ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 109

“เรียนหนังสือต้องใช้เงินมาก” แววตาของถงซื่อเป็นประกายขึ้นมา ทว่าเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ นางก็ส่ายหัว “ฉาวอวี่เฉลียวฉลาด ท่านพ่อกับท่านอาของเขาล้วนแต่เป็นคนหัวดี เขาก็ย่อมไม่แย่เช่นเดียวกัน แต่หานเอ๋อร์ของพวกเรา….”

เขาอายุมากกว่าลู่ฉาวอวี่ ทั้งยังไม่รู้หนังสือ ถึงตอนนี้ก็ยากที่จะเรียนความรู้ขั้นพื้นฐานให้กระจ่างแล้ว

“หานเอ๋อร์ก็ไม่เลวเช่นกัน” มู่ซืออวี่พูดโน้มน้าวอย่างแข็งขัน “หานเอ๋อร์ของเราหลักแหลมเช่นนั้น ภายหน้าจะต้องได้ดีแน่นอน ท่านแม่ไม่อยากให้หานเอ๋อร์เหนือกว่าคนอื่นหรือ?”

“เหตุใดข้าจะไม่อยาก? เพียงแต่เล่าเรียนหนังสือจะต้องมีกฎเกณฑ์มากมาย…”

นางเป็นเพียงหญิงม่ายคนหนึ่งที่ลำพังจะหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องพวกเขาเองยังทำไม่ได้ เช่นนั้นจะไปเอาค่าเล่าเรียนหนังสือมาจากที่ใดกัน?

นางรู้ว่าลูกสาวของนางยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็ย่อมอยากรับผิดชอบเรื่องนี้เอง แต่ลูกสาวของนางก็มีลูก ถึงแม้นางจะเต็มใจก็ไม่อาจเอาภาระนี้ไปเพิ่มให้ใคร

ไม่ว่าลูกเขยจะดีเช่นไร ทว่าหากผ่านไปนานเข้า เขาเกิดอยากจะหย่าเพราะน้องชายของภรรยาขึ้นมา นั่นจะไม่เป็นการทำลายความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของครอบครัวหรือ? ไหนจะลู่เซวียนที่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษาระยะยาวอีก

“ข้าออกเอง”

“ไม่ได้” ถงซื่อปฏิเสธ

“ถือซะว่าข้าให้เขายืม หนึ่งรายกายก็จดหนึ่งครั้ง รอให้เขามีความสามารถที่จะคืนข้าค่อยนำมาคืน” มู่ซืออวี่พูดขึ้น “หานเอ๋อร์ของพวกเรามีความสามารถขนาดนั้น จะคืนเงินนี้ไม่ได้เลยหรือ?”

“มีบัณฑิตมากมายออกปานนั้น คนที่จะมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาได้จะมีสักกี่คน? มีคนตั้งมากมายควักเงินออกไปแล้ว ทว่าแม้กระทั่งเสียงขยับเขยื้อนก็ยังไม่มี”

ถึงแม้ถงซื่อจะไม่รู้หนังสือ แต่ก็ได้ยินความลำบากของบัณฑิตมาบ้าง มีกี่ครอบครัวแล้วที่สนับสนุนบัณฑิตคนหนึ่งจนหมดตัว

“ไม่อย่างนั้น พวกเราควรไปถามความต้องการของหานเอ๋อร์ นี่เป็นอนาคตของเขา ควรตัดสินใจเองไม่ใช่หรือไร?”

ถงซื่อเริ่มลังเลเล็กน้อย

มู่ซืออวี่พยายามโน้มน้าวต่อ “ท่านแม่ ลูกชายปราดเปรื่องก็เป็นโชคดีของท่าน ท่านไม่อาจทำให้โชคดีนี้สูญเปล่า ในเมื่อเขาคิดเพื่อท่าน ท่านก็ต้องคิดเพื่อเขาเช่นกัน นี่เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของเขา เขาควรได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง ภายหน้าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะได้ไม่ตำหนิท่าน”

“ได้ เช่นนั้นก็แล้วแต่เขา”

มู่เจิ้งหานใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ที่มีรอยปะชุน เก็บไม้ฟืนมากมายลงมาจากภูเขา ร่างเล็กจ้อยเดินทางกลับบ้านมาพร้อมกับไม้ฟืนบนหลัง

“มู่เจิ้งหาน ไม่ใช่ว่าพี่สาวเจ้าหาเงินได้มากมายหรือ เหตุใดเจ้ายังแต่งตัวซอมซ่อเช่นนี้? พี่สาวเจ้าไม่ช่วยเจ้าทำงานหรือ ไม้ฟืนเยอะขนาดนี้ยังต้องแบกเอง นางแค่พาเจ้าออกมาจากบ้านเดิมสินะ”

“ได้ยินว่าหลานของเจ้าคนนั้นเอาแต่เรียนเขียนอ่านอยู่บ้านตลอดทั้งวัน สวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่เอี่ยม ทำท่าทีราวกับเป็นคุณชายน้อยอย่างไรอย่างนั้น เหตุใดพี่สาวเจ้าทำเช่นนี้กับเจ้าเล่า? พาเจ้าออกมาจากสกุลแล้วยังไม่ดูแลเจ้าอีก”

“เหตุใดพี่สาวเจ้าไม่ให้เจ้าเล่าเรียนหนังสือ? ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว พี่สาวเจ้ามีเจตนาไม่ดี หากเจ้ายังอยู่ในสกุลมู่ งานหนักเช่นนี้พ่อเจ้านู่นแน่ะที่เป็นคนทำ เจ้าไม่จำเป็นต้องตัดฟืนแบกน้ำอยู่ทุกวี่ทุกวัน”

“มู่เจิ้งหานไม่มีพ่อเลี้ยง ไม่มีแม่สอน… มู่เจิ้งหาน หนอนผู้น่าส่งสาร*[1] ขี้แย…”

เด็กในหมู่บ้านหลายคนวิ่งล้อมรอบมู่เจิ้งหาน พูดทุกสิ่งที่ไม่น่าฟังออกมา

มู่เจิ้งหานมีสีหน้าไม่น่าดูชม เขาจ้องมองเด็กที่วิ่งล้อมรอบอย่างโมโห

คำพูดเหล่านี้จะต้องเป็นผู้ใหญ่สอนมาแน่ ๆ แต่จะเป็นผู้ใหญ่คนไหนนั้น หมู่บ้านมีคนมากมาย ผู้ใหญ่ประเภทใดล้วนมีหมด

“พวกเจ้าไม่เบื่อหรือ?” เถี่ยโถววิ่งเข้ามา “รีบไสหัวไป ๆ พวกเด็กเก็บหนี้”

“เถี่ยโถว เจ้าหนอนตามตูด ตามลู่ฉาวอวี่ต้อย ๆ ทุกวัน ฉาวอวี่เอาผายลมให้เจ้ากินใช่หรือไม่?”

“พ่อเจ้าตามพ่อฉาวอวี่ เจ้าตามฉาวอวี่ พวกเจ้าตามทั้งครอบครัว” เด็กคนนั้นพูดจบก็ทำหน้าล้อเลียนแล้ววิ่งหนีไป

เถี่ยโถวหยิบกิ่งไม้แห้งบนพื้นขึ้นมาไล่ตีเด็กหยาบคายพวกนั้น

“รำคาญจริง ๆ” เถี่ยโถวตามเด็กพวกนั้นไม่ทันจึงทิ้งกิ่งไม้ไปอย่างขุ่นเคือง “เหตุใดเจ้าไม่โกรธ?”

มู่เจิ้งหานขยับไม้ฟืนบนหลังตัวเองแล้วพูดอย่างเย็นชา “โกรธแล้วมีแต่จะทำให้พวกเขาลำพองใจ มีแต่จะคิดหาทางทำให้โมโหยิ่งกว่าเดิม ครั้งหน้าก็จะใช้คำดูถูกดูแคลนมากลั่นแกล้งอีก หากไม่สนใจพวกเขามากเท่าไหร่ พวกเขาจะรู้สึกว่าไร้ประโยชน์ขึ้นเท่านั้น”

เถี่ยโถวได้แต่เกาหัวตัวเอง “เหตุใดเจ้าจึงเหมือนลู่ฉาวอวี่ขึ้นทุกทีเล่า?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย