ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 503

สรุปบท บทที่ 503 ต่อสู้เพื่อคดี: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย

สรุปเนื้อหา บทที่ 503 ต่อสู้เพื่อคดี – ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย โดย ฮั่วลั่วหยิง

บท บทที่ 503 ต่อสู้เพื่อคดี ของ ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย ในหมวดนิยายเวลาเดินทาง เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ฮั่วลั่วหยิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

มู่ซือวี่ลอยไปในอากาศ ร่วงหล่นลงสู่ชั้นล่างอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ถูกไส้ศึกคว้าไว้นั้น นางพลันรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา

นางมองลู่จื่ออวิ๋นที่กำลังหวาดกลัว พลางคิดว่านางยังไม่ได้เห็นเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์เปลี่ยนชะตาชีวิต ยังไม่ได้เห็นลูกสาวมีสามีเลย จะต้องมาตายเอาง่าย ๆ เช่นนี้หรือ?

ตามต้นฉบับนั้น ตัวละครของมู่ซืออวี่ต้องตายไปนานแล้ว ช่วงเวลาหลายปีมานี้นับว่าได้กำไรมาเปล่า ๆ

ช่างเถิด เกิดเป็นคนไม่อาจทำตัวโลภมากเกินไป

นางหลับตาลง ทว่าความเจ็บปวดที่คาดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะจู่ ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวมารับนางไว้ได้

มู่ซืออวี่สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่คุ้นเคยจึงลืมตาขึ้นมามองคนที่อุ้มนางไว้

“สามี”

ลู่อี้มองนางด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”

คงมีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าตอนเขาเห็นนางร่วงลงมาเมื่อครู่ หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น

อีกทางหนึ่ง ไส้ศึกนอนใกล้ตายอยู่ตรงนั้น ไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีก

ดวงตาข้างหนึ่งของเขาถูกแทง เลือดสาดกระเซ็นไปทุกหนทุกแห่ง เหล่าคนขวัญอ่อนล้วนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว

เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ล้อมร่างไส้ศึกคนนั้นเอาไว้

ฉีเซียวยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองดูลู่อี้ที่อยู่ข้างล่าง

ลู่อี้กอดภรรยาเอาไว้ ก้มหน้าลงพูดปลอบประโลม “ข้าจะให้คนส่งเจ้าและเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์กลับไปก่อน ที่นี่วุ่นวายเกินไป ขืนอยู่ต่อคงจะทำให้เจ้าขุ่นมัว”

“ผู้ใดก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ฉีเซียวเอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ “ไส้ศึกผู้นี้นำของสิ่งหนึ่งไป ตราบใดที่ยังหาไม่พบ ผู้ใดก็ไปจากที่นี่ไม่ได้!”

“ใต้เท้าฉี ผู้อื่นอยู่ที่นี่ให้ตรวจค้นได้ แต่พวกเราฮูหยินศาลต้าหลี่ทุกท่านคงไม่จำเป็นกระมัง? หากท่านมิวางใจ ท่านก็ให้สาวใช้สองสามคนมาตรวจค้นได้”

“ข้าเชื่อใจเพียงคนของหน่วยลับ”

“หน่วยลับของท่านมีเพียงบุรุษ หรือท่านอยากให้บุรุษเหล่านี้มาแตะต้องฮูหยินของพวกเรา?”

“ใต้เท้าฉี ทุกคนล้วนเป็นข้ารับใช้ในราชสำนักเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดถึงเพียงนี้กระมัง?” เจี่ยเฉิงผิงเอ่ยยิ้ม ๆ “จริงสิ พวกเรามาที่นี่เพื่อหาคนผู้นี้ คนผู้นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่ศาลต้าหลี่เรากำลังตรวจสอบ พวกเราต้องพาเขากลับไปไต่สวน”

“พวกศาลต้าหลี่คิดจะขโมยคนไปจากข้าหรือ?” ฉีเซียวเย้ยหยัน “เช่นนั้น ข้าก็อยากเห็นนักว่าผู้ใดจะนำตัวเขาไปได้”

มู่ซืออวี่มองลู่อี้ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองฉีเซียวที่อยู่ตรงข้าม

“ในเมื่อคนผู้นี้สำคัญต่อเราเป็นอย่างมาก มิสู้นำเขาไปที่หน่วยลับให้ทุกคนไต่สวนเขาร่วมกันเล่า” หลินอี้เจี๋ยเดินเข้ามาจากด้านนอก

“ไม่รีบร้อน ค้นที่นี่เสียก่อน” ฉีเซียวส่งสัญญาณมือ

ทุกคนของหน่วยรับเริ่มลงมือค้นหาโดยละเอียดอีกครั้ง

ทุกคนจากศาลต้าหลี่ยืนนิ่งไม่ไหวติง

ผ่านไปพักหนึ่ง คนจากหน่วยลับก็รายงานฉีเซียวว่าไม่พบของที่พวกเขากำลังค้นหา

“ตรวจค้นทุกคนที่อยู่ที่นี่” ฉีเซียวเอ่ยอย่างเยือกเย็น

“ใต้เท้าฉี ที่แห่งนี้ยังมีสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนไม่น้อย ท่านให้คนของหน่วยลับค้นตัวพวกนาง เคยคิดหรือไม่ว่าหากพวกนางออกจากประตูนี้ไป พวกนางจะใช้ชีวิตอย่างไร?” หลินอี้เจี๋ยพูดอย่างเกรี้ยวกราด “หากท่านยืนกราน เช่นนั้นข้าก็จะไปกับท่าน พาสตรีทั้งหมดที่นี่ไปที่เรือนของท่านและให้สาวใช้ท่านเป็นผู้ตรวจค้นเป็นอย่างไร?”

“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากเพียงนั้น” ฉีเซียวชี้ไปที่มู่ซืออวี่ “ให้นางค้น”

“ข้า?” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ

“จากสถานการณ์ในตอนนี้ ฮูหยินลู่เป็นผู้ที่น่าสงสัยน้อยที่สุด เรื่องนี้ข้าจะให้ท่านค้นตัวสตรีที่อยู่ที่นี่ ทว่า…หากมีอะไรผิดพลาด ฮูหยินลู่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ”

“ให้ข้าค้นข้าก็ค้น อย่างไรก็ดีกว่าให้คนจากหน่วยลับของท่านจัดการ” มู่ซืออวี่เอ่ย

ลู่อี้ตามมู่ซืออวี่ไป

นางค้นตัวสตรีทุกคนที่อยู่ที่นี่

“ของสิ่งนั้นใหญ่หรืไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามฉีเซียว

ฉีเซียวมองนางนิ่ง ๆ “นี่เป็นสิ่งที่เจ้าควรถามหรือ?”

“หากเป็นของอย่างเช่นกระดาษ ย่อมต้องค้นให้ละเอียดถี่ถ้วนมากหน่อย หากเป็นของที่หนักเล็กน้อย เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบมากนัก อย่างไรเสียพวกเราล้วนเป็นสตรี ย่อมต้องรักษาศักดิ์ศรีไว้บ้าง”

“ไม่ใช่กระดาษ” ฉีเซียวเอ่ย “แต่ก็ไม่ใหญ่มากเช่นกัน”

นางกำลังนอนหลับอย่างสงบจึงรีบกัดกลับไปด้วยความโมโห

“หึ ๆ” ลู่อี้แตะริมฝีปากที่ถูกภรรยากัด แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ

เขาแตะแก้มนางแล้วมองด้วยความรักใคร่

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ รอยยิ้มของเขาพลันหายไป สีหน้ากลับกลายเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา

อีกเพียงนิดเขาก็จะเสียนางไปแล้ว

โชคดีที่สวรรค์เมตตาให้เขามาทันเวลาพอดี

“ต้องโทษข้าที่ไม่อาจปกป้องเจ้าได้” ลู่อี้จูบลงบนริมฝีปากแดงก่ำของภรรยา

วันต่อมา มู่ซืออวี่ลุกขึ้นพร้อมความปวดเมื่อยที่แล่นไปทั่วทั้งตัว

“ลู่อี้!” นางรู้สึกถึงความไม่สบายตัวบริเวณช่วงล่าง ครั้นตั้งสติดูดี ๆ ก็ปรี๊ดขึ้นมาทันที “เดรัจฉานจริง ๆ ถึงขั้นฉวยโอกาสตอนที่ข้ากำลังนอนหลับอย่างสงบ…”

“ฮูหยิน พวกเราเข้าไปได้หรือไม่เจ้าคะ?” จื่อซูเอ่ยถามจากข้างนอก

“เข้ามาเร็วเข้า” มู่ซืออวี่ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง

อันที่จริงนางไม่ได้ไม่สบายตัวเพียงนั้น เพียงแต่…

‘ของสิ่งนั้น’ มันมากเกินไป…

เจ้าสัตว์ร้ายในคราบมนุษย์นั่น!

เมื่อคืนเขาบ้าระห่ำเกินไปจริง ๆ ลู่อี้คิดว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ร่วมรักกันหรืออย่างไร!

จื่อซูและจื่อเยวี่ยนถือน้ำเข้ามาด้วยใบหน้าแดงเรื่อ

“กี่โมงกี่ยามแล้ว? เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ไปหอซือเป่าแล้วหรือ?”

“ตอนนี้ถึงยามซื่อ*[1]แล้วเจ้าค่ะ” จื่อซูกล่าว “ฮูหยิน ท่านกลายเป็นคนเกียจคร้านที่สุดในบ้านแล้วนะเจ้าคะ”

จื่อเยวี่ยนแตะแขนจื่อซู ส่งสัญญาณให้นางหยุดพูด ไม่เห็นหรือไรว่าวันนี้สีหน้าฮูหยินไม่สู้ดีนัก

[1] ยามซื่อ คือเวลาประมาณ 09.00 – 11.00 น.

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย