ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 181

ท่านหมอจูเดินแบกสมุนไพรกลับมา ครั้นเห็นบ้านดินหลังเล็กของตนอยู่ไม่ไกลก็รีบเร่งฝีเท้า

“ไอ้หยา!”

หญิงผู้หนึ่งโผล่ออกมาจากตรงหัวมุม นางไม่ระวังจนชนกับท่านหมอจูเข้าพอดี

“ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” ท่านหมอจูเห็นแม่ม่ายเจี่ยเสื้อผ้ารุ่งริ่งก็เดินถอยหลังไปสองสามก้าว

“ท่านหมอจู ข้าเท้าแพลง” แม่ม่ายเจี่ยเหยียดแขนออกไปทางท่านหมอจู แขนเสื้อยาวไถลลงมา เผยให้เห็นผิวพรรณที่ยังพอนับได้ว่านวลละเอียด “ท่านชนข้าแล้ว จะไม่พยุงข้าขึ้นมาเลยหรือ?”

“เจ้าลองขยับดูสักหน่อย” ท่านหมอจูกล่าว

“ข้าขยับไม่ไหว” แม่ม่ายเจี่ยมองเขาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม “ท่านเป็นหมอก็ช่วยข้าดูหน่อยสิ! คนเขาเจ็บมากนะ”

ขณะที่ท่านหมอจูกำลังลำบากใจอยู่นั้น มือข้างหนึ่งของใครบางคนก็พลันช่วยพยุงแม่ม่ายเจี่ยเอาไว้แล้วพานางลุกขึ้นมา

“ทำไมถึงเป็นเจ้าไปได้?” แม่ม่ายเจี่ยเห็นผู้มาใหม่ก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “ใครต้องการให้เจ้าพยุงกัน?”

ถงซื่อที่บังเอิญเดินผ่านมามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย “ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการให้คนช่วยพยุงหรอกหรือ?”

“ข้า… ข้าไม่อยากให้เจ้ามาพยุง!” แม่ม่ายเจี่ยกระทืบเท้าด้วยความโมโหแล้วจ้ำพรวด ๆ จากไป

ถงซื่อมองตามแผ่นหลังของแม่ม่ายเจี่ยด้วยความงุนงง “นางไม่ได้เท้าแพลงหรอกรึ เหตุใดบอกว่าตนเท้าแพลงกัน?”

ท่านหมอจูกระแอมไอ “นางคงจะเข้าใจผิดไปกระมัง”

“อ้อ” ถงซื่อไม่ได้ติดใจสงสัย

ท่านหมอจูมองถงซื่อด้วยแววตาที่ต่างออกไปจากเดิม

วันนั้นหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาก็พบว่านอนอยู่บนเตียงของถงซื่อ ส่วนถงซื่อก็กำลังป้อนยาให้เขา แม้จะบอกว่าไม่ได้ผิดปกติอะไร แต่เขารู้สึกว่ามีความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างเกิดขึ้น

เห็นถงซื่อทีไร เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองชอบกล

“จริงสิ” ถงซื่อล้วงถุงผ้าหูรูดเล็ก ๆ ใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ “สิ่งนี้เป็นของท่านใช่หรือไม่? วันนั้นมันตกอยู่ในบ้านข้า”

เมื่อเห็นถุงผ้าใบนั้น ท่านหมอจูก็ตะลึงไป

เขารีบรับมันมา “ขอบคุณ”

“ถุงผ้านี้…” ถงซื่อแสดงสีหน้าฉงน “ข้ารู้สึกว่ามันคุ้นตาอยู่หน่อย ๆ”

“ถุงผ้าก็ล้วนแต่เป็นแบบเดียวกันทั้งนั้น” ท่านหมอจูกล่าว “ท่านจะรู้สึกคุ้นตาก็เป็นเรื่องธรรมดา”

“ถุงผ้าเก่ามากแล้ว มีอายุบ้างแล้วล่ะ ข้าเห็นเชือกบนนั้นแทบจะหลุดกระจาย ไม่เปลี่ยนสักใบเล่า หากวันใดทำของสำคัญหายไปจะไม่คุ้มเอา”

“ข้าใช้จนชินแล้ว ใช้ไปเช่นนี้นี่แหละ วันใดหลุดไปก็ค่อยว่ากัน” ท่านหมอจูยัดถุงผ้าเข้าไปในอกเสื้อ “ท่านมาหาข้าก็เพื่อคืนถุงผ้าให้เช่นนั้นหรือ?”

“ใช่แล้ว! จริงสิ…” ถงซื่อปลดตะกร้าที่แบกอยู่ข้างหลังของตนลง แล้วยกชามไม้เล็ก ๆ ใบหนึ่งออกมา “ข้าทำหมูตุ๋นมาให้ท่านบำรุงร่างกาย ท่านเพิ่งฟื้นตัวจากไข้หนัก ยังต้องบำรุง”

แม่ม่ายเจี่ยเห็นท่านหมอจูเข้าไปในบ้านแล้ว ถงซื่อก็เดินไปทางบ้านของตัวเองแล้ว จึงเดินออกมาจากหลังต้นไม้

“สองคนนี้น่าสงสัย”

งานเปิดกิจการขายต่อเนื่องกันสามวันสิ้นสุดลงแล้ว ชื่อเสียงของ ‘เรือนกรุ่นฝัน’ เริ่มระบือออกไป

หลังจากนั้นมู่ซืออวี่ก็ต้องง่วนอยู่กับรายการสั่งซื้อชิ้นใหญ่ของหลี่หงซู

หลี่หงซูรู้จักความสามารถที่แท้จริงของมู่ซืออวี่ ทั้งยังเห็นรูปภาพที่นางวาดออกมาใหม่แล้ว จึงเชื่อมั่นในฝีมือของนางอย่างเต็มเปี่ยม

“พี่หลี่ เหตุใดนางผู้นั้นจึงอยู่ที่บ้านเจ้ากัน?” ถังหมิงฉงเอ่ยถาม

หลี่จวิ้นหานมองไปตามสายตาของถังหมิงฉงก็พบเข้ากับแม่นางน้อยหน้าตาสะสวยผู้หนึ่ง

แม่นางน้อยดวงตางดงาม ทั้งยังยักคิ้วหลิ่วตาแพรวพราว ท่าทางคล่องแคล่วอีกต่างหาก

“ช่วงนี้น้องสาวของข้ากำลังบูรณะห้องส่วนตัว นั่นคงเป็นคนที่นางพาเข้ามา” หลี่จวิ้นหานเมียงมองอยู่หลายครา “เจ้ารู้จักหรือ? สนิทสนมกันหรือไม่?”

“พี่หลี่อย่าได้พูดล้อเล่นเลย สายตาของข้าไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้น” ถังหมิงฉงหัวเราะเยาะ “หญิงผู้นั้นคือผู้หญิงของศัตรูข้า แค่เห็นนางข้าก็ไม่สบอารมณ์แล้ว”

“ในเมื่อเป็นผู้หญิงของศัตรู เช่นนั้นก็ไม่ต้องเกรงใจ แกล้งยั่วนางเล่นสักทีเป็นอย่างไร?” หลี่จวิ้นหานยิ้มร้าย

“หืม พี่หลี่มีความคิดดี ๆ อะไรหรือ?”

เครื่องมือที่มู่ซืออวี่นำมานั้นพัง จึงขอยืมเครื่องมือของคนรับใช้ในจวนหลี่ คนรับใช้บอกว่าจะไปหา ให้นางรออยู่ที่เดิมไปก่อน

“เถ้าแก่เนี้ย เครื่องมือในจวนเรามากมายเกินไป ไม่รู้จริง ๆ ว่าท่านจะชอบชิ้นไหน ท่านตามบ่าวไปดูสักหน่อยได้หรือไม่?” คนรับใช้คนเมื่อครู่กลับมาบอก

มู่ซืออวี่รู้สึกแปลก ๆ นางเพียงต้องการยืมใช้เครื่องมือสักเล็กน้อยเท่านั้น สุ่มหยิบมาสักชิ้นก็พอแล้ว จำเป็นต้องเลือกมากมายที่ไหนกัน?

แต่อาจเป็นเพราะคนรับใช้คนนั้นไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง นางจึงเดินตามเขาไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย