ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 25

เด็กชายเดินเข้ามาพร้อมกับชามใบหนึ่ง

ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ข้างนอกเห็นแล้วว่าของที่อยู่ในชามนั้นคืออะไร ทุกคนมีทีท่าประหลาดใจขึ้นมาทันที

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน นี่คือกากหมูที่แม่ข้าเป็นคนเจียวไว้ที่บ้าน แค่ดูก็รู้แล้วว่าใช่แบบเดียวกับที่อยู่ในถุงนั่นหรือเปล่า จะได้ตัดสินได้ว่าแม่ข้าโกหกหรือไม่”

ตั้งแต่มู่ซืออวี่ตื่นมาในร่างนี้จนกระทั่งตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินลู่ฉาวอวี่เรียกตนเองว่าแม่ กระนั้นน้ำเสียงของเขาก็ดูอึกอักเล็กน้อย สีหน้านั้นก็แสดงความกระอักกระอ่วนออกมาอยู่บ้าง

แต่เมื่อเรียกครั้งแรกได้แล้ว ครั้งที่สองก็ดูจะราบรื่นขึ้นกว่าเดิม เขาเหลือบตามองที่มู่ซืออวี่อย่างเย็นชา ก่อนจะหลุบสายตาลงเพื่อซ่อนพวงแก้มที่เห่อร้อนของตนเอง

เด็กชายบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่การเข้าข้างคนอย่างมู่ซืออวี่ แต่ทำเพื่อไม่ให้ครอบครัวถูกมองว่าเป็นตัวตลก เมื่อต้องเจอกับศัตรูนอกบ้าน อย่างไรก็ต้องร่วมมือกันไปก่อน

หัวหน้าหมู่บ้านรับชามมาตรวจสอบแล้วเอาไปเปรียบเทียบกับของที่แม่เฒ่าเจียงยึดมาได้

หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว “นี่เจ้าทุบตีลูกสะใภ้โดยไม่ได้ถามนางก่อนเลยใช่หรือไม่ ข้าว่าท่านเลอะเลือนมากขึ้นทุกทีแล้ว แม้ว่านางจะเป็นลูกสะใภ้ แต่จะมาทำเช่นนี้ไม่ได้”

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน…” แม่เฒ่าเจียงไม่อยากจะเชื่อ นางรีบเอื้อมมือออกไป หมายจะคว้าชามกากหมูจากลู่ฉาวอวี่มาดู

แต่หัวหน้าหมู่บ้านไม่ยอมให้นางทำแบบนั้น เขาคืนชามนั้นให้กับลู่ฉาวอวี่

“ท่านหมอจู อาการบาดเจ็บของแม่หานเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?” หัวหน้าหมู่บ้านถามขึ้น

“มีแผลน้ำร้อนลวกร้ายแรง มีอาการบาดเจ็บภาย ข้าเกรงว่านาง…” หมอจูส่ายหน้าเบา ๆ

“แบบนี้เราจะทำอย่างไรกันดี” มู่ต้าซานถามอย่างกระวนกระวาย “ครอบครัวเราไม่มีเงินซื้อยานะ”

มู่ซืออวี่รู้ดีกว่าคนมีแปลก ๆ อยู่มากมายบนโลกนี้ แต่พ่อของนางเป็นยิ่งกว่าคนแปลกทั้งหมดที่นางเคยพบเจอมา

จนถึงขนาดนี้แล้วเขาก็ยังไม่มีความกังวลใจเกี่ยวกับอาการของภรรยาและลูกชายเลย แต่กังวลเรื่องเงินขึ้นมาเป็นอย่างแรก

“หลีกไป” หัวหน้าหมู่บ้านเตะมู่ต้าซานออกไป “เจ้ามันคนใจดำ ภรรยาและลูกชายตัวเองแท้ ๆ ยังจะมาคิดเรื่องเงินอยู่อีก ไม่เป็นห่วงชีวิตพวกเขาเลยหรืออย่างไร”

แม่เฒ่าเจียงได้แต่ครุ่นคิด นี่นางถงไม่ได้แข็งแกร่งทนมือทนไม้เท่าเมื่อก่อนงั้นหรือ หญิงชราไม่วายจะพึมพำออกมาเสียงเบา “นางจะบอบบางถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ปีนี้นางถูกตีมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังทนมาได้ตั้งหลายปี”

“ยังจะมีหน้ามาพูดแบบนั้นอีกอย่างนั้นรึ” หัวหน้าหมู่บ้านจ้องเขม็งไปที่หญิงชรา “ทั้งหมดมันมากเกินไปแล้วจริง ๆ ข้าเข้าใจว่าเมื่อก่อนมันเป็นเรื่องในครอบครัวถึงไม่ได้ใส่ใจจะมาดู แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ข้าคงไม่สามารถอยู่เฉยได้”

“หัวหน้าหมู่บ้าน พูดแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อนางได้รับเนื้อมาจากคนอื่น แล้วเหตุใดถึงได้ไม่ยอมบอกข้ามาตรง ๆ ถ้านางบอกทุกอย่างให้ชัดเจนตั้งแต่แรก ข้าก็คงไม่ต้องโกรธมากจนต้องทำแบบนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะนางเองนั่นแหละ” แม่เฒ่าเจียงเถียงอย่างไม่รู้สำนึก

“แม่ของข้ามีโอกาสได้พูดอะไรหรือ ท่านเอาแต่ทุบตีนางทันทีที่นางพยายามอ้าปาก แค่ถูกลวกก็เป็นแผลหนักแล้ว ยังจะมาตีนางซ้ำอีก จะเอาแรงที่ไหนมาอธิบายอะไรได้” มู่เจิ้งหานร้องไห้แล้วพูดต่อ “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านต้องช่วยเราสองแม่ลูกด้วย ถ้าเรายังต้องอยู่ที่นี่อีก พวกเราจะไม่มีทางหายดี แทนที่จะปล่อยให้ข้าต้องทรมานต่อไป ตีข้าให้ตายตอนนี้เสียเลยดีกว่าขอรับ”

“หนอย! เจ้าเด็กเหลือขอ พูดแบบนี้หมายความอย่างไร!” แม่เฒ่าเจียงจ้องมู่เจิ้งหานแล้วหันกลับไปที่มู่ต้าซาน “มู่ต้าซาน เจ้าสั่งสอนให้มันมีความคิดแบบนี้งั้นหรือ?”

มู่ต้าซานโบกมือไปมา “ไม่ ๆ ข้าเปล่านะท่านแม่”

“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ อย่าแม้แต่จะคิดแยกบ้านออกไป ทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นกฎ ตอนที่พ่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ก็ไม่เห็นจะมีใครพูดเรื่องนี้ออกมา”

ครอบครัวของลูกชายคนรองเป็นแรงงานชั้นดีของบ้าน ถ้าแยกครอบครัวแล้วจะเหลือใครเป็นแรงงานอยู่อีก ลูกคนที่สามของนางก็ยังไม่แต่งงาน มีแต่ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหาเงินมาให้เขาแต่งงานให้ได้ จะได้มีลูกสะใภ้เพิ่มมาอีกคนในอนาคต

อยากจะแยกบ้านงั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย