มู่ซืออวี่มองไปยังคนที่เหลือ “แล้วพวกเจ้าเล่า?”
“พวกข้า…” ทุกคนจ้องมองกันด้วยความตกตะลึง
ที่นี่มีชายอยู่ร่วมกันนับสิบคน แต่ไม่มีผู้ใดกล้า
ถึงแม้มู่ซืออวี่จะอยากช่วยพวกเขา แต่ความสามารถของนางมีจำกัด
“ข้าจะเจรจา ขอเวลาสามปีในการชำระคืน แต่พวกเจ้าจะต้องจ่ายดอกเบี้ย พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าดอกเบี้ยหมายถึงอะไร? หมายถึงการที่พวกเจ้าจำนำบางสิ่ง หากต้องการไถ่ถอนก็ต้องเพิ่มเงิน หากข้าเจรจาเพื่อพวกเจ้าให้ชำระคืนหนี้ภายในระยะเวลาสามปีได้สำเร็จ หนังสือที่ดินของพวกเจ้าจะต้องเอามาจำนองกับศาลาว่าการ และต้องมีการคำนวณดอกเบี้ย เมื่อพวกเจ้าจ่ายคืนอาจต้องจ่ายมากกว่า 50 ตำลึง หรืออาจสูงถึง 60 ตำลึง”
“เราทำไม่ได้ จ่ายเงินคืนจำนวน 60 ตำลึงภายในสามปีงั้นรึ เราทำไม่ได้หรอก”
“ใช่แล้ว! ข้าได้รับเงินเพียง 500 อีแปะต่อเดือน ในระยะเวลาหนึ่งปี ต่อให้ไม่กินไม่ดื่มก็คงเก็บเงินได้เพียงไม่กี่ตำลึง เราจะหาเงินมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร? สามปี… ยอมติดคุกเสียยังดีกว่า ข้าค่อยเริ่มต้นชีวิตใหม่หลังจากนั้น”
“ข้าอยากลองดู” ชายร่างกำยำผู้หนึ่งลุกขึ้นกล่าวว่า “ข้าขอลองดูก่อน หากไม่ได้ผล ข้าจะยอมกลับเข้าคุก”
“เจี่ยงจง เจ้าพูดจริงหรือ?”
“อืม ข้าเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน หากต้องติดคุกสามปี ข้าไม่รู้เลยว่าภรรยาของข้าจะใช้ชีวิตอย่างไร ข้าอยากลองเดิมพันกับชีวิตดู หากไม่ได้ผลก็กลับมา”
“พวกเจ้าที่เหลือไตร่ตรองให้ดีก่อนเถิด ข้าจะไปตามเจ้าหน้าที่เรือนจำ”
มู่ซืออวี่ถอยหลังไปด้วยความลำบากใจ ก่อนจะเดินไปหาเจ้าหน้าที่เรือนจำ “ขอบคุณพวกท่านมากที่ทำงานอย่างหนัก”
นางหยิบเหรียญทองแดงออกมาแล้วยัดใส่มือพวกเขาคนละห้าเหรียญ “นี่คือของตอบแทนเล็กน้อยจากข้า ขออภัยที่มารบกวนพวกท่านในวันนี้”
“ไม่จำเป็นต้องสุภาพถึงเพียงนั้น เราเองไม่ใช่คนอื่นคนไกล ที่ผ่านมาลู่อี้ก็ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี” หัวหน้าเรือนจำกล่าว “คนอื่นมักดูถูกผู้คุมเรือนจำอย่างพวกเรา มีเพียงเสมียนลู่ที่สุภาพกับเรามาโดยตลอด”
“ใช่แล้ว เสมียนลู่มีจิตใจเมตตายิ่งกว่าผู้ใด ท่านเองก็เช่นเดียวกัน ท่านทั้งสองเป็นคนใจดีมาก”
“ขอบคุณ ครอบครัวของเรามีนิสัยดื้อรั้น ถึงจะนิ่ง ๆ น่ากลัวไปสักหน่อย หากสามีของข้าเผลอทำให้พวกเจ้าขุ่นเคือง โปรดยกโทษให้เขา ปฏิบัติต่อเขาเหมือนรุ่นน้องโง่เขลาที่ยังไม่เข้าใจสิ่งใดด้วยเถอะ”
“ฮ่าฮ่า”
“ท่านช่างเมตตา ในเมื่อท่านเองก็ไม่ใช่ญาติของพวกเขา เหตุใดจึงต้องพยายามช่วยเหลือพวกเขาเช่นนี้?”
“ข้าเคยเป็นคู่ค้าของร้านอาหารที่พวกเขาทำงานอยู่ เมื่อรู้ว่าพวกเขาถูกขังอยู่ที่นี่ ข้าก็ต้องช่วย ดูเหมือนพวกเขาจะไม่มีความหวังเหลืออยู่เลย เพราะในความเป็นจริง เงินเพียงไม่กี่สิบตำลึงก็มากเกินกว่าที่คนทั่วไปจะหาได้”
“ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ กฎหมายศาลเป็นผู้กำหนด เจ้านายของข้าก็ทำได้เพียงปฏิบัติตามกฎเท่านั้น”
“ฮูหยิน ฮูหยิน ข้าเองก็อยากลองเสี่ยงดู”
“ข้าเองก็อยากลองเสี่ยงเช่นเดียวกัน อย่างที่เจี่ยงจงพูด หากทำไม่ได้ข้าก็จะยินยอมกลับมาเข้าคุก ข้าอยากลองดู”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของพวกเขา มู่ซืออวี่ก็เริ่มคำนวณ เฟิงเจิงเต็มใจทำสัญญาชำระหนี้หนึ่งปี ส่วนอีกห้าคนยินดีจะลงนามทำสัญญาชำระหนี้ภายในระยะเวลาสามปีพร้อมดอกเบี้ย พวกเขาล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เพราะแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดอยากติดคุกเป็นเวลาสามปี
หลังจากเสร็จสิ้นการพิจารณาคดี นายอำเภอฉินก็กลับมายังห้องพัก เมื่อมาถึง ผู้ช่วยของเขาก็เข้ามา “นายท่าน ภรรยาของเสมียนลู่มาขอพบท่าน”
“ภรรยาของลู่อี้?” นายอำเภอฉินรู้สึกประหลาดใจ “นางมาพบข้าด้วยเหตุอันใด? สตรีผู้นี้น่าสนใจไม่น้อย พานางเข้ามา”
ระหว่างที่นายอำเภอฉินเขียนบางอย่าง ผู้ช่วยก็พาตัวมู่ซืออวี่เดินเข้ามาในห้อง
นางเอ่ยทักทายในทันที “ข้ามาพบท่าน”
นายอำเภอฉินพับสิ่งที่เขียนลงในซองพลางกล่าวว่า “นั่งลงก่อนเถิด”
“ขอบคุณนายท่าน”
กึก…
เขาประทับตราลงบนซองจดหมายนั้น
“นำสิ่งนี้ไปให้ผู้ส่งสาร”
“ขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...