ทันทีที่ถังซื่อนั่งลง ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ นางก็เผยท่าทางรังเกียจ
“พี่สะใภ้ถัง ไม่กลับไปอาบน้ำหรือ?”
“นั่นสิ ถงซื่อกลับไปแล้ว ป่านนี้คงกำลังอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่านไม่กลับไปล้างตัวหรือ?”
ถังซื่อบีบตะเกียบแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยวจนดูน่ารังเกียจ
แม่เฒ่าเจียงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกล่าวอย่างกระวนกระวายใจ “นั่งงงอะไรอยู่? จะให้เราทานอาหารทั้งที่เจ้ามีสภาพเช่นนี้หรือ? คิดว่าเราจะกินต่อไปได้หรือ?”
ถังซื่อยืนขึ้น ก่อนจะเดินจากไปด้วยความโกรธ
ทันทีที่ถังซื่อเดินออกไป ผู้คนมากมายก็ลุกขึ้นคว้าจานหมูตุ๋น
แม่เฒ่าเจียงหยิบตะเกียบขึ้นมา จานที่เดิมทีมีหมูนับสิบชิ้น ตอนนี้กลับหายไปแล้วห้าชิ้น
“ป้าเจียง ไม่เห็นหรือว่าพวกเรายังไม่ได้กิน?”
“เจ้าจ่ายเงินใส่ซอง ข้าเองก็จ่ายเงินใส่ซองเช่นเดียวกัน เหตุใดข้าจึงต้องเกรงใจพวกเจ้า? พวกเจ้าไม่ได้กินก็เป็นเพราะว่าพวกเจ้าช้าเองไม่ใช่หรือ จะโทษข้าด้วยเหตุใด?” ปากของแม่เฒ่าเจียงเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน
ปกติแล้วแม่เฒ่าเจียงเป็นที่เกลียดชังของผู้คน การกระทำของนางในวันนี้ ได้สะสมความเกลียดชังขึ้นไปเรื่อย ๆ
“หากพูดถึงเรื่องฝีมือในการทำอาหาร ฝีมือของมู่ซืออวี่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่านางจะมีฝีมือดีเช่นนี้ แต่ข้าก็ไม่ได้แปลกใจนัก เพราะบ้านของข้าอยู่ใกล้กับบ้านของตระกูลลู่ ข้ามักได้กลิ่นหอมโชยของอาหารตลอดทั้งวันจนทำให้แทบน้ำลายไหล ครั้งหนึ่งลูกผู้หิวโหยของข้าถึงขั้นไปยังหน้าประตูบ้านของนาง เอาแต่จ้องมองอย่างน่าเวทนา แต่มู่ซืออวี่ก็ไม่ได้ใจร้าย พอนางเห็นเด็กน้อยที่กำลังหิวโซก็ยื่นเนื้อให้เขาสองชิ้น”
“มู่ซืออวี่ก็มีจิตใจเมตตาไม่น้อย!”
“เพราะอารมณ์โกรธ นางเลยดูก้าวร้าว ถึงจะจัดการกับถังซื่อแบบนั้น แต่นางก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้าย เทียบกับบางคนแล้ว นางยังมีจิตใจเมตตายิ่งกว่าเสียอีก ลองสังเกตดูเสื้อผ้าที่ถงซื่อสวมใส่ดูสิ นั่นเป็นเสื้อผ้าที่มู่ซืออวี่ซื้อให้ นางยังซื้อรองเท้าใหม่ให้เสี่ยวหานด้วย วันนี้สองแม่ลูกสวมใส่เสื้อผ้ากับรองเท้าใหม่ทั้งชุดเลย”
“ลู่อี้โชคร้ายจริง ๆ ที่ต้องแต่งงานกับหญิงเช่นนี้ ในตอนแรกลู่อี้กับลู่เซวียนก็น่าเวทนาอยู่แล้ว ลู่อี้ยังต้องล่าสัตว์เพื่อหาเลี้ยงชีพ ตอนนี้เขายังต้องดูแลแม่และน้องชายของภรรยาอีก เรื่องนี้ไม่ทำให้เกิดปัญหาระหว่างพวกเขาใช่หรือไม่?”
“ลู่อี้นี่ใจกว้างนัก ข้าไม่เคยเห็นพวกเขามีปัญหาต่อกันเลย ข้ารู้สึกนะว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวของพวกเขาไม่ได้เลวร้ายเลย”
“ป้าเจียง จะว่าไปแล้วแม่ฉาวอวี่ก็เป็นหลานสาวของท่านไม่ใช่หรือ หากพวกท่านไม่หันหลังให้กัน ท่านอาจได้รับส่วนแบ่งจากเสื้อผ้าและรองเท้าใหม่นะ”
เหล่าสตรีต่างพูดคุยพลางจ้องมองกันราวกับว่าไม่สนใจอะไรแล้ว
“เจ้าอิจฉาเสื้อผ้าและรองเท้าที่น่ารังเกียจนั่นหรือ? สามีของข้ากำลังจะเป็นเถ้าแก่ในไม่ช้า เมื่อวันนั้นมาถึง มีสิ่งใดบ้างที่เขาไม่อาจซื้อได้? ลูกคนที่สามของข้าก็ได้ทำงานกับคนใหญ่คนโต เงินเดือนของเขาก็มากกว่าผู้คนทั่วไปราวสองเท่า! ผู้ใดจะคิดอิจฉาครอบครัวนั้นกัน?” แม่เฒ่าเจียงกล่าวด้วยแววตาเย้ยหยัน
ถงซื่อออกจากตระกูลมู่ทำให้นางต้องทำไร่ทำสวนทุกวัน นอกจากปวดหลังแล้ว ตาก็ยังพร่ามัว สุขภาพย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง ใช่ว่าลูกสาวและลูกเขยจะดูแลนางได้ดี
มู่ต้าซานยกเหล้าขึ้นจิบ
หลายคนที่อยู่เคียงข้างรู้ดีว่าเขาสูญเสียภรรยาไป อีกทั้งยังขาดการติดต่อจากลูกชายและลูกสาว เขาจึงกลายเป็นคนรักสันโดษไปเสียแล้ว
“พี่ต้าซาน อย่าเพิ่งดื่มแต่หัววัน ทานอาหารก่อนเถอะ”
“ขอบใจ”
มู่ต้าไห่กล่าวตักเตือนว่า “จะดื่มรึ? หลังจากนี้ยังมีงานให้ต้องทำอีกมาก”
มู่ต้าซานรู้สึกโกรธเคืองในใจ โกรธทั้งตัวเอง แม่ และพี่ชาย แต่เขาก็ไม่ได้แสดงด้านที่แข็งกร้าวออกมา “ดื่มเหล้าเพียงหนึ่งจิบจะเป็นอะไรไป? หากไม่มีข้าแล้วการทำงานที่ว่าจะดำเนินไปไม่ได้หรือ? หากไม่มีข้า ทุกคนก็ใช้ชีวิตได้ตามปกตินั่นแหละ วันนี้เป็นวันแห่งความสุขของต้าจู้ เจ้าก็เป็นอีกคนที่อยากจะทำลายวันนี้หรือ?”
มู่ต้าไห่ดูถูกน้องชายผู้นี้มาโดยตลอด และนี่เป็นครั้งแรกที่น้องชายทำให้เขาอับอายต่อหน้าผู้คนมากมาย สีหน้าของเขาถึงกับซีดเผือด
“เช่นนั้นข้าก็จะไม่สนใจเจ้า ต่อให้ดื่มจนตายก็เป็นเรื่องของเจ้า”
มู่ซืออวี่ออกไปตามหาฉาวอวี่ นางตามหาในละแวกใกล้เคียงไม่พบจึงกลับไปหาที่บ้าน แต่สุดท้ายก็ยังไม่พบ นางสงสัยว่าเขาอาจไปเล่นกับเด็กในครอบครัวของลู่ต้าจู้ แต่เมื่อสอบถามดูแล้วก็ไม่มีผู้ใดพบเห็น
ขณะที่กำลังเดินทางกลับ นางก็พลันเห็นเด็กสองคนวิ่งลงมาจากบนภูเขาด้วยความตื่นตระหนก
“พวกเจ้าเห็นลู่ฉาวอวี่หรือไม่?” มู่ซืออวี่ถามเด็กทั้งสอง
สีหน้าของเด็กทั้งสองซีดเซียวยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินชื่อ ‘ลู่ฉาวอวี่’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...