ยามเช้าตรู่ เสียงไก่ขันและสุนัขร้องปลุกผู้คนที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้น
ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาอย่างเอียงอาย ครั้งแรกเพียงลองส่องแสงสว่างอ่อน ๆ ก่อนจะค่อย ๆ สว่างจ้าขึ้นเรื่อย ๆ จนปกคลุมไปทั่วแดนใต้หล้า
ฉึบ ฉึบ!
มู่ซืออวี่หั่นต้นหอมอย่างรวดเร็วแล้วใส่ลงในชามไม้ข้าง ๆ นางตอกไข่สองสามฟองลงไป ตีให้เข้ากัน ก่อนจะใส่เครื่องปรุงแล้วผละไปนวดแป้งสาลีจนเป็นก้อน
การเคลื่อนไหวของนางคล่องแคล่วว่องไว ดูแล้วราวกับการแสดงกายกรรม ทำเอาหนุ่มน้อยจือเชียนที่ก่อไฟอยู่ตาลุกเป็นประกาย
มู่ซืออวี่ตัดแป้งก้อนใหญ่เป็นก้อนเล็ก ๆ ก่อนจะทาน้ำมันบาง ๆ ลงไป หลังจากนวดคลึงอยู่ครู่หนึ่งก็รีดให้เป็นแผ่นแป้งบาง
นางแผ่แป้งลงไปบนกระทะจนดังฉี่ฉี่ กระทะร้อนระอุอบแผ่นแป้งจนกลายเป็นสีเหลืองทอง โชยกลิ่นหอมหวนออกมา
จือเชียนกลืนน้ำลายแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฮูหยิน หอมยิ่งนัก ฝีมือของท่านช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”
“หากชอบกินก็กินเยอะ ๆ เจ้าอยู่ในช่วงที่ร่างกายกำลังเติบโต ดูแลอาหารการกินตัวเองให้ดี” มือของมู่ซืออวี่ยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง
สาเหตุที่นางพูดว่าให้กินเยอะ ๆ นั้นไม่ได้พูดตามมารยาท
นางวางแป้งอบแผ่ลงในตะกร้าแผ่นแล้วแผ่นเล่า จนตะกร้าไม้ไผ่สานนั้นเกือบเต็ม
“ใกล้เสร็จแล้ว เจ้ายกนมวัวออกไปได้เลย”
จือเชียนขานรับแล้วยกนมวัวออกไป
ลู่อี้หาบฟืนเข้ามา เห็นจือเชียนจัดวางชามตะเกียบก็รู้ว่าอาหารเช้าเสร็จแล้ว จึงไปล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา
ตอนนี้ที่บ้านมีรถม้า ไม่จำเป็นต้องเข้าเมืองไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จก็ใกล้จะได้เวลาต้องเข้าเมืองไปจัดการงาน
วันนี้มู่ซืออวี่ต้องเข้าเมืองเช่นกัน อีกครู่หนึ่งรถม้าทั้งสองคันของตระกูลลู่ก็จะออกเดินทาง
“นี่คืออะไรหรือ?” ลู่เซวียนได้กลิ่นของนมวัวแล้วก็ขมวดคิ้วจนแทบจะหนีบแมลงวันได้
มู่ซืออวี่วางแผ่นแป้งลงพลางอธิบาย “แม่วัวบ้านป้าเหยาคลอดลูกวัวแล้ว ข้าเห็นว่าน้ำนมของมันไม่เลว ก็เลยขอซื้อมาจากนางสักหน่อย วางใจได้ ข้าจัดการแล้ว ไม่มีกลิ่นคาวรุนแรงขนาดนั้นหรอก”
“พวกเราไม่ชินกับกลิ่นเช่นนี้” ลู่เซวียนกล่าว “ข้าขอดื่มน้ำเปล่าได้หรือไม่?”
“นมวัวมีประโยชน์ต่อร่างกาย ร่างกายของพวกเจ้าจำเป็นต้องบำรุงให้ดี โดยเฉพาะจือเชียน เจ้าขาดสารอาหารมานาน ตัวจึงไม่สูง ให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้ ข้าตกลงกับป้าเหยาไว้แล้ว จากนี้ข้าจะซื้อนมวัวจากนางวันละหน่อย เดิมทีป้าเหยาไม่รับเงินข้าหรอก แต่ข้าต้องการซื้อในระยะยาว หากนางไม่รับเงิน ข้าก็ไม่เอา นางถึงได้ยอมรับไว้”
เสียงจือเชียนดื่มดังอึก ๆ แทบจะจุ่มหัวลงในชาม
“อย่าเอาแต่ดื่มนม กินแป้งอบบ้างสิ ตอนอยู่ที่ห้องครัวยังอยากกินมากอยู่เลยไม่ใช่หรือ?” มู่ซืออวี่คีบแป้งอบแผ่นหนึ่งให้จือเชียน “ไม่ต้องเขิน ทำตัวให้เหมือนอยู่บ้านตัวเองได้เลย”
เซี่ยคุนไร้ซึ่งความเกรงใจ มือข้างหนึ่งเขาถือแป้งอบ อีกข้างหนึ่งถือนม กินเต็มปากเต็มคำโดยไม่พูดจา
ลู่เซวียนนึกรังเกียจ แต่เมื่อถูกลู่อี้เหลือบมองคราหนึ่งก็ประพฤติตัวดีขึ้นมาทันใด
“จือเชียน ถ้าเจ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องฝืนหรอก” มู่ซืออวี่เห็นจือเชียนเอาแต่นิ่งเงียบ ทั้งยังก้มหน้าอยู่ตลอด นางก็กังวลขึ้นมา “ทุกคนล้วนแต่มีสิ่งที่ไม่ชอบกันทั้งนั้น ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ แค่พูดออกมาอย่างเปิดเผยก็พอแล้วล่ะ”
จือเชียนวางชามลง ก่อนจะเช็ดน้ำตาทิ้ง “ไม่ใช่อย่างนั้น ฮูหยิน ข้ามีความสุขเกินไปต่างหาก เมื่อก่อนกินข้าวอดมื้อกินมื้อ ติดตามพี่คุนพอได้กินบ้าง แต่ก็ยังไม่มีใครห่วงใยข้าเช่นนี้ มีแต่ฮูหยินดีกับข้าราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน”
“ห้าปีนี้เจ้าต้องอยู่กับเรา เช่นนั้นก็เป็นคนในครอบครัวของเรา ต่อไปหากเจ้ามีของที่ชอบกิน ขอเพียงบอกข้ามา ข้าจะดูแลข้าวปลาอาหารของเจ้าให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ขอบคุณฮูหยินขอรับ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่สะใภ้ ข้า…” ลู่เซวียนเพิ่งพูดไปได้ครึ่งประโยคก็เห็นลู่อี้มองมา เขาจึงกลืนคำพูดที่ปากลงไปทั้งอย่างนั้น “การดื่มนมจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงจริงหรือ?”
“แน่นอน คนที่ดื่มนมบ่อย ๆ จะตัวสูงมาก ร่างกายก็แข็งแรงมากด้วย” มู่ซืออวี่ตอบ
“งั้นข้าจะดื่ม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...