“หวังหมาจื่อ พวกข้าไม่สนใจเหตุผลของเจ้า เจ้าคิดจะทำอย่างไร?” หัวหน้าหมู่บ้านถาม
“ยังจะทำอะไรได้อีก? อย่างไรเสียนางก็ไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์” หวังหมาจื่อยืดคอ เอ่ยด้วยความมั่นใจ
“สารเลว!” หัวหน้าหมู่บ้านคว้าไม้แถว ๆ นั้นขึ้นมาตีหวังหมาจื่อ
“หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าเอ่ยตามจริง นางไม่ใช่หญิงพรหมจรรย์ ข้าไม่รู้ว่าในท้องของนางเป็นเมล็ดพันธุ์ของผู้ใด คงไม่อาจแต่งกับนางได้กระมัง?”
หวังหมาจื่อพูดพลางวิ่งหนีหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ในลานบ้าน
แต่เขาเพิ่งถูกมู่ต้าไห่และแม่เฒ่าเจียงทุบตีมา ร่างกายยังมีบาดแผล จะเป็นคู่ต่อกรหัวหน้าหมู่บ้านที่สภาพสมบูรณ์ได้อย่างไร
ไม่นานเขาก็ถูกหัวหน้าหมู่บ้านจับได้ จากนั้นเขาก็ถูกหัวหน้าหมู่บ้านใช้ไม้ตีสองที
หัวหน้าหมู่บ้านคิดคำนวณแล้ว หลังจากตีระบายความโกรธไปสองรอบก็โยนไม้ในมือทิ้ง
เขาหันกลับไปมองมู่ซือเจียว “นังหนูเจียว เจ้าว่ามา เจ้าอยากทำอย่างไร?”
มู่ซือเจียวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ข้าจะไม่แต่งงานกับเขาเป็นอันขาด”
“เจ้าไม่แต่งงาน แต่ทำเรื่องเช่นนี้กับเขา?” หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียงหัวเราะ “วันนี้ข้าขอพูดเรื่องไม่น่าฟังตรงนี้ หมู่บ้านของเราปล่อยคนเช่นนี้ไปไม่ได้ หากพวกเจ้าไม่ไปขลุกอยู่ในเล้าหมูก็ต้องแต่งงาน”
“เจิ้งอี้บ้านมู่กลับมาแล้ว” ชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกตะโกนขึ้นมา
“เจิ้งอี้” แม่เฒ่าเจียงได้ยินว่าลูกชายคนสุดท้องของนางกลับมาแล้วก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที “เจิ้งอี้อยู่ที่ใด?”
เสียงรถม้าดังขึ้นจากข้างนอก ตามมาด้วยมู่เจิ้งอี้ในชุดไหมปักลายที่เดินเข้ามา
มู่เจิ้งอี้เห็นภาพอีนุงตุงนังในลานบ้านแล้วก็ขมวดคิ้ว เอ่ยขึ้นว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“เจิ้งอี้!” แม่เฒ่าเจียงร้องออกมาเสียงดัง “เจ้ากลับมาแล้ว หากเจ้ายังไม่กลับมา เกรงว่าจะไม่ได้เห็นแม่เป็นครั้งสุดท้ายเสียแล้ว”
มู่เจิ้งอี้พยุงแม่เฒ่าเจียง “ท่านแม่ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“มู่ซือเจียวนังเด็กหน้าไม่อายนั่น นางไปลอบพบกับหวังหมาจื่อ ตอนนี้ถูกจับได้คาหนังคาเขา ทั้งยังกล่าวว่าจะไม่แต่งงานกับเขา เจ้าว่านางน่าอับอายขายขี้หน้าหรือไม่?” แม่เฒ่าเจียงชี้หน้ามู่ซือเจียว ด่าสาดเสียเทเสีย
“หวังหมาจื่อนั่นมีค่าอะไร ยังคิดจะแต่งงานกับนังหนูเจียวอีกหรือ ให้พวกเขาออกไปก่อนเถอะ เรื่องบ้านเราไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นเป็นห่วง”
มู่เจิ้งอี้มีผิวขาวละเอียด แตกต่างจากชาวบ้านในหมู่บ้านโดยสิ้นเชิง ทุกคนคิดว่าในตอนแรกที่มู่เจิ้งอี้เพิ่งไปเป็นคนรับใช้ที่สกุลหวัง ไม่ได้แตกต่างจากชายหนุ่มชาวไร่ชาวสวนธรรมดาคนอื่น ๆ แต่แค่เพียงไม่กี่ปี กลับมีกลิ่นอายของคุณชายจากตระกูลสูงส่งแล้ว
“เจิ้งอี้ เจ้าจะจัดการด้วยตนเองหรือ?” หัวหน้าหมู่บ้านถาม “เจ้าคิดให้ดี หากจัดการได้ไม่เหมาะสม เจ้าจะเสียหน้าต่อคนทั้งหมู่บ้าน”
“ข้ามีการเตรียมการของข้า” มู่เจิ้งอี้เอ่ยขึ้น “หัวหน้าหมู่บ้านจงวางใจ”
“เช่นนั้นก็ได้” หัวหน้าหมู่บ้านไม่อยากยุ่งเรื่องของผู้อื่น โดยเฉพาะเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ ผู้ใดเกี่ยวพันจะโชคร้ายเปล่า ๆ
ความเงียบเข้าปกคลุมลานบ้านทันที
มู่เจิ้งอี้มองหวังหมาจื่อ “ยังไม่ไสหัวไปอีก!”
หวังหมาจื่อยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “จะไปเดี๋ยวนี้ ๆ”
กล่าวจบก็เหลือบมองมู่ซือเจียวอย่างหื่นกระหาย
ถึงแม้เขาจะไม่อยากแต่งงานกับมู่ซือเจียว แต่หญิงนางนี้รสชาติดีไม่น้อย หากสามารถนัดหมายกันได้ชั่วครั้งชั่วคราวก็ยังพอตื่นเต้นเร้าใจ
มู่เจิ้งอี้หรี่ตาลง “วันนี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น หากข้าได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยิน ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่ได้”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องอะไรล้วนไม่เคยเกิดขึ้น ขอให้ท่านวางใจ” หวังหมาจื่อตื่นตระหนก รีบวิ่งหนีไปทันที
แม่เฒ่าเจียงด่ากราด “เจิ้งอี้ เหตุใดไม่ให้นังสารเลวคนนี้แต่งงานกับหวังหมาจื่อให้จบ ๆ ไป?”
“คนเช่นนั้นไม่คู่ควร” หลังจากมู่เจิ้งอี้เอ่ยจบ ก็หันไปมองมู่ต้าไห่ “เดิมทีข้ากลับมาครานี้ก็เพื่อจัดเตรียมสถานที่ดี ๆ ให้เจียวเอ๋อร์อยู่ สุดท้ายพวกท่านกลับลงเอยเช่นนี้ ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปแล้ว”
“สถานที่ดี ๆ อะไร?” ถังซื่อผู้ที่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดมาเป็นเวลานานถามขึ้น
“จัดการปัญหาตรงหน้าก่อนเถอะ!” มู่เจิ้งอี้ขมวดคิ้ว “เรื่องระหว่างเจียวเอ๋อร์กับหวังหมาจื่อผู้นั้นมีคนกี่มากน้อยที่รู้เห็นเรื่องนี้?”
“อันที่จริงคนที่เห็นไม่มาก คนที่พบคนแรกก็คือแม่นางหวัง นางเป็นคนมาหาข้า ข้าจึงพาพี่เจ้ากับสะใภ้ใหญ่ไปจับมา คนที่มาหลัง ๆ เพียงแค่ได้ยินคำพูดมา” แม่เฒ่าเจียงกล่าว
“ท่านแม่ ท่านเลอะเลือนจริง ๆ พี่ใหญ่ก็เหมือนกัน อย่างไรท่านก็เคยทำกิจการอยู่ในเมือง เหตุใดจึงโง่เขลาเช่นนี้?” มู่เจิ้งอี้ขมวดคิ้ว
แววตาของมู่ต้าไห่ปรากฏความขุ่นเคือง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...