“นี่ พวกเขาจะคุยเรื่องอะไรกัน?”
เจเน็ตมองเนลล์แล้วหันไปมองที่ประตู
หลังจากนั้นเธอจึงลดเสียงลงแล้วพูดขึ้น “เลียมอยากย้ายสำนักงานใหญ่กลับมาเริ่มต้นใหม่ที่ประเทศจีน เขาเพิ่งทะเลาะกับพวกตาแก่งี่เง่าในตระกูลกริฟฟินเมื่อไม่นานมานี้เอง เขาก็อาจจะมาหากิดเดียนเพื่อที่จะเรียนรู้จากเขา”
ทุกคนทราบดีว่านายท่านใหญ่ไม่ใช่คนบุกเบิกลีย์ คอร์ปอเรชั่น อย่างจริงจัง เมื่อบริษัทอยู่ในมือของท่าน
อย่างไรก็ตาม นายท่านใหญ่มาจากการเป็นทหาร ท่านนำกองกำลังในสงครามได้ แต่ท่านไม่มีพรสวรรค์ในการทำธุรกิจ
ท่านเป็นคนพูดตรง ๆ และไม่ชอบการคำนวณ เมื่อท่านทำธุรกิจ ท่านจึงมักจะให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนมากกว่าการแสวงหาผลกำไร
อาจเป็นเพราะตระกูลลีย์มีเงินทองมากมาย พวกเขาจึงเติบโตต่อไปได้
แต่กิดเดียนต่างออกไป
เขาเป็นนักธุรกิจตัวจริง ที่ใช้วิธีการเข้มงวดและไร้ความปราณี ซึ่งทำให้เขาพลิกสถานการณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือได้ ยามที่อยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
ถ้าเลียมอยากกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่ประเทศจีน ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่มาปรึกษากิดเดียน
เนลล์โล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
พูดตามตรง หลังจากที่ได้รู้ถึงตัวตนที่ซ่อนอยู่ของกิดเดียน เธอก็รู้สึกกังวลมาก
ในบางครั้ง เธอจะรู้สึกกังวลว่าเขาจะไปทำภารกิจอื่น หรือต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอีก
แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งคู่ก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว และพวกเขาได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน
มันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่กังวล ในเมื่อเขาเป็นผู้ชายที่เธอรัก
โชคดีที่ตอนนี้กิดเดียนรู้ทันความคิดของเธอ และจะบอกเธอล่วงหน้าเมื่อมีอะไรเกิดขึ้น
ถึงอย่างนั้น มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่เนลล์จะรู้สึกกังวลอยู่บ้างในบางครั้ง
แต่สุดท้ายแล้ว ถ้ามีภารกิจ กิดเดียนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไป
เขาทั้งคู่พูดคุยกันอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน
เจเน็ตเล่นอยู่กับเด็ก ๆ จนพวกเขาเหนื่อย ก่อนที่เธอจะพาพวกเขากลับไปนอนในเปล
จากนั้นเธอจึงนั่งลงตรงขอบเตียงแล้วคุยกับเนลล์
ตอนนี้ซิงฮุยได้รวมเข้ากับอันหนิง อินเตอร์เนชั่นแนลเรียบร้อยแล้ว
สัญญาของเจเน็ตกับบริษัทสื่อบันเทิงที่พ่อของเธอสร้างไว้ให้หมดอายุลงแล้ว และตอนนี้เธอเป็นคุณนายแจ็คแมน เธอจึงไม่ต้องทำการแสดงอีกต่อไป
ถึงอย่างไรก็ตาม เจเน็ตก็รักการแสดง และทำให้เลียมรู้สึกหึงหวงขึ้นมาบ้างในบางครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่เขาเห็นเธอแสดงกับนักแสดงชาย
แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไป
เพราะสุดท้ายแล้ว เจเน็ตก็มักจะพูดว่านั่นเรียกว่าความเป็นมืออาชีพ
ไม่มีใครใจดำเกินไปที่มองวงการในแง่ลบ
ปกติเลียมก็พูดอะไรกับเธอไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงสั่งให้ส่งบททั้งหมดของเจเน็ตมาให้เขาล่วงหน้า
ห้ามมีฉากใกล้ชิดกัน ห้ามมีฉากจูบ และห้ามมีฉากเลิฟซีน
แม้จะเป็นบทโรแมนติก แต่ที่ทำได้มากที่สุดคือจับมือกัน
ความจริงแล้ว ในตอนแรกเลียมไม่อนุญาตให้จับมือด้วยซ้ำ
เพราะเธอเป็นผู้หญิงของเขา แค่คิดว่าถูกผู้ชายคนอื่นจับมือและพูดเรื่องความรักกับเธอ ก็ทำให้เลียมอยากจะฆ่าเขาแล้ว
แต่สุดท้ายแล้วเจ้าของบริษัทสื่อบันเทิงก็พยายามมาเกลี้ยกล่อมเขา
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โทรทัศน์และภาพยนตร์ก็ถือว่าเป็นศิลปะ และบางฉากก็มีความสำคัญ
ถ้าห้ามจับแม้กระทั่งมือ ก็จะจำกัดสไตล์การแสดงของเจเน็ตมากจนเกินไป และสุดท้ายเธอก็จะทำอะไรไม่ได้เลย
เมื่อคิดถึงความรู้สึกของเจเน็ต ในที่สุดเลียมก็ยอมตกลง
แต่หลังจากที่เจเน็ตสิ้นสุดสัญญา เธอจึงได้เซ็นสัญญาอีกครั้งกับอันหนิง อินเตอร์เนชั่นแนล
เธอเป็นคนสบาย ๆ ที่ไม่ได้สนใจอะไรมานัก เธอเคยทำงานในสตูดิโอของตัวเอง ร่วมกับผู้ช่วยและผู้จัดการที่มีความสามารถมากมายที่จะช่วยเธอจัดการกับปัญหา
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เธอก็ยังต้องตัดสินใจอีกหลายเรื่องในฐานะเจ้านาย
เจเน็ตมักจะปวดหัวเพราะเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ตอนนี้เธอได้เซ็นสัญญากับอันหนิง อินเตอร์เนชั่นแนลแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมีคนอื่นคอยจัดการให้
เธอเพียงแค่สะบัดมือ และแสดงภาพยนตร์ที่เธอชอบได้แล้ว
เธอไม่ต้องกังวลกับเรื่องอื่นอีกแล้ว
เนลล์หัวเราะออกมาหลายครั้ง และบอกว่าเธอโชคดีเมื่อคิดว่าเธอขี้เกียจมากแค่ไหน และเจเน็ตก็ไม่ปฏิเสธ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก