หลังจากที่ท่านหมอออกไปแล้ว มู่ซืออวี่ก็ปิดประตูลงแล้วค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของถงซื่อ
เห็นได้ชัดว่านางอยู่ในวัยสามสิบต้น ๆ เท่านั้น เป็นอายุที่ยังอยู่ในวัยสะพรั่งสำหรับโลกอนาคตที่หญิงสาวจากมา แต่ผิวของนางกลับหยาบกร้าน มีร่องรอยแผลทั้งเล็กและใหญ่ทั่วทั้งตัว ร่างกายบอบบางผอมแห้ง ดูเป็นหนังหุ้มกระดูกไปเสียทุกส่วน
นี่คือร่างกายของสตรีวัยสามสิบกว่าอย่างนั้นหรือ ดูราวกับคนอายุเกินสี่สิบไปมากแล้ว หญิงคนนี้ตรากตรำทำงานอย่างหนักและถูกทารุณนับครั้งไม่ถ้วน ในเมื่อร่างกายทรุดโทรมได้ถึงเพียงนี้ แล้วหัวใจเล่าจะเป็นอย่างไร
นางค่อย ๆ ทายาลงบนแผลอย่างเบามือ
แม้ว่ามารดาจะไม่ได้สติ แต่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเป็นพัก ๆ คงจะต้องรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
หลังจากทายาเสร็จสิ้น มู่ซืออวี่ก็พบว่าลู่อี้ถือถังน้ำอยู่
“จริงสิ… ข้าพาแม่กับน้องชายมาด้วยโดยไม่ได้ถามความเห็นเจ้าเลย ถ้าเจ้าไม่เห็น…”
“เจ้าทำถูกแล้ว” ลู่อี้เทน้ำลงไปในตุ่ม “ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันที่นี่ เราไม่ได้อดอยากถึงเพียงนั้น”
“เจ้าไม่ว่าข้าหรือ?” มู่ซืออวี่จ้องหน้าเขา
ลู่อี้เองก็มองหน้านางเช่นกัน “แม้แต่อีกายังรู้จักที่จะเลี้ยงดูแม่ของมัน เพราะแบบนั้นตระกูลลู่ของเราจะด้อยกว่าพวกนกที่เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานได้อย่างไร”
“ขอบคุณเจ้ามาก” มู่ซืออวี่ดูสบายใจขึ้น “ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะหาเงินให้ได้มากกว่านี้ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระของเจ้า”
ลู่อี้ขมวดคิ้ว “ข้าไม่เคยมองว่าเป็นภาระ”
“ไม่ได้สิ…” มู่ซืออวี่บิดตัวไปมา “มันไม่ง่ายเลยที่จะหาเลี้ยงครอบครัวใหญ่ขนาดนี้ด้วยตัวคนเดียว ข้าจะรบกวนเจ้าให้ดูแลทั้งแม่และน้องชายอยู่คนเดียวได้อย่างไรกัน”
“เจ้าแค่ดูแลพวกเขา ส่วนข้าก็หาเงิน” ลู่อี้ตอบอย่างใจเย็น “แต่ตอนนี้เตียงที่บ้านไม่กว้างพอ ข้าจะขอให้ช่างไม้มาทำเตียงเพิ่มอีก ดังนั้น…”
“ช่างไม้หรือ ไม่จำเป็นหรอก” แววตาหญิงสาวเปล่งประกาย “ข้าทำเองได้ ให้ข้าจัดการเถอะ”
ลู่อี้มองนางอย่างเงียบ ๆ
หญิงสาวเองก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองพูดแปลก ๆ ออกไป
เจ้าของร่างเดิมเป็นคนขี้เกียจและไร้ความรู้ จะทำเครื่องเรือนเองได้อย่างไร ผู้ชายที่ฉลาดเป็นกรดคนนี้จะไม่ระแคะระคายใช่หรือไม่
นางกัดริมฝีปากด้วยความหงุดหงิดใจ
“ข้าหมายถึง…”
“เอาสิ” ลู่อี้เดินถือถังออกมา “แต่วันนี้ค่ำแล้ว นอนเบียดกันไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยทำก็แล้วกัน”
มู่ซืออวี่กะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพึมพำอยู่กับตัวเอง “ช่างเป็นผู้ชายที่ดีอะไรขนาดนี้ เหมือนข้าจะเจอขุมทรัพย์เข้าให้แล้ว”
หากไม่ใช่ขุมทรัพย์ก็คงเป็นวายร้ายตัวฉกาจ เมื่อนึกถึงเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับไปได้ในอนาคต มู่ซืออวี่ก็พลันกังวลใจขึ้นมา
ถงซื่อยังคงหมดสติ เป็นเรื่องยากที่จะป้อนข้าวป้อนยาให้นาง มู่ซืออวี่ใช้ไม้ไผ่ค่อย ๆ หยอดมันเข้าปากผู้เป็นแม่ โชคดีที่สามารถป้อนลงไปได้ถึงครึ่งชาม
ยามค่ำคืน ลู่จื่ออวิ๋นนอนลงข้างมู่ซืออวี่แล้วเริ่มถามคำถามมากมาย ตอนนี้เด็กน้อยไม่ได้กลัวมู่ซืออวี่อีกต่อไปแล้ว อีกทั้งยิ่งมีความสุขมากที่ได้สัมผัสกลิ่นหอมจากตัวท่านแม่
“ท่านแม่ของข้าตัวหอมจังเลย”
“หืม ข้าใช้กลีบดอกไม้มาผสมน้ำอาบน่ะ” หญิงสาวง่วงงุน แต่ก็ยังอธิบายกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“ดีล่ะ คราวหน้าข้าก็จะอาบน้ำผสมกลีบดอกไม้ด้วย”
“ได้สิ”
“ท่านแม่ วันนี้ท่านน้าเล็กเก่งมาก ลูกเจี๊ยบบาดเจ็บที่ปีก ท่านน้าพันแผลให้มันด้วย เดี๋ยวก็คงจะหายแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...