาแพงมาบ่มเพาะตัวเขาเอง แต่การรับสิ่งที่มีมูลค่ามากแบบนี้มาแบบง่าย ๆ จากคนอื่นมันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรสักเท่าไหร่
“บริษัทพวกนั้นคุณลงแรงไปไม่น้อยกว่าที่จะกว้านซื้อพวกมันมาได้หมด ถึงแม้ว่าผมจะเคยช่วยเหลือคุณ แต่ผมคิดว่ามันคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ที่ผมจะรับน้ำใจที่มากมายระดับนี้ของคุณ และอีกอย่างก่อนหน้านี้คุณก็ให้เงินผมมาแล้ว”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถึงเรื่องเงิน 10 กว่าล้านที่ฝั่งตรงข้ามให้เขามาก่อนหน้านี้ เพื่อย้ำว่าฝั่งตรงข้ามไม่ได้ติดหนี้บุญคุณอะไรเขา
“โธ่ ฮ่าวหราน คุณคิดมากเกินไปแล้ว คุณคิดดูดี ๆ ว่าผมแก่ขนาดไหนแล้ว ผมจะเอาแรงที่ไหนมาปฏิรูปบริษัทใหม่อีกตั้ง 2-3 บริษัท ผมแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่ต้องไปสู้รบตบมือกับไอพวกผู้บริหารบริษัทพวกนั้นให้มันวุ่นวายสมองของผมเอง และยิ่งไปกว่านั้นสำหรับผมแล้วบริษัทพวกนั้นไม่มีค่าอะไรเลยเมื่อเทียบกับคนที่มีความสามารถอย่างคุณ ผมอยากให้คุณรับพวกมันเอาไว้เพื่อสัมพันธ์ที่ดีของเรา”
คำพูดของเฉิงกัวอันแฝงไปด้วยการโน้มน้าวและข้อเท็จจริงที่อวี้ฮ่าวหรานไม่อาจปฏิเสธได้
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อได้ยินเช่นนี้ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้แต่ถอนหายใจและตอบตกลง
“ยอดเยี่ยม พรุ่งนี้ผมจะส่งคนเอาเอกสารรับมอบทุกอย่างไปให้คุณเซ็น แล้วจากนั้นทุกอย่างจะเป็นของคุณฮ่าวหราน ฮ่าฮ่าฮ่า”
หลังจากวางสายไป เฉิงกัวอันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขากลัวเป็นอย่างมากว่าอวี้ฮ่าวหรานจะไม่ยอมรับน้ำใจในครั้งนี้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะใช้อะไรในการผูกสัมพันธ์กับอวี้ฮ่าวหรานต่อไป
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นผู้ที่มีอิทธิพลเหนือกว่าอวี้ฮ่าวหราน แต่เขาเดาได้ว่าในอนาคต คนมีความสามารถอย่างอวี้ฮ่าวหรานจะต้องไปได้ไกลกว่าเขาแน่นอน ซึ่งถ้าเขาไม่ผูกสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ในอนาคตเขาจะไม่มีโอกาสเลยเมื่อฝั่งตรงข้ามนำหน้าเขาไปไกล
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อวางสายไปแล้วเขาจึงกวาดสายตามองทุกคนในห้องประชุมซึ่งกำลังเงี่ยหูแอบฟังบทสนทนาของเขาอย่างตั้งใจ
“พวกคุณคงได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ไปแล้วไม่มากก็น้อย เอาเป็นว่าผมประกาศตรงนี้เลยก็แล้วกัน หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปบริษัทที่ผมจะได้รับมาใหม่จะถูกรวบรวมเป็นบริษัทลูกของบริษัทเรา พวกเขาจะทำงานภายใต้คำสั่งของบริษัทเราโดยตรง”
ทันทีที่บรรดาผู้บริหารทั้งหลายได้ยินเช่นนี้ พวกเขาต่างตกตะลึงในการตัดสินใจของอวี้ฮ่าวหราน
ทันทีที่ได้รับบริษัทใหม่มา ประธานของพวกเขาจัดการรวบรวมบริษัทเหล่านั้นให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทชงซานเลยงั้นเหรอ ?
การกระทำเช่นนี้มันถือว่าเด็ดขาดแตกต่างจากหลี่จิงเทียนและหลี่ชงซานเป็นอย่างมาก!
“ดูเหมือนว่าภายใต้การนำของประธานอวี้ บริษัทของเราจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิมแน่นอน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]