ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 134

ผู้จัดการร้านยืนหน้ารั้วเหล็กพลางจ้องมองด้านนอก แม้เขาจะรอแล้วรอเล่า แต่ก็ยังไม่มีคำสั่งให้ปล่อยตัว

หัวหน้าผู้คุมเรือนจำเฝ้าดูอยู่นาน ไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมอันโง่เขลา เขาเห็นนักโทษที่มีท่าทางเช่นนี้มามาก ในคุกขนาดใหญ่แห่งนี้ ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเป็นเช่นไร แต่หลังจากเข้าคุกไปแล้วก็กลายเป็นคนโง่เขลาและบ้าขึ้นมาทั้งนั้น

“เหตุใดท่านจึงมาที่นี่?” เมื่อหัวหน้าผู้คุมเรือนจำเห็นลู่อี้ ท่าทางของเขาก็แตกต่างจากตอนที่พบถังซานอวี่อย่างสิ้นเชิง

การได้พบลู่อี้ทำให้เขารู้สึกราวกับได้พบพี่น้องร่วมสาบาน ทั้งสองจึงสนทนากันอย่างคุ้นเคย

“ใต้เท้าฉินขอให้ข้ามาบันทึกคดีดอกฝิ่น” ลู่อี้กล่าวพลางยื่นของในมือให้อีกฝ่าย “วันนี้ข้าคงต้องรบกวนพวกท่านให้ทำงานหนักอีกครั้ง นี่คือขนมสำหรับพวกท่าน”

“โอ้ เรารบกวนท่านให้ต้องใช้จ่ายอีกแล้ว” หัวหน้าเรือนจำกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เชิญท่านซักถามได้ตามใจ หากมีอะไรให้เราช่วยเหลือก็บอกได้ตลอดเวลา”

เมื่อได้เห็นลู่อี้ ผู้จัดการร้านก็เผยสีหน้ารังเกียจ

“ข้าพูดทุกอย่างที่ต้องพูดแล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีการบันทึกไว้แล้ว”

“ใต้เท้าฉินต้องการทราบที่มาของดอกฝิ่น เจ้าเคยบอกคนที่ตรวจสอบคดีหรือไม่? เขาไม่ได้บันทึกอะไรลงในบันทึกคดีความเลย” ลู่อี้นั่งลงตรงข้ามอีกฝ่าย

“ข้าไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมาจากที่ใด” ผู้จัดการร้านลูบกรงเหล็กด้วยความโกรธ “ท่านต้องการให้ข้าพูดอะไร ข้าจะต้องพูดอะไรอีก!”

“เงียบ!” หัวหน้าผู้คุมเรือนจำตะโกน

ผู้จัดการร้านหวาดกลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าขึ้นเสียงอีกต่อไป

แม้หัวหน้าผู้คุมเรือนจำจะไม่เคยทำอะไรเขา แต่เขาก็เห็นเหตุการณ์ที่ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งถูกผู้คุมเรือนจำทุบศีรษะขณะควบคุมตัว ชายผู้นั้นหมดสติทันที อีกทั้งยังถูกลากออกไป จากนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่จึงเรียกหมอมาให้

“ข้าถามผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าแล้ว ได้คำตอบไม่เหมือนกันแต่อย่างใด”

“เสมียนลู่ เราไปตกลงกันเงียบ ๆ ดีกว่า” ผู้จัดการร้านกัดฟันกล่าว

เสมียนอย่างพวกเขาต้องคุ้นเคยและพัวพันกับเรื่องเช่นนี้มานานแล้วใช่หรือไม่? เช่นเดียวกับนักโทษที่รอดพ้นไปได้เมื่อคราก่อน ตราบใดที่มีเงิน คำให้การก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามต้องการ

“ไม่มีเวลา” ลู่อี้เหลือบมองอีกฝ่าย “หากไม่ยอมเอ่ยอะไรก็ต้องใช้การทรมาน”

หัวหน้าผู้คุมเรือนจำที่กำลังทานอยู่หันมาด้วยความประหลาดใจทันที

“ท่านทำเช่นนั้นไม่ได้!” ผู้จัดการร้านตกตะลึง “ข้าอยากพบใต้เท้าฉิน ท่านจะมาทรมานข้าไม่ได้”

“ใต้เท้าฉินไม่สะดวก”

“เช่นนั้นข้าต้องการพบเสมียนถัง เสมียนถังเป็นผู้สอบปากคำก่อนหน้านี้ ท่านและข้าเคยมีเรื่องบาดหมางต่อกัน การกระทำของท่านในตอนนี้คือการแก้แค้นส่วนตัว”

“ใต้เท้าออกคำสั่งแล้ว ในเมื่อเขามอบคดีนี้ให้ข้า ข้าก็จะรับผิดชอบอย่างเต็มที่ เขาเชื่อมั่นในตัวข้า ไม่เชื่อคำพูดของเจ้า”

“ไม่ ท่านจะทำแบบนี้ไม่…”

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ลู่อี้ก็เดินออกมาจากคุก

หัวหน้าผู้คุมเรือนจำเดินตามหลังเขามาพลางฉีกยิ้มประจบสอพลอ “พี่ลู่ ผู้จัดการร้านผู้นี้ไม่ยอมพูดอะไรเลยจริง ๆ แต่ท่านยอดเยี่ยมมากถึงซักถามเขาได้”

น่าเกรงขามนัก ลู่อี้ผู้นี้เป็นปีศาจโดยแท้ แต่ถึงอย่างไรการติดตามคนไร้ความปรานีเช่นนี้ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ทำให้ทุกคนได้รับผลประโยชน์ไม่ใช่หรือ?

ลู่อี้ตบไหล่หัวหน้าผู้คุมเรือนจำ “บุคคลผู้นี้ต้องได้รับการดูแลอย่างระมัดระวัง เขาต้องถูกใต้เท้าฉินสอบสวน”

นายอำเภอฉินเพิ่งได้พบกับอู่จั้ว จึงรู้สาเหตุการเสียชีวิตของศพไร้หัวเมื่อไม่นานมานี้ เขากำลังเดินไปยังห้องทำงานส่วนตัวเพื่อดูสิ่งที่ภรรยานอกสมรสนำมาให้ เมื่อมาถึงเขาก็เห็นเฉินเซียนเฉิงเดินเข้ามาพอดี

เขาหยุดเดิน แล้วจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นจึงยืนตรงเพื่อรออีกฝ่ายทำความเคารพ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย