ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 103

“เจ้าสร้างเตียงขนาดใหญ่ขึ้นมาเองหรือ?”

มู่ต้าหนิวรับหน้าที่ขับเกวียนวัว ส่วนเอ้อร์หนิวก็นั่งอยู่เคียงข้าง

มู่ซืออวี่และลู่จื่ออวิ๋นนั่งอยู่บนเกวียนทางด้านหลัง

“ใช่แล้ว!”

“น่าทึ่งมาก! ขนาดช่างไม้ชราในเมืองนั้นยังฝีมือไม่ดีเท่าเจ้า คนที่สอนงานไม้ให้เจ้าอาจเป็นช่างฝีมือระดับปรมาจารย์”

“ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นช่างฝีมือหรือไม่ แต่ตอนที่ข้ากำลังเรียนรู้และฝึกฝน เขาก็สอนข้ามาเช่นนี้ อาจารย์เป็นผู้คอยชี้ทางให้ ส่วนการฝึกฝนให้เชี่ยวชาญนั้นขึ้นอยู่กับฝีมือของแต่ละคน หลังจากได้เรียนรู้วิธีการจากอาจารย์แล้วก็ต้องคิดว่าเราจะสร้างในแบบของตนเองอย่างไร”

“ข้ากับเอ้อร์หนิวเป็นเกษตรกร เราไม่เข้าใจเรื่องงานฝีมือหรอก เจ้าเป็นผู้ฉลาดที่สุดในหมู่บ้าน ย่อมเข้าใจง่าย ๆ แน่นอน”

ลู่จื่ออวิ๋นเอนกายนอนบนตักมู่ซืออวี่ สายตาของนางจ้องมองหมู่เมฆสีขาวบนท้องฟ้าสีคราม

“ท่านแม่ ดูก้อนเมฆนั้นสิ… เดี๋ยวเดียวก็กลายเป็นม้า อีกเดี๋ยวก็กลายเป็นภูเขา น่ามองเชียวเจ้าค่ะ”

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ขี่เกวียนวัว ความรู้สึกแปลกใหม่มากมายพลันปรากฏขึ้น

เมื่อวัวเทียมเกวียนมาถึงประตูเมือง เหล่าทหารยามก็เก็บค่าผ่านทาง ทว่าพวกเขากลับถูกตบไหล่ห้ามปราม

หัวหน้านายตรวจประตูเมืองยิ้มให้มู่ซืออวี่ “สะใภ้ตระกูลลู่ พวกท่านผ่านประตูไปได้ ไม่จำเป็นต้องจ่าย! นายท่านลู่จ่ายไว้แล้ว”

มู่ซืออวี่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ “ท่านรู้จักข้าด้วยหรือ?”

“คราก่อนที่เจ้าเดินทางไปหานายท่านลู่ ข้าเองก็บังเอิญไปพบพี่ชายของข้า โอ้ พี่ชายของข้าคือนักการเกา”

“โอ้ ท่านคือน้องชายของนักการเกา ไม่แปลกใจเลยที่ข้ารู้สึกคุ้นหน้าท่าน ท่านทั้งสองช่างละม้ายคล้ายคลึงกันนัก” มู่ซืออวี่หยิบกระเป๋าใบใหญ่สามใบออกมาจากตะกร้าด้านข้าง “นี่คืออาหารฝีมือข้า ท่านเอาไปแบ่งกันเถิด พวกท่านต้องตากแดดตากลมทั้งวัน ขอบคุณท่านสำหรับการทำงานหนัก”

“นี่… ไม่มากไปหน่อยหรือ?” เขากล่าวด้วยท่าทีเขินอาย ทว่ามือทั้งสองกลับเอื้อมหยิบห่อข้าวเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว

ไม่นานเกวียนวัวก็ค่อย ๆ แล่นเข้าไปในเมือง

ลู่จื่ออวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองมู่ซืออวี่ “ท่านแม่ เนื้อห่อนั้นมีราคามากกว่า 12 อีแปะ สามห่อก็เกือบ 50 อีแปะ หากเรายอมจ่ายค่าผ่านทางให้กับพวกเขา เราก็จะเสียเงินเพียง 4 อีแปะเท่านั้น แต่นี่เรากลับต้องจ่ายไปเป็นจำนวนมาก”

“หนูน้อยขี้ตระหนี่ ไม่รู้จักการวางแผนหรืออย่างไร? การกระทำเช่นนี้อาจช่วยเราในอนาคต”

มู่ซืออวี่เอื้อมมือเกาจมูกลู่จื่ออวิ๋น

“อวิ๋นเอ๋อร์พูดถูก ทำแบบนี้เราจะแย่เอาได้” มู่ต้าหนิวกล่าวพลางเกาศีรษะ

“พ่อของอวิ๋นเอ๋อร์ทำงานเป็นเสมียนในศาลาว่าการ ถึงจะฟังดูน่าชื่นชม แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายทำงานในตำแหน่งนั้น อีกทั้งเขายังเป็นเจ้าหน้าลงโทษนักโทษ เป็นเรื่องง่ายที่จะถูกผู้อื่นรุกราน สำหรับข้า อาหารเพียงไม่กี่ห่อที่มอบให้คนเหล่านั้น อาจทำให้พวกเขาเล็งเห็นถึงน้ำใจที่ข้ามี ช่วยให้เส้นทางในศาลาว่าการของพ่ออวิ๋นเอ๋อร์ราบรื่นในอนาคต”

นางไม่อาจมั่นใจได้ว่าทุกคนจะยอมรับน้ำใจที่มี แต่แม้จะมีเพียงหนึ่งถึงสองคนที่เล็งเห็น พวกเขาก็อาจช่วยเหลือ ตักเตือนถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นและนำมาซึ่งจุดเปลี่ยนได้

ลู่จื่ออวิ๋นดูเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ

ส่วนมู่ต้าหนิวและเอ้อร์หนิวเข้าใจทุกสิ่งที่มู่ซืออวี่ทำเพื่อลู่อี้ พวกเขาจึงลอบถอนหายใจ เมื่อครึ่งปีก่อนพวกเขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้ลู่อี้หย่าร้างกับ ‘หญิงขี้เกียจ’ ผู้นี้ แต่พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่านางจะกลายเป็นคนมีคุณธรรมขึ้นมาได้

เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด

น้องอวี่คงไม่รู้เรื่องที่พวกเขาสองคนเกลี่ยกล่อมลู่อี้หรอกใช่หรือไม่?

“เตียงนี้มีเพียงร้านขายงานไม้เท่านั้นที่จะรับซื้อ เราไปที่ร้านขายงานไม้กันดีหรือไม่?”

“ไม่ เราจะไปตลาดสด”

แม้ร้านขายงานไม้จะรับซื้อ และนางค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเขาต้องการเตียงนี้มาก แต่การขายให้กับร้านขายงานไม้ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มกำไรให้พ่อค้าคนกลางโดยไร้เหตุผล เหตุใดนางจึงจำเป็นต้องทำเช่นนั้น?

เกวียนวัวหยุดลงที่ตลาดสด

ชายทั้งสองช่วยกันแบกเตียงลงมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย