ณ สำนักเหวินชาง เหวินซิ่วไฉ่เอ่ยถามมู่เจิ้งหานและลู่ฉาวอวี่สองสามคำเพื่อดูว่าพวกเขามีพื้นฐานหรือไม่ จากนั้นจึงเริ่มถามคำถามใหม่
เขาลูบเคราของตนพลางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “บุตรชายของพวกเจ้ามีความสามารถ พื้นฐานมากเพียงพอ สามารถเรียนชั้นปีหนึ่งได้ แต่เขายังเด็กเกินไป ชั้นปีหนึ่งมีไว้สำหรับเด็กอายุสิบหนาว ข้าแนะนำให้เขาเรียนชั้นปีสอง ส่วนหานเอ๋อร์ ข้าแนะนำให้เขาเริ่มจากชั้นปีสาม มีปัญหาใดกับการตัดสินใจนี้หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหาเลยท่านอาจารย์ ฝากท่านดูแลด้วย” มู่ซืออวี่กล่าวอย่างสุภาพ
เหวินซิ่วไฉมองลู่อี้ “ลู่อี้เล่า มีสิ่งใดจะเอ่ยหรือไม่?”
“ท่านอาจารย์ โปรดให้หานเอ๋อร์เรียนชั้นปีสองด้วย” ลู่อี้กล่าวอย่างแผ่วเบา “อีกครึ่งปีหากเขาสอบผ่านจะได้เข้าชั้นปีหนึ่งพร้อมฉาวอวี่”
มู่ซืออวี่ “…”
ผู้ใดมอบความมั่นใจนี้ให้เขา?
มู่ซืออวี่พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“แม้ข้าจะไม่เคยพบลู่อี้มาก่อน แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงและความสามารถมาไม่น้อย ข้ารู้ว่าเจ้ารักภรรยาและน้องชายของนางมาก แต่เจ้าก็ต้องเข้าใจด้วยว่า หากให้เขาเริ่มเรียนชั้นปีสอง เขาอาจตามไม่ทันผู้อื่น”
ลู่อี้จ้องมองมู่เจิ้งหาน “เจ้าคิดว่าจะตามทันหรือไม่?”
“ข้า…” มู่เจิ้งหานลังเล
“หากเรียนชั้นปีสาม เจ้าจะได้เรียนร่วมกับเพื่อนอายุห้าหนาว ถูกล้อแค่เรื่องโตที่สุด แต่หากเข้าเรียนชั้นปีสองแล้วสอบไม่ผ่าน เจ้าก็จะถูกเยาะเย้ยมากกว่าเดิม เจ้าอยากถูกคนอายุน้อยล้อหรือโดนดูถูกมากกว่ากัน?”
มู่ซืออวี่ไม่เห็นด้วย “ถูกคนอายุน้อยกว่าล้อก็เจ็บปวดเหมือนกันไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงเรียนกับคนที่อายุเท่ากันไม่ได้?”
มู่ซืออวี่จ้องมองเข้าไปในแววตาของน้องชาย เห็นความไม่ยอมแพ้ฉายวาบออกมา
“ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถให้ได้เข้าเรียนชั้นปีสอง ข้าจะทำให้สำเร็จภายในเวลาครึ่งปี คอยดูได้เลย” มู่เจิ้งหานกล่าว
“ไม่ หลังจากผ่านไปครึ่งปี เจ้าและฉาวอวี่จะต้องเข้าเรียนชั้นปีหนึ่งให้ได้” ลู่อี้กล่าว “เจ้าจะรั้งให้ฉาวอวี่ซ้ำชั้นอยู่กับเจ้าไม่ได้”
มู่ซืออวี่ “…”
เหวินซิ่วไฉลูบเคราของเขา เขาเอาแต่แย้มยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรออกมา
คนธรรมดาทั่วไปจะต้องคิดว่าลู่อี้แปลกประหลาดแน่นอน
ห้องเรียนชั้นปีหนึ่ง สอง และสามฟังดูแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ระดับความรู้แตกต่างกันมากทีเดียว
ชั้นปีสามเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เรียกได้ว่าเริ่มต้นจากศูนย์
ชั้นปีสองเหมาะสำหรับผู้ที่ได้รับการศึกษามานานกว่าสองปี หากไม่ผ่านการประเมินก็จะไม่ได้เลื่อนขั้น
การเลื่อนจากชั้นปีสองสู่ชั้นปีหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ว่ากันว่ามีนักเรียนหลายคนซ้ำชั้นอยู่ในชั้นปีสองเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถสอบเลื่อนระดับได้
ทว่าลู่อี้กลับไม่เพียงขอให้มู่เจิ้งหานสอบเข้าห้องเรียนชั้นปีสองให้ได้ แต่ยังขอให้เขาสอบเข้าห้องเรียนชั้นปีหนึ่งให้ได้ภายในครึ่งปี แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก
ลู่อี้เป็นคนที่ต้องการทำอะไรให้ได้ดั่งใจโดยไร้เหตุผลหรือ?
ไม่ใช่เช่นนั้นแน่
“ท่านอาจารย์ ข้าเต็มใจเข้าเรียนในชั้นปีสอง และจะพยายามอย่างหนักเพื่อสอบเลื่อนขั้นสู่ชั้นปีหนึ่งให้ได้ภายในครึ่งปี ข้าไม่อาจทิ้งหลานชายของข้าให้ร่ำเรียนผู้เดียวได้” มู่เจิ้งหานกล่าวอย่างหนักแน่น
ลู่ฉาวอวี่สวมเสื้อผ้าชุดงาม ดูดีราวกับเด็กชายจากครอบครัวผู้ร่ำรวย ส่วนมู่เจิ้งหานดูแข็งแกร่ง แตกต่างจากเด็กทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด สองน้าหลานมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน หน้าตาพวกเขาก็หล่อเหลาไม่น้อย
เหวินซิ่วไฉในวัยสามสิบหนาวเองก็หล่อเหลาและสง่างาม ในเวลานี้รอยยิ้มที่ยากจะเข้าใจปรากฏบนใบหน้าของเขา
มู่ซืออวี่ไม่อาจขัดขวางการสนทนาของพวกเขาได้ นางปิดปากเงียบ ไม่เอ่ยสิ่งใด เรื่องเช่นนี้สมควรปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจกันเอง แต่เรื่องที่น่าเศร้าในวันนี้คือน้องชายของนางจะต้องเรียนกับเด็กคนอื่นในห้องเรียนชั้นปีสาม เจ้าตัวจะกลายเป็นพี่ใหญ่ในหมู่พวกเขา
หลังออกจากสำนัก มู่ซืออวี่ก็จ้องไปยังประตูที่ปิดสนิท
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...