หลังจากที่มู่ซืออวี่พูดจบแล้วพบว่าลู่อี้ไม่ยอมขยับตัวไปไหน นางจึงคว้าของในมือของชายหนุ่มมาแล้วผลักร่างสูงของเขาไปทางห้องนอน
สีหน้าของลู่อี้บ่งบอกว่าตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูกไปหมดแล้ว
หลังจากที่สามีเข้าไปในห้อง หญิงสาวก็เป็นคนปิดประตู พร้อมลงสลักจากด้านนอก นั่นทำให้ดวงตาของชายหนุ่มพลันฉายแววอบอุ่นขึ้นมาเป็นครั้งแรก
ลู่เซวียนลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงุนงง เมื่อเห็นลู่อี้ยืนอยู่ที่ประตูก็เอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ท่านพี่ ท่านไปยืนทำอะไรตรงนั้น?”
“เปล่า เจ้านอนเถอะ” ลู่อี้ตอบอย่างนุ่มนวล
มู่ซืออวี่ไล่ลู่อี้กลับไปนอน แต่นางไม่ได้กลับเข้าห้องนอนของตัวเอง หญิงสาวไปค้นของจนพบกระดาษเก่า ๆ อยู่ จึงเริ่มร่างแบบลงไปในนั้นด้วยแท่งถ่าน
สำหรับมู่ซืออวี่ นี่เป็นอาชีพเก่าของนาง ทุกครั้งที่เริ่มออกแบบเครื่องเรือน เวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ
ท้องฟ้าสว่างจนเป็นสีขาว มองเห็นเมฆสีแดงสะท้อนแสงพระอาทิตย์ วันใหม่มาถึงพร้อมกับความหวังใหม่ ๆ ที่เวียนมา
หญิงสาวยืดกายบิดขี้เกียจ หาอะไรมาทับแบบที่วาดเอาไว้กับโต๊ะ จากนั้นก็ปลดสลักประตูที่ห้องของลู่อี้
ทันทีที่นางนำมันออกมา เสียงฝีเท้าจากด้านในก็ดังขึ้น เจ้าของห้องเป็นคนเปิดประตูออกมา ทั้งสองยืนสบตากันนิ่ง
มู่ซืออวี่โบกมือไปมาผ่านหน้าเขา “เช้าแล้ว เจ้าหลับสบายดีหรือไม่?”
ลู่อี้ตอบเสียงเบา “สบายสิ”
ลู่เซวียนเบียดมาจากด้านหลังแล้วมองทั้งคู่อย่างเคือง ๆ “เหตุใดพวกเจ้าถึงมายืนขวางประตู”
มู่ซืออวี่จึงหมุนตัวกลับไปที่ห้องครัว
ในตอนนี้ลู่ฉาวอวี่ ลู่จื่ออวิ๋น และมู่เจิ้งหานก็ทยอยตื่นขึ้นมาทีละคน
เมื่อมู่ซืออวี่พบหน้าน้องชายก็ทักทายขึ้น “หานเอ๋อร์ ช่วยพี่สาวจุดไฟทีสิ”
มู่เจิ้งหานลนลานตกใจในตอนแรก แต่ก็รีบตรงเข้ามาตามคำสั่งของนาง
พี่สาวผู้นี้ยังไม่สามารถทำให้เขาสบายใจได้ในครั้งเดียว แต่ถ้าไม่ใช่เพราะนาง เขาคงไม่มีทางออกจากบ้านหลังนั้นมาได้ ในครอบครัวนี้ เขาต้องพึ่งพานางเท่านั้น
จากนั้นลู่อี้ก็ออกไปตักน้ำ
สุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงทำให้ลู่เซวียนไม่ได้มีหน้าที่อะไรเป็นพิเศษในบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ทำตัวเป็นเจ้านายนอนสบาย ๆ ให้คนอื่นคอยรับใช้ อะไรที่สามารถช่วยเหลือได้ก็จะช่วยทำเสมอ อย่างเช่นงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ กวาดพื้น เช็ดโต๊ะ หรือเก็บกวาดใบไม้ที่ลานบ้าน
ทุกคนในบ้านยุ่งอยู่กับการทำหน้าที่ของตัวเองและไม่ได้พูดคุยอะไรกัน แต่ก็ร่วมแรงกันทำงานอย่างดีไม่มีปัญหา
ระหว่างที่กำลังทอดปิ่ง มู่ซืออวี่ก็ถามมู่เจิ้งหานที่เป็นคนดูแลไฟว่า “เจ้าเก็บหนังสือรับรองการหย่าและการแยกบ้านไว้แล้วหรือยัง ของสำคัญเช่นนั้นต้องเก็บให้ดี อย่าเอาให้ใครแม้แต่ท่านแม่ นางเป็นคนหัวอ่อน คนมายุยงอะไรก็จะคล้อยตามได้ง่าย ระวังว่าจะโดนใครมากล่อมให้กลับไปได้”
“มันก็แค่หนังสือหย่ากับหนังสือแยกบ้าน จะมีใครมาเกลี้ยกล่อมอะไรอีก คนพวกนั้นดูอยากจะไล่เราออกมาจนตัวสั่น ท่านแค่พูดแบบนั้นเพราะกลัวว่าข้าจะเสียใจใช่ไหม” มู่เจิ้งหานพูดอย่างเศร้าใจ
คนพวกนั้นที่ว่ามีพ่อของตนรวมอยู่ด้วย มีหรือที่เขาจะไม่เสียใจ
แม้ว่าบิดาผู้นั้นจะไม่เคยปกป้องเขากับแม่เลยตลอดหลายปีมานี้ แต่ความรู้สึกที่ลูกมีต่อพ่อย่อมต่างจากที่มีต่อย่า สำหรับชายผู้นั้น แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นคนอย่างไร แต่เด็กชายก็ยังอดไม่ได้ที่จะคาดหวังในตัวอีกฝ่าย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นเช่นนี้ เพราะอย่างไรเสียก็ยังคงเชื่อมาตลอดว่า… อย่างน้อย ๆ ลูกชายคนนี้ก็ยังจะพอครองพื้นที่ในหัวใจของพ่อได้บ้าง แต่ผลที่ได้รับกลับมีเพียงความเลอะเลือนของเขา แทบลืมไปหมดแล้วว่าความเป็นพ่อเป็นลูกคืออะไร
“หานเอ๋อร์ เจ้าไม่รู้อะไร” มู่ซืออวี่พูดอย่างใจเย็น “พนันได้เลย ภายในหนึ่งปี เขาจะเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะมารบกวนท่านแม่กับเจ้าอีก”
มู่ซืออวี่เข้ามาในห้องพร้อมกับยาที่ต้มรอไว้
ยาถูกต้มค้างไว้ด้วยไฟที่ไม่แรงมากในเตาที่นางไม่ค่อยได้ใช้งาน เพื่อที่แม่ของนางตื่นขึ้นมาจะได้ดื่มได้ทันที
“ท่านแม่ ดื่มยาก่อน แล้วข้าจะเล่าทุกอย่างให้ท่านฟัง” มู่ซืออวี่พูด
“ลูกสาวข้า” นางถงพูดอย่างอ่อนแรง “นี่ข้าอยู่บ้านเจ้าหรือ?”
“ดื่มยาก่อน” มู่ซืออวี่ป้อนยาให้แม่ด้วยช้อน
ถงซื่อรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แผลน้ำร้อนลวก ทำให้นางไม่สามารถขยับร่างกายได้
แต่นางก็ดื่มยาอย่างว่าง่าย เมื่อดื่มจนหมดก็จ้องมองลูกสาวอย่างใจจดใจจ่อ รอฟังเรื่องทั้งหมดตามที่สัญญาไว้
ลูกสาวเช็ดคราบยาที่มุมปากออกไปแล้วพูดว่า “ข้าจะเล่าทั้งหมดอย่างละเอียด อย่าโกรธหรือเศร้าใจไปเลย”
“เล่ามาเสียเถอะ” ถงซื่อว่าอย่างใจเย็น “ท่านย่าของเจ้าไล่ข้าออกมาหรือเปล่า”
มู่ซืออวี่พูดเบา ๆ ว่า “ครั้งนี้ไม่ใช่แค่แม่เฒ่าเจียงที่ไล่ท่านออกมา แต่มู่ต้าซานสามีท่านก็เอาด้วย เขาลงนามในหนังสือหย่าและไล่ท่านกับหานเอ๋อร์ออกมาจากบ้าน”
นางถงเบิกตากว้าง “เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
มู้ซืออวี่จ้องไปทางมู่เจิ้งหาน “เจ้าเล่าให้ท่านแม่ฟังสิ”
มู้เจิ้งหานปาดน้ำตาแล้วพูดด้วยความโกรธ “ท่านแม่ สิ่งที่พี่สาวบอกมานั้นเป็นความจริง เขาไม่ต้องการท่านกับข้าอีกต่อไปแล้ว ท่านหมอจูบอกพวกเขาว่าต้องจ่ายเงินเพื่อรักษาท่าน ท่านย่า… แม่เฒ่าเจียงคนนั้นบอกว่าไม่มีเงิน นางให้ท่านพ่อหย่ากับท่าน แล้วจะหาสาวสวยที่เด็กกว่ามาเป็นสะใภ้รองคนใหม่ จะได้มีลูกชายด้วยกันอีก ท่านพ่อตกลงลงนามหย่าทันที มีทั้งผู้ใหญ่บ้านแล้วก็พวกเพื่อนบ้านเป็นพยาน ท่านแม่ พวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนตระกูลมู่อีกต่อไปแล้วขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
รออ่านบทต่อไปนานแล้ว...
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...