บทที่ 85 อาหารที่ชั่วช้า
“อืม ถ้างั้นก็คงไม่มีทางเลือกอื่น แต่มันก็น่ารำคาญจริง ๆ ที่ไอ้พวกคนที่ใกล้จะลงโลงพวกนี้กลับยังมีแรงมาต่อต้านคนอย่างฉัน!”
ในสายตาของอวี้ฮ่าวหราน เขามองตาแก่พวกนั้นไม่ต่างอะไรกับมดแมลงที่มาทำรังในบ้านของเขา สร้างความน่ารำคาญยิบ ๆ ในใจ
“คนไร้วิสัยทัศน์เช่นคนพวกนั้นย่อมไม่มีทางเห็นอัจฉริยภาพในตัวของประธานอวี้ได้อยู่แล้ว”
หลังจากผู้จัดการหวังได้เห็นแผนการปรับโครงสร้างบริษัทของอวี้ฮ่าวหราน และได้เห็นแผนการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท เขาก็รู้สึกเทิดทูนในความสามารถของอวี้ฮ่าวหรานเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากเอ่ยปากชมเรียบร้อย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังและเอ่ยขึ้นต่อ
“ประธานอวี้ ผมคิดว่าหากคุณต้องการให้การดำเนินงานทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี อันดับแรกที่คุณต้องแก้ไขก็คือตัวพนักงานของบริษัท”
“หืม?”
“เอาเป็นว่าวันนี้คุณลองไปที่โรงอาหารของบริษัทเราดู แล้วคุณจะรู้เองว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ผู้จัดการหวังพูดปิดประโยคเพียงแค่นี้ไม่อธิบายอะไรต่อให้เป็นปริศนา
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอย่างพึงพอใจที่ผู้จัดการใหม่ที่เขาจ้างมามีความสามารถถึงขนาดที่เข้ามาบริษัทได้ไม่นานก็สามารถชี้ให้เห็นปัญหาต่าง ๆ ที่เขาจำเป็นต้องแก้ไขได้แล้ว
แต่ว่าเขาก็ยังคงประหลาดใจนิดหน่อย ว่าทำไมผู้จัดการหวังถึงไม่อธิบายให้ละเอียดว่ามันเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ กันแน่
“พวกพนักงานมีปัญหาอะไรกันแน่? ทำไมคุณไม่บอกมาเลย ตอนนี้ผมจะได้ส่งคำสั่งลงไปจัดการให้มันเสร็จ ๆ ไม่ว่ายังไงในบริษัทนี้ผมก็ใหญ่สุด มันไม่ควรจะมีปัญหาอะไรที่ผมแก้ไม่ได้?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามย้อนกลับไปอีกรอบด้วยความสงสัย
“มันเป็นเรื่องของสวัสดิการร้านอาหารในบริษัท ซึ่งคุณภาพของมันต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็นอย่างมาก ผมอยากให้ท่านประธานลงไปดูด้วยตาของตัวเองก่อนท่านจะได้แก้ปัญหาได้อย่างเด็ดขาด”
เมื่อถูกถามถึงรายละเอียดผู้จัดการหวังจึงจำเป็นต้องพูดออกมาให้ชัดเจน
“ถ้าแบบนั้นมันก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหาใหญ่อะไรจนถึงขั้นให้ผมลงไปดูด้วยตัวเองไม่ใช่เหรอ? แค่ผมส่งคำสั่งลงไปเปลี่ยนผู้ดูแลร้านอาหารสวัสดิการในบริษัทมันก็ควรจะเพียงพอที่จะแก้ปัญหาแล้วไม่ใช่หรือไง?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม เขาไม่คิดว่าปัญหานี้มันใหญ่อะไร
“ท่านประธาน ปัญหามันอยู่ตรงที่ตอนนี้ผู้ดูแลร้านอาหารสวัสดิการในบริษัทเพิ่งถูกเปลี่ยนตัวไปเป็นหลานของหนึ่งในผู้ดำรงตำแหน่งบอร์ดบริหารของบริษัทเรา เจิ้งเหวยกัว”
ผู้จัดการหวังเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหนักใจ เพราะฝั่งตรงข้ามเป็นญาติของหนึ่งในบอร์ดบริหารของบริษัท ซึ่งมันทำให้เขาไม่สามารถจัดการอะไรได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องมาถึงมืออวี้ฮ่าวหราน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็เข้าใจได้ทันทีว่าปัญหานี้มันไม่ใช่เล็ก ๆ เหมือนที่เขาเข้าใจในตอนแรก
นี่มันอาจเป็นแผนหนึ่งในการป่วนบริษัทหลังควบรวมเข้าด้วยกันทั้งหมดใช่รึเปล่า?
เขาคงต้องลงไปดูด้วยตัวเองให้แน่ใจ!
“เดี๋ยวตอนพักกลางวันผมจะลงไปตรวจสอบด้วยตัวเอง!” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
พักเที่ยง
เวลานี้พนักงานจำนวนมากต่างหลั่งไหลเข้าไปในโรงอาหารกันเรื่อย ๆ แต่สิ่งที่ทำให้อวี้ฮ่าวหรานประหลาดใจก็คือ พนักงานเกินครึ่งต่างมีกล่องอาหารของตัวเองพกมาด้วยหรือไม่ก็ไปซื้ออาหารจากข้างนอกเข้ามากินในโรงอาหารแทน
ถ้าหากมีไม่กี่คนเขาก็คงพอจะเข้าใจได้ว่าบางคนอาจจะรู้สึกว่ารสชาติอาหารที่ร้านสวัสดิการพนักงานไม่ถูกปาก แต่จำนวนคนที่เอาข้าวมาเองมันเยอะเกินไป
อวี้ฮ่าวหรานตรงเข้าไปถามพวกพนักงานที่เอาข้าวมาเองทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่บรรดาพนักงานต่างก็ปิดปากเงียบไม่ยอมพูดอะไรที่เป็นประโยชน์ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าคนที่มาถามคือประธานบริษัทก็ตาม
สาเหตุที่พวกเขาไม่ยอมพูดอะไรเป็นเพราะอีกฝั่งคือผู้ดูแลร้านสวัสดิการพนักงานคนใหม่ที่เป็นหลานของบอร์ดบริหาร
อย่างมากที่สุดผู้ดูแลร้านสวัสดิการคงถูกตักเตือน แต่หลังจากนั้นพวกเขาจะถูกเล่นงานจากผู้บริหารระดับสูง มันคุ้มกันที่ไหน ประธานบริษัทไม่ได้ว่างมาดูแลพวกเขาตลอดเวลานี่นาจริงไหม?
อีกด้านหนึ่งในออฟฟิศผู้ดูแลร้านอาหารสวัสดิการ
“ต้องให้ฉันบอกกี่ครั้งว่าไม่จำเป็นต้องซื้อผักที่สดที่สุด? สั่งพวกผักเหลือค้างวันสักสองสามวันมาก็ได้แบบนั้นมันประหยัดกว่าโว้ย! แกรู้ไหมว่าการที่แกทำแบบนี้มันทำให้บริษัทสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ! พวกพนักงานมันก็กินได้หมดแหละไม่ตายหรอกไอ้เวร!”
ชายอ้วนคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ของตัวเอง ด่าลูกน้องฉอด ๆ ด้วยสีหน้าโมโห
“และอีกอย่าง! กฎทุกอย่างในโรงอาหารที่ฉันเพิ่งเปลี่ยนใหม่ห้ามใครมาแก้ไขอะไรทั้งนั้นทำตามที่ฉันสั่งอย่างเดียวเข้าใจไหม!”
“ส่วนไอ้พวกข้าวสวยค้างวัน ถ้ามันเหลือก็จงเก็บเข้าตู้เย็นไว้แล้วอีกวันเอาออกมาอุ่นให้พวกพนักงานกินใหม่ห้ามทิ้งเด็ดขาดและพวกเนื้อสัตว์ก็ใส่ให้มันน้อย ๆ หน่อย ขืนใส่เยอะ ๆ บริษัทจะเอาเงินจากไหนมาจ้างพวกแก?”
“นี่มันร้านอาหารสวัสดิการโว้ยไม่ใช่ภัตตาคารข้างนอก ถ้าไอ้พวกพนักงานมันบ่นมากอยากจะกินของดี ๆ พวกแกก็ไล่ให้มันไปกินกันที่อื่น พวกมันเป็นแค่พนักงานระดับล่างแต่อยากจะกินของฟรีดี ๆ จากบริษัทมันจะเป็นไปได้ยังไง!”
พ่อครัวและบรรดาลูกมือต่างนั่งก้มหน้าทนฟังคำด่าของผู้ดูแลร้านอาหารสวัสดิการคนใหม่ด้วยสีหน้าขมขื่น
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้จัดการโหวได้รับหน้าที่มาดูแลร้านสวัสดิการอาหารพนักงาน เขาเปลี่ยนกฎทุกอย่างทันทีซึ่งกฎแต่ละอย่างมันช่างไร้สาระและน่ารังเกียจเป็นที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]