ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 502

สรุปบท บทที่ 502 เผชิญหน้ากับหน่วยลับครั้งแรก: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย

ตอน บทที่ 502 เผชิญหน้ากับหน่วยลับครั้งแรก จาก ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 502 เผชิญหน้ากับหน่วยลับครั้งแรก คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายเวลาเดินทาง ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย ที่เขียนโดย ฮั่วลั่วหยิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ฮูหยินของเจี่ยเฉิงผิงดูเป็นสตรีที่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ หน้าตาของนางธรรมดาทั่วไป แต่งกายเรียบง่ายไม่หวือหวา

ข้างกายนางมีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เด็กหญิงคนนั้นหน้าตางดงามมาก ทั้งยังมีใบหน้าที่ดูใสซื่อเช่นกัน ท่ามกลางสตรีที่งามสง่าในโรงอุปรากร มารดาและบุตรสาวคู่นี้ดูไม่ค่อยเข้ากับสถานที่นัก

เมื่อฮูหยินถานแนะนำนาง นางยิ้มอย่างเอียงอายให้มู่ซืออวี่

มู่ซืออวี่ส่งรอยยิ้มเป็นมิตรกลับไป แล้วนั่งลงข้างสองแม่ลูกพร้อมกับลู่จื่ออวิ๋น

“นี่ให้เจ้า” เจี่ยหลิงหลงส่งขนมชิ้นหนึ่งให้ลู่จื่ออวิ๋น “อันนี้อร่อย เหลือเพียงชิ้นเดียวแล้ว เดิมทีข้าเก็บไว้ให้เจ้าอ้วนน้อยข้างบ้าน แต่ตอนนี้มอบให้เจ้า”

“ขอบคุณ” ลู่จื่ออวิ๋นส่งยิ้มหวานให้เจี่ยหลิงหลง

“หน้าตาของเจ้างดงามยิ่งนัก” เจี่ยหลิงหลงหน้าแดงขึ้นมา นางมองลู่จื่ออวิ๋นด้วยสายตาอิจฉา

ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยขึ้น “เจ้าก็น่ามองเช่นกัน ข้าชื่อลู่จื่ออวิ๋น เจ้าชื่ออะไรหรือ?”

เจี่ยหลิงหลงยิ้มอย่างเขินอาย “ข้าชื่อเจี่ยหลิงหลง”

“เวลาเจ้ายิ้มมีลักยิ้มด้วย!” ลู่จื่ออวิ๋นจับหน้าเล็ก ๆ ของตน “ข้าก็มี ดูเหมือนพวกเราเหมาะจะเป็นสหายกันมาก!”

สายตาของเจี่ยหลิงหลงเปล่งประกายขึ้นมา

จู่ ๆ นางก็มีน้องสาวที่หน้าตางดงามเพียงนี้เป็นสหาย ช่างน่ายินดียิ่ง

มู่ซืออวี่เห็นลู่จื่ออวิ๋นมีสหายใหม่รวดเร็วเพียงนี้ก็รู้สึกดีใจ นางและฮูหยินเจี่ยสบตาแล้วยิ้มให้กัน

การแสดงบนเวทีน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ชอบฟังงิ้วหรือไม่ชอบฟังงิ้ว ล้วนจ้องมองไปบนเวทีด้วยใจจดจ่อ

ห้องของพวกนางอยู่บนชั้นสอง อีกทั้งยังเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด สามารถรับรองคนได้สามสิบถึงสี่สิบคน

ขณะที่พวกนางฟังงิ้วอยู่นั้น มีคนงานเดินไปเดินมาครั้งแล้วครั้งเล่า มู่ซืออวี่เงยหน้ามองพบว่าพวกเขากำลังเติมน้ำชา ขนม และผลไม้อบแห้ง ไม่มีผู้ใดสนใจพวกเขามากนัก

ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ คนกลุ่มหนึ่งก็หลั่งไหลเข้ามาในโรงอุปรากร

“ทุกคนหยุด อย่าขยับ!” ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำแสดงแผ่นป้ายให้ทุกคนดู “หน่วยลับกำลังตรวจสอบคดี ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อนจะถูกฆ่าโดยมิละเว้น”

คนมากมากหลั่งไหลเข้ามาในโรงอุปรากร

พวกเขาล้วนสวมใส่เสื้อคลุม และเครื่องแต่งกายเช่นเดียวกัน

ท่ามกลางคนเหล่านั้น ชายหนุ่มสวมหน้ากากคนหนึ่งค่อย ๆ เดินเข้ามา

“หน่วยลับ!” ฮูหยินหรงเอ่ยขึ้น “พวกเรามาเจอพวกเขาสืบคดีได้อย่างไร?”

หากเอ่ยถึงกรมที่รับผิดชอบตรวจสอบคดี แน่นอนว่าเป็นกรมอาญา สำนักตรวจการ และศาลต้าหลี่

หน่วยลับไม่ขึ้นตรงต่อสามหน่วยงานดังกล่าว แต่รับคำสั่งจากฮ่องเต้เพียงผู้เดียว พวกเขารับผิดชอบดูแลคดีลึกลับแปลกประหลาด แน่นอนว่าขอบเขตหน้าที่ของพวกเขากว้างขวางเป็นอย่างมาก นอกจากในราชสำนักแล้ว ความแค้นและข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นในยุทธภพ หน่วยลับสามารถเข้าไปแทรกแซงได้!

หน่วยลับและศาลต้าหลี่แต่ไหนแต่ไรก็มิได้ปรองดองกัน

“ก่อนหน้านี้ ข้าเคยได้ยินเรื่องหน่วยลับ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบ” มู่ซืออวี่เอ่ย “ฮูหยินเจี่ย ผู้นั้นคือ…”

“นั่นคือใต้เท้าฉี ฉีเซียวผู้บัญชาการของหน่วยลับ รับคำสั่งโดยตรงจากฝ่าบาท” ฮูหยินเจี่ยตอบ

หน่วยลับตรวจสอบมาถึงชั้นบนอย่างรวดเร็ว

ห้องปีกข้างทั้งหมดถูกครอบครัวขุนนางศาลต้าหลี่จับจอง ย่อมดึงดูดความสนใจของหน่วยลับเป็นธรรมดา ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งรายงานฉีเซียวที่กำลังเหลือบมองไปยังหน้าต่างชั้นสอง แล้วสาวเท้าขึ้นมาชั้นบน

“ฉีเซียวขึ้นมาชั้นบนแล้ว” ฮูหยินหรงมองฮูหยินถาน “ฮูหยินถาน ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”

ฮูหยินหรงผู้ที่เมื่อครู่นี้ไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา ตอนนี้ราวกับถูกเข็มทิ่มแทง ใบหน้างามประณีตของนางเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย

“ตระหนกไปไย? เขาตรวจสอบคดี เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราเล่า? พวกเราเพียงแค่มาฟังงิ้วเท่านั้น” ฮูหยินถานเอ่ยด้วยท่าทีสงบ

ปัง! ประตูเปิดออก

ขายาว ๆ คู่หนึ่งก้าวเข้ามา

มู่ซืออวี่หันหน้ากลับไปสบสายตากับคนผู้นั้น

เป็นสายตาเยือกเย็นยิ่งนัก

ฉีเซียวเดินเข้ามาหาฮูหยินถาน “ฮูหยินถาน”

เมื่อสาวใช้ผู้นั้นเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น นางพลันคว้ามู่ซืออวี่ที่อยู่ข้าง ๆ และจ่อกริชเข้าที่คอ

“ท่านแม่!…” ลู่จื่ออวิ๋นร้องเรียก คิดจะกระโจนเข้าไปหา

ทว่าฮูหยินเจี่ยคว้านางเอาไว้และกอดนางในอ้อมแขนแนบแน่น “อย่าเข้าไป”

“เจ้าคนแซ่ฉี เจ้าปล่อยข้าไป มิเช่นนั้นข้าจะฆ่านางทิ้ง!” เสียงของสาวใช้นางนั้นกลายเป็นเสียงของบุรุษ

มู่ซืออวี่ที่ถูกจับเป็นตัวประกันมองฉีเซียวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ฉีเซียวนิ่งมองฉากนี้ด้วยสายตาเย็นชา

“ใต้เท้าฉี นั่นคือฮูหยินของลู่อี้ผู้ตัดสินคดีศาลต้าหลี่ ใต้เท้าลู่เป็นที่โปรดปรานของสวรรค์ ท่านมิอาจละเลยนางได้!” ฮูหยินถานที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยอย่างกระวนกระวาย

ผู้อื่นในห้องล้วนจับจ้องฉากนี้อย่างตื่นตระหนก

พวกนางถอยหลังกลับไปสองสามก้าว มอง ‘ไส้ศึก’ ผู้ที่ไม่รู้ว่าปะปนอยู่ในหมู่พวกนางตั้งแต่เมื่อไหร่

“ภารกิจข้าคือจับไส้ศึก ส่วนฮูหยินลู่ที่โชคดีไม่มากพอถูกไส้ศึกฆ่าตาย ใต้เท้าลู่ควรตำหนิไส้ศึกถึงจะถูก ข้าจะทรมานคนร้ายและแก้แค้นแทนเขาให้เอง”

นี่หมายความว่า ‘นางจะตายหรือไม่แล้วเกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าสนเพียงทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงเท่านั้น ขอเพียงภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ ความเป็นความตายของผู้อื่นไม่ได้อยู่ในหัวเลยสักนิด’

เย็นชายิ่งนัก

โชคดีที่มู่ซืออวี่ไม่คิดพึ่งพาคนผู้นี้ตั้งแต่แรก

นางก้มหน้าลงกัดมือ ‘ไส้ศึก’ ผู้นั้น

“อ๊าก!” ไส้ศึกผู้นั้นร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด มือที่ถือกริชคลายลง

ฉึก! กริชเล่มหนึ่งพุ่งเข้าไปในดวงตาของเขา

“อ๊าก!!!” เลือดพุ่งกระฉูดจากดวงตาของไส้ศึกคนดังกล่าว เขาถอยหลังกลับไปสองสามเก้า ขณะที่เขากำลังจะตกจากชั้นสองก็คว้ามู่ซืออวี่ที่อยู่ไม่ไกลเอาไว้ด้วย

ทั้งสองหล่นลงจากหน้าต่างร่วงลงไปชั้นล่าง

อีกฝ่ายตั้งใจไว้แล้วว่าหากต้องตายก็จะลากใครสักคนไปตายพร้อมกัน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย