สีหน้าของมู่ซือเจียวเดี๋ยวดำคล้ำเดี๋ยวขาวซีด
เมื่อครู่นี้นางเพิ่งเยาะเย้ยลู่อี้ไป ไม่คิดว่า ‘ชู้รัก’ ของลู่อี้จะเป็นมู่ซืออวี่
ชุดกระโปรงสีฟ้าที่มู่ซืออวี่ใส่ในวันนี้ยิ่งขับเน้นให้รูปร่างของนางดีขึ้นยิ่งกว่าเดิม ส่วนที่ควรโค้งเว้าก็โค้งเว้า ส่วนที่ควรโดดเด่นก็โดดเด่นออกมา เผยเสน่ห์มากล้นเป็นพิเศษ
และเพื่อที่จะให้เข้ากันกับชุดนี้ นางจึงตั้งใจเกล้ามวยผมขึ้นไปโดยเฉพาะ เพียงแต่บนผมไม่มีเครื่องประดับ ทำให้ดูไร้ชีวิตชีวาไปบ้าง
ลู่อี้คิดบางอย่างขึ้นมาได้ เขาล้วงกล่องเล็ก ๆ ใบหนึ่งออกมาจากอก มันเป็นกล่องที่เขาจะมอบให้นางตลอดมา
ชายหนุ่มเปิดกล่อง หยิบปิ่นปักผมสีเงินข้างในออกมาแล้วปักไปบนมวยผมของนาง
ถังเหยียนจื้อมองมู่ซืออวี่ ดวงตาฉายแววตกตะลึง
เมื่อแต่งตัวเช่นนี้ มู่ซืออวี่ดูประดุจดอกไป่เหอ*[1] ที่แสนบริสุทธิ์ แม้กระทั่งมู่ซือเจียวก็เทียบไม่ได้
เครื่องประทินโฉมบนใบหน้ามู่ซือเจียวหนาเตอะเป็นพิเศษ เดิมทีแล้วมีความงามอยู่เพียงสามส่วนเท่านั้น แต่งเช่นนี้จึงดูงามขึ้นมาถึงห้าส่วน แต่มู่ซืออวี่กลับแตกต่างออกไป ใบหน้าของนางไร้สิ่งใดแต่งแต้ม แก้มสีชมพูดูเนียนนุ่ม ละมุนละไมยิ่งกว่าผิวเต้าหู้
มู่ซือเจียวสังเกตเห็นว่าสายตาของถังเหยียนจื้อดูแปลกไป จึงหยิกเนื้ออ่อนนุ่มตรงเอวของเขาอย่างแรง
ถังเหยียนจื้อสูดหายใจเข้าลึก ๆ เรียกสติคืนกลับมา ตอนแรกเขาไม่พอใจกับความหยาบคายของมู่ซือเจียว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาเย็นเยือกของลู่อี้
“มู่ซือเจียว เมื่อคืนเจ้า….”
“เจ้าอย่ามาพูดจาเลอะเทอะ!” มู่ซือเจียวรีบขัดคำพูดของมู่ซืออวี่
ตอนนี้ลูกค้าคนอื่น ๆ กำลังส่งคืนห้อง เมื่อเห็นชายสองหญิงสองอยู่ที่นี่ก็อดนินทาไม่ได้
มู่ซือเจียวลักลอบมามีความสัมพันธ์ที่นี่ ย่อมไม่กล้าดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมาก เห็นเช่นนี้แล้วจึงลากตัวถังเหยียนจื้อวิ่งลงไปข้างล่างพร้อมเอามือปิดหน้า
หลังจากลงมาข้างล่างแล้ว มู่ซือเจียวก็หันกลับไปมองทางโรงเตี๊ยมแห่งนั้น แล้วเอ่ยเสียงโกรธแค้นชิงชัง “ตอนนี้จะทำอย่างไร? นังหญิงคนนั้นเห็นพวกเราแล้ว”
“ไม่ต้องกลัว นางไม่กล้าพูดจาเลื่อนเปื้อนแน่” ถึงแม้ปากของถังเหยียนจื้อจะเอ่ยเช่นนี้ ทว่าในใจเขากลับไม่คิดเช่นนั้น
มู่ซืออวี่จะออกไปพูดพล่ามอย่างไรก็ไม่กระทบเขาอยู่แล้ว เขาเป็นบุรุษผู้หนึ่ง หากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ผู้อื่นมีแต่จะอิจฉาที่เขามีโชคเรื่องสตรีเท่านั้น
ในขณะที่มู่ซือเจียวกลับกระวนกระวายใจ ในหัวของนางเต็มไปด้วยคำถามมากมายอย่าง ‘จะทำอย่างไรดี?’ ‘เหตุใดถึงต้องมาเจอพบเจอนางนั่นนะ?’
แต่มู่ซืออวี่คิดว่านี่เป็นเพียงเหตุการณ์สั้น ๆ เหตุการณ์หนึ่งเท่านั้น ไม่นานก็ลืมเรื่องนี้ไปอย่างรวดเร็ว
“น้องซืออวี่” เฟิงเจิงที่ออกมาจากข้างในเข้ามาทักทายนาง “คุณหนูรองเจิ้งมาแล้ว”
มู่ซืออวี่หันกลับมาพูดกับลู่อี้ “ท่านไปทำงานของท่านเถอะ! ข้าก็จะเริ่มงานของข้าแล้ว”
ลู่อี้พยักหน้า “ตอนบ่ายข้าจะมาหาเจ้า”
“ได้”
ครั้นเจิ้งซูอวี้เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทั้งหมดก็อดปลาบปลื้มไม่ได้
“ช่างงดงาม!”
“อะไรงดงามหรือ?” มู่ซืออวี่เดินเข้ามาข้างใน
“ท่านมาพอดี” เจิ้งซูอวี้โบกไม้โบกมือให้มู่ซืออวี่ “หากไม่เห็นด้วยตาของตัวเอง คงไม่กล้าเชื่อจริง ๆ ว่าท่านเป็นคนวาดสิ่งนี้ขึ้นมา เหตุใดถึงเก่งกาจเช่นนี้กัน”
เมื่อวานนี้ในตอนที่เจิ้งซูอวี้กลับไป ส่วนหนึ่งยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี นางจึงไม่เห็นผลลัพธ์ที่แท้จริง ตอนนี้มาดูอีกครั้งก็ต้องตกตะลึง
“นี่ยังไม่เสร็จนะ อีกสองสามวันท่านกลับมาดู ถึงตอนนั้นจะชอบมากขึ้นไปอีก” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “ตอนนี้รู้สึกมั่นใจขึ้นมาสักหน่อยหรือไม่?”
เมื่อชิวซวงเห็นว่ามีคนเข้ามาก็ไปต้อนรับ
“คุณหนูหลี่ ท่านมาได้อย่างไร?”
หลี่หงซูกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้าน แล้วเอ่ยชมเปาะ “งดงามมาก!”
“แน่นอนอยู่แล้ว” เจิ้งซูอวี้เยาะเย้ยอย่างเย็นชา “สายตามองคนของข้าไม่เคยผิดพลาด”
หลี่หงซูมองมู่ซืออวี่ “นี่เป็นผลงานของท่านหรือ?”
มู่ซืออวี่ยิ้มน้อย ๆ “ใช่แล้วเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเหตุใดท่านถึงได้ให้ภาพแบบที่ด้อยกว่ากับข้า?” หลี่หงซูไม่พอใจ “จงใจงั้นรึ?”
“…” มู่ซืออวี่ทำตัวไม่ถูก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...