การปลดลูกชายของตัวเองออกแล้วให้คนที่มีแซ่อื่นขึ้นมาบริหารบริษัทแทนมันย่อมทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นธรรมดา
โดยเฉพาะคนที่ได้ขึ้นมาบริหารแทนคือคนที่ช่วยให้บริษัทผ่านวิกฤติได้ถึง 2 ครั้ง มันยิ่งทำให้ทุกคนในบริษัทรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นคนแบบไหนกันแน่ !
แม้แต่ยามเฝ้าประตูบริษัทก็ยังคิด ว่าเมื่อไหร่เขาจะได้มีโอกาสเปิดประตูให้เจ้านายคนใหม่ผู้แสนมหัศจรรย์คนนั้นสักที
แน่นอนว่าเขาไม่คิดอยู่แล้วว่าชายหนุ่มอายุ 20 ต้น ๆ ที่ยืนอยู่หน้าบริษัทตอนนี้จะเป็นเจ้านายคนใหม่ที่ทุกคนกำลังพูดถึงอยู่
…ยามเฝ้าประตูมองอวี้ฮ่าวหรานหัวจรดเท้า ไม่เชื่อคำพูดของอวี้ฮ่าวหรานแม้แต่น้อยว่าเจ้าตัวคือประธานบริษัทคนใหม่
“ไอ้หนุ่มนายบอกว่านายคือประธานอวี้งั้นเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกจนใจจริง ๆ เมื่อเห็นสายตาของฝั่งตรงข้ามที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อคำพูดของเขา แถมยังไม่ให้เขาเข้าไปในบริษัทตัวเองอีกต่างหาก
“ฉันคืออวี้ฮ่าวหราน!”
“เฮ้ ๆ ไอ้หนุ่ม นายรู้รึเปล่าว่าการแอบอ้างเป็นประธานบริษัทของเรามีความผิดตามกฎหมายนา ถ้านายยังไม่เลิกบ้าอีก ฉันจะแจ้งตำรวจให้มาลากคอนายออกไปซะ!”
ยามเฝ้าประตูบริษัทเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดูแคลน ชายหนุ่มคนนี้กล้าดียังไงถึงได้มาแอบอ้างเป็นประธานบริษัทผู้แสนวิเศษคนใหม่ของบริษัทเขา?
“ฮึ่ม! ไอ้หนุ่ม ถ้าอย่างนายเป็นประธานอวี้ ฉันก็เป็นประธานอวี้ได้เหมือนกัน ฉะนั้นอย่าฝันกลางวันให้มันมากนัก!”
ยามเฝ้าประตูจ้องเขม็งไปที่อวี้ฮ่าวหราน ไม่ยอมปล่อยให้เขาเข้าไปในบริษัท
ในเวลาเดียวกัน หลี่หรงอยู่ในรถที่จอดอยู่ไม่ไกลมากนักพอดี เธอจึงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ยินว่าอวี้ฮ่าวหรานเถียงอะไรกับยามเฝ้าประตู แต่เธอก็พอเดาได้จากสีหน้าและท่าทางของคนทั้งคู่ว่ากำลังโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน และพอจะเดาออกว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่ยามเฝ้าประตูไม่เชื่อ …ว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นประธานบริษัทคนปัจจุบัน เพราะคนในบริษัทชงซานยังไม่เคยเห็นหน้าอวี้ฮ่าวหรานสักครั้ง
เมื่อคิดว่าเรื่องนี้มันคงจบไม่ได้แน่ถ้าเธอไม่ออกไปยืนยันตัวตนให้ เธอจึงค่อย ๆ วางถวนถวนให้นอนอยู่ที่เบาะ จากนั้นเธอจึงค่อย ๆ เปิดประตูรถและเดินออกไปที่ประตูทางเข้าบริษัท
“นี่นายน่ะ นายอาจไม่รู้จักเขาแต่นายควรจำหน้าฉันได้ถูกไหม?” หลี่หรงตะโกนขึ้นก่อนที่จะเดินไปอยู่ข้าง ๆ อวี้ฮ่าวหราน
“เอ๊? คุณหนู?”
ในทันทีที่ยามเฝ้าประตูเห็นหลี่หรง สีหน้าของเขาที่กำลังดูถูก อวี้ฮ่าวหรานพลันกลายเป็นแข็งค้าง เขารู้ได้ทันทีว่าตัวเองเพิ่งสร้างเรื่องใหญ่ไปซะแล้ว
ดูจากท่าทีที่สองคนนี้ยืนอยู่ใกล้กัน งั้นมันก็หมายความว่า…
ชายหนุ่มคนนี้คือประธานคนใหม่ของบริษัทที่เขาทำงานอยู่ใช่ไหม?
“ทีนี้นายพอจะเดาออกได้รึยังว่าคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันเป็นใคร? เอาล่ะถอยไปได้แล้วอย่าเกะกะขวางทางประธานคนใหม่ของบริษัท!”
หลี่หรงตวาดขึ้นเสียงดัง เพราะเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโหที่พนักงานบริษัทของพ่อเธอไม่ยอมให้พี่เขยของเธอเข้าไปในบริษัทของเขาเอง
“ค..ครับ ป…ประธานอวี้…คุณหนู โปรดเชิญเข้าไปด้านในได้เลย ผมต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ผ..ผมไม่ทราบมาก่อนว่าประธานอวี้จะ…”
ยามเฝ้าประตูรีบหลีกทางให้และก้มหัวขอโทษหลายรอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าชายหนุ่มอายุ 20 ต้น ๆ คนนี้คือประธานบริษัทคนใหม่ของเขา
อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ถือโทษโกรธยามคนนี้สักเท่าไหร่ เพราะจริง ๆ แล้วเหตุการณ์นี้มันก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ คนในบริษัทชงซานไม่เคยเห็นหน้าเขาสักครั้ง แล้วจู่ ๆ มีไอ้หนุ่มอายุ 20 ต้น ๆ มาบอกว่าเป็นประธานบริษัทคนใหม่ เรื่องแบบนี้ใครบ้างที่มันจะยอมเชื่อ อันที่จริงยามคนนี้ทำหน้าที่ได้ดีด้วยซ้ำที่ไม่ปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้าไปในบริษัทได้อย่างง่าย ๆ
หลี่หรงอยากจะลงโทษยามเฝ้าประตูสักหน่อย แต่อวี้ฮ่าวหรานห้ามเอาไว้ จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็พากันขึ้นไปที่ออฟฟิศชั้นบนสุดของบริษัททันที
“เลขาจาง นี่พี่เขยของฉันหรือเจ้านายคนใหม่ของคุณ อวี้ฮ่าวหราน”
“สวัสดีค่ะ ประธานอวี้!”
หน้าห้องประธานบริษัท มีโต๊ะตัวใหญ่สำหรับเลขาของประธานบริษัทโดยเฉพาะ และคนที่นั่งอยู่ก็คือเลขาจาง ซึ่งเป็นผู้หญิงอายุราว 30 กว่า ๆ
ในฐานะที่เธอมีตำแหน่งเป็นเลขาของประธานบริษัท ดังนั้นต่อให้หลี่หรงไม่แนะนำอวี้ฮ่าวหราน เธอก็รู้ว่าเขาเป็นประธานบริษัทคนใหม่ เพราะเธอได้รับข้อมูลทุกอย่างของอวี้ฮ่าวหรานมาหมดแล้วจากเจ้านายคนเก่าของเธอ หลี่ชงซาน!
“เอาล่ะในเมื่อคุณรู้แล้วว่าผมเป็นใคร คุณช่วยเรียกผู้บริหารระดับสูงทุกคนที่อยู่ในบริษัทตอนนี้ให้มาประชุมกับผมทันทีผมให้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงในการตามตัวทุกคนมา ผมมีเรื่องอยากจะพูดคุยด้วยสักหน่อย อ้อ พาผมไปห้องประชุมด้วยผมยังไม่เคยมาที่นี่ผมยังไม่รู้จักเส้นทาง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]