มู่ซืออวี่เดินออกมาแล้วขานรับ “ข้าอยู่นี่”
ลู่จื่ออวิ๋นเปิดประตู ปล่อยให้ลู่เจินเจินเข้ามาในบ้าน
ลู่เจินเจินลูบศีรษะลู่จื่ออวิ๋นแล้วเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“ข้านำเงินมาคืนให้”
นางกล่าวพลางยัดเงิน 20 ตำลึงใส่มือมู่ซืออวี่
“เหตุใดจึงรวดเร็วถึงเพียงนี้?” มู่ซืออวี่ถามด้วยความประหลาดใจ
ลู่เจินเจินเดินเข้าไปด้วยความสุขพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ชายกับหลานชายของข้านำเงินกลับมาให้ พวกเขาบอกว่ายืมมาจากสหาย ข้าเลยนำมาคืนพี่สะใภ้ก่อน”
“ข้าไม่ได้เรียกร้องให้นำมาคืน เหตุใดเจ้าจึงรีบร้อนนัก ขอยืมเงินผู้อื่นมาจ่ายคืนข้าแบบนี้ เจ้าทำราวกับว่าข้าเป็นคนไร้เหตุผลไปได้” มู่ซืออวี่กล่าว
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ลู่เจินเจินยิ้ม “ทุกวันนี้ข้ากับพี่สะใภ้ขายช่วนช่วนเซียงในหมู่บ้านใกล้เคียง ยอดขายกับกำไรค่อนข้างมาก ได้เงินดีทุกวัน พี่สะใภ้ต้องเดินทางเข้าเมืองแต่เช้า ข้าเลยเล่าให้พี่ชายฟัง ขอให้เขาลาออกจากงานมาช่วยกันค้าขาย ข้าขอให้พี่ชายนำช่วนช่วนเซียงไปให้สหายของเขาได้ลิ้มลอง พวกเขาชอบมากเลยล่ะ”
“พี่ชายของข้าบอกว่าอาหารนี้มีราคาถูก หลายคนสามารถจ่ายได้ โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้กินเนื้อสัตว์มาเป็นเวลานาน หลายคนยินดีที่จะซื้อมันในราคาหนึ่งอีแปะ ผู้คนมากมายต่างหลั่งไหลเข้ามาอุดหนุน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พี่ชายกับพี่สะใภ้ของข้าเก็บออมเงินได้หลายสิบตำลึง เดิมทีพวกเขาตั้งใจจะใช้สำหรับจัดงานแต่งงานให้กับหลานชายของข้า แต่พวกเขาจะเอามาเช่าร้านก่อน เราอาจจะต้องเข้าเมืองบ่อยขึ้น ไม่ได้อยู่ที่นี่นาน ข้าเลยนำเงินมาคืนให้ท่านก่อน”
“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้ของเจ้ารอบรู้ถึงเพียงนี้ เจ้าเองก็ทำงานหนัก หากมีสิ่งใดจะปรึกษาข้า ข้าก็ยินดีจะช่วยเหลือ”
“เฮ้อ ข้าจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาก็แล้วกัน หลังจากนี้ข้าคงต้องรบกวนท่านอีก”
หลังจากที่ลู่เจินเจินกล่าวจบ นางก็เดินเข้าไปใกล้มู่ซืออวี่ด้วยท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ “พี่สะใภ้ รู้หรือไม่ว่าครอบครัวของแม่เฒ่าเจียงกำลังเกิดปัญหา?”
“หือ?” มู่ซืออวี่งุนงง
“ข้ารู้ว่าท่านยุ่งกับงานตลอดทั้งวันจนไม่ได้สนใจ ลุงต้าไห่กำลังเริ่มต้นกิจการในเมือง เขาบอกว่าต้องการเงินไปหมุนเลยเกลี้ยกล่อมแม่เฒ่าเจียงให้ขายที่ดิน แต่ลุงต้าซานไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น เขาบอกว่าพี่น้องทั้งสามจะต้องได้รับส่วนแบ่งที่ดินเท่าเทียมกัน หากจะขายก็ต้องแบ่งกันก่อนแล้วขายในส่วนของตน เพราะเขาเองก็ต้องการมีที่ดินของตน ข้าได้ยินมาว่ามีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย แม่เฒ่าเจียงก็เอาแต่ดุด่าลุงต้าซานทั้งวัน”
“เขาฉลาดเฉลียวขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว”
หลังจากที่พูดคุยซุบซิบนินทาครอบครัวของแม่เฒ่าเจียงแล้ว ทั้งสองก็คุยกันเรื่องเปิดร้านช่วนช่วนเซียง
ในฐานะผู้มีประสบการณ์ มู่ซืออวี่ได้ให้คำแนะนำมากมายแก่ลู่เจินเจิน ยิ่งลู่เจินเจินได้ฟังมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น
ณ บ้านแม่เฒ่าเจียง มู่เจิ้งอี้จ้องมองไปยังบ้านอันทรุดโทรมด้วยความขยะแขยง จากนั้นจึงมองไปยังมู่ต้าซานที่นั่งอยู่มุมหนึ่ง และในที่สุดสายตาของเขาก็จับจ้องไปยังมู่ต้าไห่ซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่งดงาม
“พวกท่านเรียกข้ากลับมาเพื่อขอให้ขายที่ดินอย่างนั้นหรือ?”
“น้องสาม พี่ชายกับพี่สะใภ้ของเจ้าต้องการเงินหมุนเวียน แต่เจ้ารองไม่อาจช่วยอะไรได้ เขาคืออุปสรรคขวางทางชีวิตเรา หากไม่มีเขา เราก็จะสุขสบายขึ้นไม่ใช่หรือ?” ถังซื่อบ่นไม่ยอมหยุดจนน้ำลายกระเซ็น
มู่เจิ้งอี้ขมวดคิ้ว “เพียงเพราะเรื่องนี้หรือ?”
“เพียงเพราะเรื่องนี้แหละ” มู่ต้าไห่ตะคอกอย่างเย็นชา
“ข้ายุ่งมาก แต่พวกท่านกลับตามข้ามาเพียงเพราะเรื่องนี้ รู้บ้างหรือไม่ว่าทำให้ข้าสูญเสียเวลาไปมากเพียงใด?” มู่เจิ้งอี้กล่าวด้วยความไม่พอใจ “ท่านแม่ หากพี่ใหญ่ขาดเงินก็แบ่งที่ดินส่วนของเขา ให้เขานำไปขาย เราทุกคนในครอบครัวต้องมีส่วนแบ่งที่เท่าเทียมกันไม่ใช่หรือ?”
“เรื่องนี้…” แม่เฒ่าเจียงกล่าวอย่างเชื่องช้า “ตงเอ๋อร์ แน่นอนว่าเราเป็นชาวนา หากไม่มีที่ดินแล้วจะเรียกชาวนาได้อย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...