สายตาทุกคู่มองไปทางลู่อี้ด้วยความสงสัย
ลู่อี้ตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “เปิดได้ขอรับ”
นายอำเภอฉินเดินเข้ามาด้วยความสนใจแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ให้ข้าดูซิว่ามันคืออะไร ศิษย์สำนักนี้ถึงเปิดไม่ได้”
หลังจากที่ลองเปิดไปแล้วหนึ่งรอบ กล่องนั้นก็ยิ่งแน่นขึ้น เขาเองก็เปิดไม่ได้เช่นกัน
ทันใดนั้นเขาก็มองไปทางลู่อี้ ก่อนจะยิ้มพร้อมเอ่ยถามขึ้นมาว่า “พ่อหนุ่มตระกูลลู่ เจ้าอย่าสร้างสถานการณ์ให้ผู้อื่นร้อนใจเลย”
ไป๋เหวยคังและอาจารย์ท่านหนึ่งเดินเข้ามา
กลุ่มคนจำนวนหนึ่งล้อมรอบกล่องไม้ที่ไม่มีเครื่องประดับตกแต่งอะไร
กล่องไม้ทำขึ้นมาด้วยความประณีตอย่างมาก แต่เหล่าปัญญาชนต่างเคยเห็นสิ่งของวิจิตรงดงามมามากมายจึงไม่ได้มองว่ามันสวยอะไรนัก
“ดูแล้วกล่องนี้ก็ธรรมดา ไม่ได้แปลกประหลาดอะไร คาดไม่ถึงเลยว่าจะซ่อนความลี้ลับเกินคาด” ไป๋เหวยคังขยับมือไปมาสักพักแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าเคยเห็นกล่องประเภทนี้ในเมือง มันคือกล่องสมบัติของตระกูลม่อ”
“แต่ตระกูลม่อเป็นช่างฝีมืออันดับหนึ่ง บ้านพวกเขาสามารถทำสิ่งเหล่านี้กันได้ทุกรุ่น ว่ากันว่าตระกูลม่อยังทำหุ่นกลสัตว์ได้อีกด้วย ราวกับว่าเป็นของจริงเลยล่ะ ช่างอัศจรรย์เสียจริง”
“ตอนนี้พวกเรากำลังเถียงกันว่ากล่องนี้ใช่สิ่งที่ท่านพี่ลู่อี้นำติดตัวมาหรือไม่ กล่องที่ไม่เก็บรายละเอียดเช่นนี้จะเป็นสิ่งที่ตระกูลม่อทำได้อย่างไร”
“กล่องนี้ช่างประณีตเสียจริง แต่โปรดอภัยให้ความโง่เขลาของข้าด้วย ข้าเปิดไม่ออกจริง ๆ ดูเหมือนว่าของขวัญจากเจ้า ข้าคงไม่มีวาสนาที่จะได้เสพสุข แท้จริงแล้วพวกเราต่างก็เป็นดั่งพี่น้องที่สนิทกัน เพียงแค่เจ้ามาก็พอแล้ว ไม่ต้องมีของขวัญก็ได้”
ลู่อี้กวาดตามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสแสร้งของฟางโจวอวี่ชั่วครู่ แล้วรับกล่องนั้นมาถือ จากนั้นก็เลื่อนนิ้วผ่านลวดลายบนกล่องท่ามกลางสายตาของทุกคน
การกระทำของเขารวดเร็วมาก ลวดลายเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกันอย่างยิ่ง ไม่ทันรอให้พวกเขาเห็นได้ชัด เสียงไม้แตกร้าวก็ดังขึ้น แล้วกล่องนั้นก็แตกออกมา
ทุกคนต่างตกตะลึง
นายอำเภอฉินมองกล่องที่ทำด้วยฝีมือเหนือธรรมชาติด้วยความประหลาดใจ
“สิ่งนี้ทำอย่างไร?”
“นี่เป็นสิ่งที่ภรรยาข้าทำเองกับมือ ปกติแล้วนางไม่มีงานอดิเรก ช่วงนี้ชอบทำของเหล่านี้ น่าขำเสียจริง” ลู่อี้กล่าวอย่างเย็นชา
“นี่น่ะหรือ?” ไป๋เหวยคังถืองานแกะสลักไม้บนกล่องนี้ขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา “ตรงนี้นางก็แกะเองรึ”
การแกะสลักเป็นความสามารถเฉพาะคน ในเมื่อสามารถเป็นแบบอย่างให้คนที่เรียนหนังสืออยู่ก็สามารถขนานนามว่าเป็นนักปราชญ์ได้
ทุก ๆ ปีผู้ที่เรียนหนังสือจะบูชาเซ่นไหว้นักปราชญ์ที่วัด ด้วยเหตุนี้ทุกที่จึงมีวัดของนักปราชญ์อยู่ นักปราชญ์เหล่านั้นต่างนั่งด้วยท่าทางเคร่งขรึม สีหน้าเต็มไปด้วยความจริงจัง ในมือถือหนังสือ แววตาดูฉลาดมีวิสัยทัศน์ราวกับว่ากำลังคิดถึงปัญหาชีวิตบางอย่าง
ครั้นมองมาที่กล่องไม้ธรรมดานี้ เห็นได้ชัดว่านักปราชญ์ด้านการแกะสลักท่านนี้มีอารมณ์ฮึกเหิมอย่างมาก สิ่งที่พิเศษที่สุดคือรูปปั้นนักปราชญ์นี้ถูกแกะสลักอย่างประณีต ละเอียดอ่อนจนผู้คนต้องตกตะลึงตั้งแต่แรกเห็น
“ใช่ขอรับ…” ลู่อี้ได้เห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องเป็นครั้งแรก เขาถึงกับประหลาดใจขึ้นมา
เมื่อวานตอนเย็นถูกดึงดูดความสนใจจากกล่องที่นางถือมาให้ เขาจึงตื๊อให้นางเล่นกับกลไกนั้นอยู่นานจนจำวิธีเปิดกล่องนี้ได้ ไม่เคยคิดเลยว่านางยังเตรียมเรื่องน่าตกใจไว้อีก
ทันใดนั้น เขากลับไม่อยากให้ของสิ่งนี้กับผู้อื่นเสียแล้ว
ของดี ๆ อย่างนี้มีเหตุผลอะไรที่จะให้คนหน้าซื่อใจคดอย่างฟางโจวอวี่
บางทีในสายตาของผู้หญิงคนนั้น สิ่งเหล่านี้อาจเป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ได้มีราคา แต่ในมุมมองของเขา ของเหล่านี้ไม่ควรค่ากับฟางโจวอวี่
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้แต่งกับเมียผู้ชาญฉลาดแล้วสิ” ไป๋เหวยคังพยักหน้าด้วยความพอใจ “เช่นนั้นก็ดีแล้ว!”
“กล่องนี้มีความน่าสนใจ คนที่เก่งกาจเหมือนกับนักปราชญ์ก็น่าสนใจ” นายอำเภอฉินคล้อยตาม “เจ้าแต่งงานกับภรรยาที่น่าสนใจสินะ”
ลู่อี้นึกถึงนิสัยที่เปลี่ยนไปมากของมู่ซืออวี่พลางคิดว่า นางน่ะหรือที่น่าสนใจ ไม่รู้ว่าในร่างนั้นมีผีสางหรือเทพองค์ใดเข้าสิงอยู่มากกว่าน่ะสิ
เวลานี้สีหน้าของฟางโจวอวี่ดูไม่ดีเสียแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...