ทั่วทั้งหมู่บ้านเต็มไปด้วยควันและกลิ่นหอม ยิ่งเมื่อได้กลิ่นเนื้อหอมหวนจากบ้านของลู่อี้ ครอบครัวอื่นก็ยิ่งเกิดความอยากอาหาร บ้างรู้สึกอิจฉาริษยา บ้างรู้สึกหิวโหยและตะกละตะกลาม
ขณะที่มู่ซืออวี่กำลังจัดจาน เสียงสุนัขเห่าก็พลันดังขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ลู่ฉาวอวี่ก็เดินไปเปิดประตู
“ฉาวอวี่” เถี่ยโถวกล่าวพลางหัวเราะ “เจ้าเห็นสิ่งที่ข้านำมาให้หรือไม่?”
“สุนัข?” ลู่ฉาวอวี่จ้องมองไปยังลูกสุนัขในอ้อมแขนเถี่ยโถว จากนั้นจึงกล่าวอย่างใจเย็น “เจ้านำมาจากที่ใด?”
“ลูกสุนัขจากบ้านป้าของข้า ท่านป้าเก็บไว้ให้ข้าโดยเฉพาะ ข้าเลยเอามาให้เจ้า คราวก่อนเจ้าบอกว่าอยากเลี้ยงสุนัขไม่ใช่หรือ?” เถี่ยโถวเอ่ยว่า “อย่าคิดว่าตัวเล็กกระจ้อยร่อยล่ะ แม่ของมันดุมาก เวลาเฝ้าบ้านให้ป้าของข้า มันไล่กัดคนเลวไปไม่น้อย ตอนนี้คนพวกนั้นไม่กล้ายุ่งกับป้าของข้าแล้ว”
ป้าของเถี่ยโถวเป็นพี่สาวของต้าหนิวและเอ้อร์หนิว นางเพิ่งเป็นม่ายเมื่อหลายปีก่อน นับตั้งแต่นั้นมา พวกที่คิดร้ายก็พยายามฉวยโอกาสจากนาง
เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร เถี่ยโถวจึงเกาศีรษะตนเองอย่างเขินอาย “ข้าไม่ควรนำมาให้เจ้าหรือ? ข้าจำได้ว่าเจ้าบอกว่าอยากเลี้ยงสุนัข ข้าจึงนำมาให้โดยไม่ถามก่อนว่าเจ้าต้องการมันจริงหรือไม่ หากเจ้าไม่ต้องการ ข้าก็นำกลับไปได้ ไม่เป็นไร”
“นั่นเถี่ยโถวใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “เหตุใดไม่เข้ามาข้างในก่อนเล่า?”
ลู่ฉาวอวี่หลบไปด้านข้าง ปล่อยให้เถี่ยโถวเดินเข้าไปก่อน
เถี่ยโถวกอดลูกสุนัขพลางกล่าวอย่างเขินอาย “ท่านน้า ข้าเพียงเดินเตร็ดเตร่ไปมาผ่านหน้าบ้านท่าน เลยแวะมาคุยกับฉาวอวี่ ไม่ได้มีสิ่งใดมากไปกว่านั้น”
“แล้วเจ้าอุ้มสิ่งใดอยู่?”
เนื่องจากลูกสุนัขมีขนาดเล็กมาก เมื่อถูกโอบกอดไว้ในอ้อมแขนของเถี่ยโถวจึงถูกบังจนมิด มีเพียงหัวเล็ก ๆ ที่โผล่ออกมา ดวงตากลมโตของมันเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ระแวดระวังกับคนแปลกหน้า
“ลูกสุนัข” เถี่ยโถวตอบ “สุนัขของป้าข้าให้กำเนิดลูกสุนัขหลายตัว ท่านป้ามอบให้ข้าสองตัว แต่ข้านำกลับมาเพียงหนึ่งตัว แม้จะนำกลับมา พ่อของข้าต้องไม่ยอมให้เลี้ยงแน่”
“พ่อของเจ้าไม่ยอมให้เลี้ยง แล้วเจ้าจะทำอย่างไร? หากเจ้าเลี้ยงเองไม่ได้ก็มอบมันให้เราดีหรือไม่ ข้าเองก็อยากเลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าบ้าน” มู่ซืออวี่กล่าว
เถี่ยโถวจ้องมองมู่ซืออวี่ด้วยความประหลาดใจ “ท่านน้าพูดจริงหรือ?”
“จริงสิ” มู่ซืออวี่หัวเราะ “เหตุใดข้าต้องโกหกเจ้าด้วย?”
“เช่นนั้นก็ตกลง!” เถี่ยโถวกะพริบตาพลางจ้องมองลู่ฉาวอวี่
“ลูกสุนัขกัดเป็นหรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นเอื้อมมือไปข้างหน้าหมายจะแตะลูกสุนัข แต่แล้วก็ถอยกลับด้วยความกลัว
“กัดไม่เป็น มันยังเด็กน่ะ” เถี่ยโถวกล่าว “ลองสัมผัสดูเถิด มันรับรู้ได้ว่าใครดีใครเลว”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเถี่ยโถว ในที่สุดลู่จื่ออวิ๋นก็สัมผัสหัวลูกสุนัขสีดำตัวนั้น
ลูกสุนัขสีดำหดหัวกลับด้วยความตกใจ ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของเถี่ยโถว ไม่ยอมปรากฏตัวออกมาอีก
“อย่ากลัวไปเลยเสี่ยวเฮย ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า”
“เถี่ยโถว มากินข้าวเถิด” มู่ซืออวี่จัดวางอาหารลงบนโต๊ะพลางเอ่ยกับเถี่ยโถว
“ไม่ดีกว่าขอรับ” เถี่ยโถวซึ่งกำลังนั่งยอง ๆ รีบลุกขึ้นในทันที และเดินไปข้างนอก “ข้าต้องกลับไปทานอาหารเย็นที่บ้านแล้ว อวิ๋นเอ๋อร์ ฉาวอวี่ ไว้วันหลังข้าจะมาหาเสี่ยวเฮยใหม่”
“เด็กคนนี้…” มู่ซืออวี่เผยรอยยิ้ม “ฉลาดจริงเชียว”
“ต้องการเลี้ยงมันจริง ๆ หรือ?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยถาม
“จริงสิ” มู่ซืออวี่ลูบศีรษะลู่ฉาวอวี่ “เจ้าไม่รู้สึกว่ามันเหมือนเจ้าหรือ?”
“เหมือนอย่างไร?” ลู่ฉาวอวี่จ้องมองนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...