เมื่อตื่นมาอีกครั้ง มู่ซืออวี่ก็กลับมามีเรี่ยวแรง รู้สึกสบายไปทั้งตัว
นางยืดตัวมองดูนกที่เดินไปมาบนกิ่งไม้ รู้สึกได้ว่าแม้สถานที่แห่งนี้จะแห้งแล้งแต่ก็ยังงดงาม
“อรุณสวัสดิ์!” มู่ซืออวี่ทักทายลู่ฉาวอวี่ขณะกำลังเดินออกมา
ลู่ฉาวอวี่ถือหนังสือในมือพลางกล่าวอย่างใจเย็น “ท่านพ่อเข้าไปในเมืองแล้ว”
“เขาเข้าไปทำอะไรในเมือง?” มู่ซืออวี่ทำงานอย่างหนักมาตลอดหลายวัน ตอนนี้พอจะสู้หน้าลู่อี้ได้แล้ว
การดื่มในครั้งนี้ทำให้ทุกอย่างผิดพลาดไป หลังจากนี้นางจะไม่ดื่มอีก
“ข้าไม่รู้” หลังจากกล่าวจบ ลู่ฉาวอวี่ก็เข้าไปหาที่นั่งเพื่ออ่านหนังสือ
“ท่านแม่ เช้าแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นวิ่งมาจากด้านใน
“ระวังหน่อยสิ” มู่ซืออวี่คุกเข่าลงพลางคว้าตัวอีกฝ่ายไว้ “ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังหลับสบายก็เลยไม่ได้ปลุกให้ตื่น”
“พอเห็นว่าท่านแม่เดินออกมา ข้าก็ไม่อยากนอนต่อแล้วเจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นลูบท้องของตน “ข้าหิวมาก ท่านแม่ วันนี้ท่านทำอะไรให้เรากินหรือ?”
“ไข่ม้วน ไข่ม้วนพร้อมด้วยผักแสนอร่อย น้ำจิ้มข้าก็ยังปรุงเองกับมือ รสเลิศเชียวล่ะ”
“ข้าต้องก่อไฟก่อน”
มู่ซืออวี่เอ่ยถามลูก ๆ ของนาง “วันนี้ข้าตื่นสาย มีคนขายเนื้อมาส่งเครื่องในหมู ตีนไก่และตีนเป็ดหรือไม่?”
“มี” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “ตอนนั้นท่านพ่อยังไม่ได้เข้าไปในเมือง เขาจ่ายเงินไว้ให้ก่อนแล้วขอติดเกวียนวัวเข้าไปในเมือง”
“เราหาเงินได้เมื่อไหร่ เราจะซื้อเกวียนวัวด้วย” ถ้ารถม้าใช้งานไม่ได้ชั่วคราว ก็ต้องใช้เกวียนวัว แม้จะช้าแต่ก็ยังสามารถทำการขนส่งได้เช่นเดียวกัน
เกวียนและเกวียนวัวเป็นพาหนะที่เทียบได้กับรถยนต์ในสมัยปัจจุบัน เกวียนราคาถูก แต่เกวียนวัวราคาแพงหูฉี่
“จริงหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าวอย่างมีความสุข “เรากำลังจะมีเกวียนวัวงั้นหรือ?”
“ในไม่ช้าก็เร็วนี่แหละ” มู่ซืออวี่กล่าวด้วยความมั่นใจ “ข้าขอสัญญาว่าจะซื้อเกวียนวัวให้ได้ภายในหนึ่งปี จะได้พาอวิ๋นเอ๋อร์ไปนั่งเล่นชมวิว”
ลู่ฉาวอวี่จ้องมองหนังสือ ไม่เปล่งเสียงแม้แต่ประโยคเดียว
ทว่าหูของเขาได้ยินบทสนทนาระหว่างแม่และลูกสาว ทุกอย่างดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง วาจาของทั้งสองอ่อนหวานราวกับน้ำผึ้งป่า ผู้เป็นแม่กล่าวราวกับมีหนทางอันสดใสอยู่ข้างหน้า ความหวังริบหรี่จึงเริ่มสว่างชัดเจนขึ้น
แสงแดดสาดส่องลงมาบนร่าง อบอุ่นพอ ๆ กับในหัวใจของเขาในตอนนี้
เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ทั่วท้องฟ้าช่างสว่างสดใสงดงามเหลือเกิน
ขณะที่กำลังทำแป้งทอด เสียงของบุคคลผู้หนึ่งพลันดังขึ้น
“มาแล้ว มาแล้ว” มู่ซืออวี่โผล่ศีรษะออกมาจากห้องครัว “ฉาวอวี่ ไปเปิดประตูหน่อย”
ลู่ฉาวอวี่กำลังจะเดินไป แต่เมื่อได้ยินคำสั่งของผู้เป็นแม่จึงหันเหลือบมองนาง “ข้าไม่ได้หูหนวก”
“ไม่น่ารักเอาเสียเลย” มู่ซืออวี่พึมพำ “เป็นเด็กเป็นเล็ก ใช้วาจาสามหาวถึงเพียงนี้ หากไม่ใช่เพราะเป็นลูกข้าละก็ คงจะโดนฆ่าเฆี่ยนตีทั้งวี่ทั้งวัน”
“ผู้ใดจะตีท่านพี่หรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ข้าน่ะสิ! ดูสิว่าเค้าใช้วาจาหยาบคายเพียงใด หากไม่ใช่เพราะรักและเอ็นดูใบหน้าอันงดงามของเขา ข้าคงตีเขาไปนานแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว
“ท่านพี่หน้าตางดงามเพราะได้มาจากท่านพ่อหรือเปล่านะ ทุกคนต่างบอกว่าพี่ชายของข้าคล้ายท่านพ่อ” ลู่จื่ออวิ๋นหัวเราะคิกคัก
“หนูน้อย เจ้าก็ดูเหมือนพี่ชายมาก เหมือนพ่อด้วย” มู่ซืออวี่วางสิ่งที่ทำอยู่ลง “ข้าจะออกไปดูสักหน่อย เจ้าเตรียมผักกับไข่ไว้ให้ข้าที”
ลานบ้านของตระกูลลู่มีขนาดใหญ่ ทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรถม้า
ลู่ฉาวอวี่ปิดประตู กั้นสายตาที่จับจ้องมาพร้อมเสียงซุบซิบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...