“เดี๋ยวก่อนสิ” ถังซื่อขัดหัวหน้าหมู่บ้าน “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เราลองมาคุยกันใหม่เถอะ นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก ครอบครัวเราต้องการเวลาตัดสินใจก่อน”
แต่หัวหน้าหมู่บ้านโบกมือไม่เห็นด้วย “หากมัวรอตัดสินใจแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับแม่หานเอ๋อร์ พวกเจ้าก็หนีไปก่อนพอดี ข้าไม่ยอมให้ใครหนีไปทั้งนั้นแหละ พวกเจ้าต้องเข้าคุกกันให้หมด รีบตัดสินใจมา”
ชาวบ้านที่ฟังอยู่ด้านนอกก็ล้วนเห็นอกเห็นใจถงซื่อ หลายคนเริ่มสาปแช่งคนตระกูลมู่ว่าช่างไร้หัวใจเกินกว่าจะเยียวยาได้ บางคนมองว่ามู่ซืออวี่ช่างโชคร้าย นางน่าจะเอาเนื้อให้คนเป็นแม่ในเวลาอื่นที่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะหากจะต้องแยกบ้านเพียงเพราะเนื้อไม่กี่ชิ้น ช่างเป็นเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียวเสียจริง ๆ แล้วต่อไปนี้ใครจะกล้าแต่งงานเข้าตระกูลมู่อีก
ถังซื่อดึงแม่สามีมาด้านหลังแล้วเริ่มออกความคิดเห็น “ท่านแม่ เหตุใดเราไม่แยกบ้านเสียล่ะ เงินตั้งสิบตำลึงจะไปหาที่ไหนมาจ่าย”
“แยกบ้าน? พูดอะไรโง่ ๆ มีใครที่ไหนกล้าแยกบ้านตอนที่พ่อแม่ยังไม่ตายบ้าง” แม่เฒ่าเจียงยืนกราน “ข้าไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่”
“ถ้าอย่างนั้นท่านมีสิบตำลึงจ่ายไหมเล่า?” ถังซื่อถามต่อ “ท่านจะยอมเสียเงินมากพอ ๆ กับตอนแต่งนางเข้ามารึ”
“ให้ตายสิ มันจะเกินไปแล้ว เรื่องเยอะเสียจริง” แม่เฒ่าเจียงกัดฟัน “อย่าว่าแต่เพราะตอนนี้ข้าไม่มีเงินเลย ต่อให้มีเงินก็ไม่มีทางจ่ายให้นางแม้แต่แดงเดียว ข้าหาสะใภ้ใหม่ให้ต้าซานได้ด้วยเงินสิบตำลึงนี่อยู่แล้ว จริงสิ ให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่สักคนก็ได้… เหตุใดข้าจะยังต้องการนางอยู่อีกนะ แยกบ้านงั้นหรือ… หย่าไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเงิน”
ถังซื่อรู้สึกใจชื้นขึ้นมา
โชคดีที่หญิงชราตาสว่างได้เสียที
ทุกอย่างเป็นไปตามที่แม่สามีว่า หย่ากันไปเลย จะได้กำจัดคนไร้ประโยชน์ออกไปจากบ้าน ถ้าทำแบบนั้น น้องชายรองที่เป็นแรงงานชั้นดีของบ้านก็จะยังอยู่ทำงานให้ต่อไปได้ ส่วนงานบ้านอื่น ๆ ก็ยังแบ่งหน้าที่กับคนที่เหลือได้อยู่
“เจ้าใหญ่ เจ้ารอง มานี่ซิ” แม่เฒ่าเจียงเรียกมู่ต้าไห่และมู่ต้าซานให้เข้าไปใกล้
ทั้งคู่ตกใจมากเมื่อได้ยินแผนการของแม่ตัวเอง
แววตาของมู่ต้าไห่ดูมีความหวังขึ้นมา เขามองไปทางน้องชาย “น้องสะใภ้เป็นภรรยาเจ้ารอง เช่นนั้นเรื่องนี้ให้เจ้าตัดสินใจเอง”
มู่ต้าซานดูลังเลอยู่บ้าง “ท่านแม่ แต่ข้าก็อายุปูนนี้แล้ว…”
“เจ้าจะกลัวอะไรเล่า หวังหมาจื่อในหมู่บ้านเราเพิ่งแต่งกับภรรยาคราวลูกไป เจ้าคิดว่าตัวเองด้อยกว่าเขางั้นหรือ” หญิงชราถามต่อ “เงินตั้ง 10 ตำลึง เจ้าสามารถเอาไปแต่งเมียใหม่เข้าบ้านได้ง่าย ๆ แม่หาสะใภ้สาว ๆ สวย ๆ มาให้เจ้าอีกคนก็ได้ ไม่ดีกว่าอยู่กินกับนังนี่หรือ”
“นางให้กำเนิดลูกข้าถึงสองคน จะให้ข้าทำกับนางเช่นนี้…” มู่ต้าซานพูดแบบนั้น แต่ความจริงเขาก็คล้อยตามแม่ไปแล้ว
มู่ต้าไห่รู้จักน้องชายดีว่าทั้งขี้ขลาดและโง่เขลาเพียงใด
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคล้อยตามแล้วก็ยิ่งสนับสนุนเพิ่มอีก
“เจ้ารอง เงิน 10 ตำลึงอาจเก็บรวบรวมได้จากการทำงานหกเจ็ดปี แต่ครอบครัวเราต้องจ่ายภายในหนึ่งปี ข้าไม่เห็นทางที่เราจะหาเงินในเวลาเท่านี้ได้เลยจริง ๆ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยน้องสะใภ้ แต่ข้าไม่มีทางเลือกแล้ว”
“พวกท่านไม่สนใจนางเลยหรือ?” มู่ต้าซานถามขึ้น “หัวหน้าหมู่บ้านจะยอมให้เป็นอย่างนั้นหรือ ถ้านางไร้ที่พึ่งแล้วเป็นอะไรไป จะเกิดอะไรขึ้นกับข้าเล่า?”
“แม่หนูอวี่ไม่ทิ้งนางหรอก หากนางทิ้งแม่ตัวเองก็จะต้องถูกมองว่าเป็นคนอกตัญญู เพราะคนที่ทำให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นก็คือนางด้วย นางเป็นคนเอาเนื้อนั่นให้แม่ตัวเอง นางก็ต้องรับผิดชอบด้วย”
ยิ่งไตร่ตรองดูเพียงใด แม่เฒ่าเจียงก็คิดว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดของเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางเดินไปหาหัวหน้าหมู่บ้านแล้วพูดขึ้นว่า “หัวหน้าหมู่บ้าน เราตัดสินใจแล้ว ลูกข้าจะหย่ากับนาง”
หัวหน้าหมู่บ้านคิดว่าตัวเองฟังผิดไป
ไม่มีใครคิดว่าแม่เฒ่าเจียงจะกล้าติดสินใจเช่นนี้ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องมาต่อรองอะไรกับข้า” มู่เจิ้งหานพูดเสียงเรียบ “ข้าเกิดมาเพื่อท่านแม่เท่านั้น ข้าจะอยู่ในที่ที่มีท่านแม่อยู่ ถ้าท่านอยากจะเก็บข้าไว้ในบ้าน ข้าก็จะไม่ปล่อยให้พวกท่านอยู่อย่างสุขสบายแน่ ไม่แน่สักวันที่ข้าสบโอกาส ระหว่างที่พวกท่านหลับ ข้าจะเผาบ้านนี้ให้วอดทั้งหลัง แล้วฝังศพพวกท่านทุกคนไปพร้อมท่านแม่ของข้า”
มู่ซืออวี่นิ่งอึ้ง “…”
ช่างเป็นเด็กที่จิตใจเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก
หรือว่าเด็กคนนี้จะเป็นตัวร้ายตัวจริง
นางอยู่ในที่ที่มีแต่ตัวร้ายเต็มไปหมดอย่างนั้นหรือ?
แม่เฒ่าเจียงและคนอื่น ๆ ตื่นตระหนกกับคำพูดของเด็กชายผู้นี้
“ให้ตายเถอะ! ข้าบอกแล้วว่าไอ้เด็กเลวนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง ดูซิว่านางสั่งสอนลูกชายมาอย่างไร หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านเองก็ได้ยินใช่หรือไม่ หานเอ๋อร์ยังเด็กนัก เรื่องพวกนี้แม่ของเขาต้องเป็นคนสอนให้อยู่แล้ว” หญิงชราน้ำตาไหลริน “ชาติก่อนข้าทำเวรทำกรรมอะไรไว้ถึงได้มาเจอกับผู้หญิงเลว ๆ คนนี้ ทำลายครอบครัวข้าให้ไม่ได้สงบสุขเลย”
“เช่นนั้นก็ตามนี้แหละ” หัวหน้าหมู่บ้านขัดจังหวะโศกเศร้าของแม่เฒ่าเจียงอย่างรีบเร่ง “เจ้าไม่ต้องการรับผิดชอบแม่หานเอ๋อร์ และต้องการหย่ากับนาง แล้วนางจะดูแลตัวเองได้อย่างไรกัน ถ้าเอาตามนี้ หานเอ๋อร์จะได้ดูแลแม่ของเขา เจ้าจะยอมตามนี้หรือจ่ายเงินมา”
“เราไม่มีเงินจ่ายหรอก” แม่เฒ่าเจียงปฏิเสธ
“ถ้าเจ้าไม่มีเงินจ่าย ก็ทำตามที่หานเอ๋อร์ต้องการ หานเอ๋อร์ยังเด็ก เขาเต็มใจที่จะอยู่ดูแลแม่ อาจจะหาเงินมารักษาแม่ด้วยตัวเองได้ ถ้าพวกเจ้าไม่ยอมจ่ายก็ปล่อยหานเอ๋อร์ไป” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยเร่ง “อย่ามัวอิดออด รีบตัดสินใจเสียที ข้าจะได้ทำหนังสือทุกอย่างให้เรียบร้อย จากนี้หานเอ๋อร์จะไม่เกี่ยวข้องกับบ้านตระกูลมู่ของพวกเจ้าอีก”
“ต้าซาน! ไอ้เด็กนี่มันเกินเยียวยาแล้ว เก็บไว้ใกล้ตัวก็มีแต่จะเป็นหอกข้างแคร่ แม่จะหาสะใภ้ใหม่มาแต่งกับเจ้า แล้วมีลูกชายน่าเอ็นดูให้อีกสักคน” แม่เฒ่าเจียงหันไปชักจูงลูกชาย
มู่ต้าซานจึงจำใจต้องเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
รออ่านบทต่อไปนานแล้ว...
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...