ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 182

สรุปบท บทที่ 182 ใครรังแกเจ้า?: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย

ตอน บทที่ 182 ใครรังแกเจ้า? จาก ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 182 ใครรังแกเจ้า? คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายเวลาเดินทาง ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย ที่เขียนโดย ฮั่วลั่วหยิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เซี่ยคุนมองไปยังร่างที่อยู่ในน้ำด้วยสายตาคมกริบ

มู่ซืออวี่หนาวจนตัวสั่น “พวกเราไปเถอะ”

“จะปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้หรือ?” แววตาของเซี่ยคุนเผยแววจิตสังหาร

“พวกเขาเองก็ไม่ได้เปรียบนักหรอก เราไปจากที่นี่กันก่อนค่อยว่ากันเถอะ” นางเอ่ยพลางเดินไปทางเรือนรับรองของหลี่หงซู

เซี่ยคุนหันกลับไปมองบ่อน้ำนั้นอีกครั้ง สุดท้ายจึงเดินตามมู่ซืออวี่ไป

“คุณชายใหญ่ตกน้ำแล้ว! รีบมาช่วยเร็วเข้า!”

ไม่นานเสียงร้องแหลมสูงของคนรับใช้ก็ดังขึ้น ตามมาด้วยความโกลาหล

หลี่หงซูกลับมาจากงานเลี้ยงของเหล่าคุณหนู เห็นคนใช้ในจวนรีบร้อนวิ่งออกมาข้างนอกจึงรั้งไว้แล้วเอ่ยถาม “วิ่งไปทำอะไรกัน เลินเล่อนัก ไม่สนกฎระเบียบแล้วหรือ?”

คนใช้รีบขอความเมตตา “คุณหนูยังไม่ทราบเรื่อง คุณชายใหญ่จมน้ำ บ่าวจะรีบไปเชิญหมอเจ้าค่ะ”

หลี่หงซูได้ยินก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ ไปหาท่านหมอหลินที่โรงหมอจิ้งอันทางตะวันออกของเมือง ทักษะการแพทย์ของเขายอดเยี่ยม ไม่เรียกค่าหมอมั่วซั่ว”

คนใช้ขานรับแล้ววิ่งไปทันที

ชิงไต้เอ่ยเสียงเบาว่า “คุณชายใหญ่จมน้ำแล้ว คุณหนูรีบไปดูเถอะเจ้าค่ะ!”

“ไปเถอะ!”

จวนตระกูลหลี่ตกอยู่ในความวุ่นวาย ไม่มีใครสนใจมู่ซืออวี่อีก

มู่ซืออวี่กลับไปยังเรือนตะวันออกของหลี่หงซูด้วยเนื้อตัวชุ่มโชก คนอื่น ๆ ยังทำงานกันอยู่ เมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ของนาง ก็ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงว่าเกิดเรื่องใดขึ้น

“ไม่มีอะไรหรอก ข้าไม่ระวังจึงตกน้ำไปเท่านั้นเอง”

เซี่ยคุนขมวดคิ้ว เขามองไปยังนางนิ่ง ๆ

มู่ซืออวี่ดูความคืบหน้าของงานแล้วเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้กลับกันก่อนเถอะ ทุกคนเก็บเครื่องมือ”

เฟิงเจิงและคนอื่น ๆ เก็บเครื่องมือแล้วกลับร้าน ส่วนมู่ซืออวี่ต้องกลับไปที่หมู่บ้าน หลังจากที่พวกเขาออกจากจวนหลี่แล้วก็แยกกันไปคนละทาง

เซี่ยคุนบังคับรถม้าไปตามทาง หลังจากได้ยินเสียงจามดังออกมาจากข้างใน แววตาก็วาบประกายเย็นเยือก

เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นใต้จมูกของเขาเสียได้ เจ้าสองคนนั้น… เขาจะจำเอาไว้!

“หยุดรถ” มู่ซืออวี่เรียกเซี่ยคุนให้หยุดรถ

เซี่ยคุนดึงบังเหียนแล้วเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ?”

“หาร้านขายเสื้อผ้าสักร้าน ข้าอยากซื้อเสื้อผ้าสักหน่อยน่ะ”

เซี่ยคุนจึงกระตุกบังเหียนเบา ๆ แล้วพานางไปยังร้านเสื้อผ้า

“ถึงแล้ว”

“รบกวนพี่ใหญ่เซี่ยช่วยเรียกลูกจ้างหญิงในร้านออกมาให้ข้าหน่อย” มู่ซืออวี่กล่าว “ตอนนี้สภาพของข้าไม่สะดวกจะออกไปนัก เดี๋ยวคนจะเอาไปนินทาไร้สาระเอาได้”

“ถ้างั้นก็รอเดี๋ยว”

ลูกจ้างหญิงเดินออกมา นางยืนฟังมู่ซืออวี่พูดไม่กี่คำอยู่นอกรถม้า ผ่านไปไม่นานก็จัดเสื้อผ้าออกมาหลายชุด

เซี่ยคุนขับรถไปในตรอก จากนั้นก็ลงจากรถม้า ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าตรอก

มู่ซืออวี่เปลี่ยนเสื้อผ้าภายในรถม้า

“พี่ใหญ่เซี่ย ข้าเสร็จแล้ว” มู่ซืออวี่เปิดหน้าต่าง แล้วเอ่ยไปทางชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าตรอก

เซี่ยคุนเห็นสีหน้าของนางซีดเซียวก็เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าต้องไปหาหมอ”

“ไม่ต้องหรอก” มู่ซืออวี่ปฏิเสธ “ข้ากลับหมู่บ้านไปเอายาจากท่านหมอจูมากินสักสองชุดก็ได้แล้ว”

เมื่อหลี่หงซูแน่ใจแล้วว่าหลี่จวิ้นหานไม่มีอันตรายถึงชีวิต นางก็กลับไปยังเรือนของตนด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง

“เหตุใดวันนี้จึงไปเร็วขนาดนี้นะ?”

เมื่อไม่เห็นมู่ซืออวี่และคนอื่น ๆ หลี่หงซูจึงให้ชิงไต้ไปถามคนรับใช้

ชิงไต้ถามข่าวคราวแล้วรีบกลับมา ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูหลี่หงซูสองสามคำ

หลี่หงซูได้ยินดังนั้น สีหน้าก็พลันเคร่งขรึมทันที “ที่เจ้าพูดมาจริงหรือ?”

ลู่อี้เดินมาข้างเตียง จ้องมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียว แววตาชายหนุ่มราวกับซุกซ่อนเหวลึกเอาไว้ ใครก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเขาคิดสิ่งใด รู้สึกได้เพียงว่าช่างดำมืด หนักอึ้ง และอันตรายยิ่งนัก

“พวกเจ้าไม่ต้องกังวลกันเช่นนี้หรอก นางไม่ได้เป็นอะไรมาก” ท่านหมอจูเห็นว่าทุกคนเป็นเช่นนี้ก็ปลอบขวัญ

ลู่อี้หันไปพูดกับลู่เซวียนว่า “เจ้าไปเชิญแม่ยายข้ามา รบกวนให้นางช่วยดูแลสักหน่อย”

“ได้” ลู่เซวียนจึงเดินออกไป

“ลำบากท่านแล้ว” ลู่อี้เอ่ยกับท่านหมอจู “วันนี้คงจะต้องรบกวนให้ท่านอยู่ที่บ้านของพวกเราก่อน ข้ากังวลว่าคืนนี้อาจจะมีปัญหาได้

“ได้ ไม่มีปัญหา” ท่านหมอจูยอมตอบตกลง

จากนั้น ลู่อี้ค่อย ๆ สัมผัสมือของมู่ซืออวี่

เย็นนัก…

ชายหนุ่มสัมผัสแก้มของนางอีกครั้ง พบว่าทั้งร่างเย็นเยือกไปหมด

เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย

หลังจากที่ท่านหมอจูออกไป ลู่อี้ก็ถอดเสื้อคลุมแล้วขึ้นไปบนเตียง เขากอดมู่ซืออวี่ที่เย็นเยือกไปทั้งตัวไว้ในอ้อมแขน

มู่ซืออวี่ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน รู้สึกเพียงว่ามีอะไรขม ๆ เกินกว่าจะรับไหวเข้าปาก นางไม่สบายตัว ถ่มออกมาหลายคำ ไม่นานก็มีอะไรบางอย่างมาปิดปากนางไว้ ทั้งยังบังคับกรอกน้ำขมเข้ามาในปากของนางอีกด้วย

นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น จากนั้นก็มองเห็นใบหน้าคนชายคนหนึ่ง

ลู่อี้ดูเหมือนจะดื่มอะไรคำหนึ่ง ก่อนจะป้อนสิ่งนั้นใส่เข้ามาในปากของนาง

มันขม ทั้งยังมีกลิ่นประหลาด สิ่งนี้นี่แหละที่ทำให้นางตื่นขึ้นมาด้วยความ ‘แค้น’

นางไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน สมองขาวโพลน ทั้งยังสะลึมสะลือ จึงปล่อยให้ลู่อี้ ‘รังแก’ ไปเช่นนั้น

ครั้นกรอกยาหมดถ้วยแล้ว ลู่อี้ก็ยกน้ำผึ้งข้าง ๆ มาป้อนให้นางกินทีละคำอีกครั้ง

ครั้งนี้นางไม่ขัดขืนอีกต่อไป แต่กลับดื่มจนหมดอย่างให้ความร่วมมือ

“ตะกละจริงเชียว ของอร่อยยอมกิน แต่พอเป็นของไม่อร่อยกลับปิดปากเสียแน่น มีแต่ต้องป้อนเจ้าเช่นนี้แล้ว” ลู่อี้บีบแก้มนาง ความเอ็นดูปรากฏขึ้นในแววตา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย