เมื่อเห็นภรรยาดีใจมากขนาดนี้ โจวชิงไป๋ก็มีความสุขมากจนแววตาเป็นประกายระยิบระยับ
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องที่แทบจะคาดไม่ถึงเลย เรือนสี่ประสานแห่งนี้ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ แต่มันจะมีราคาพุ่งขึ้นสูงไปถึงหลายสิบล้าน หรือกระทั่งหลายร้อยล้านหยวนในอนาคตเลยหรือ?
บ้านหลังที่ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวอาศัยอยู่ในตอนนี้ก็นับว่ามีขนาดที่ไม่เล็กแล้ว มีพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตร แต่เมื่อมาเปรียบเทียบกับเรือนแห่งนี้แล้ว ไม่สามารถนำมาเปรียบกันได้เลย
ไม่เพียงแต่ขนาดพื้นที่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงจำนวนห้องและพื้นที่สวนที่เทียบกันไม่ติดอีกด้วย
ทั้งคู่พากันเดินชมสวนไปรอบ ๆ
พวกเขาไม่ได้วางแผนที่จะปล่อยให้เช่า ทั้งยังไม่ได้ตั้งใจจะมาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย หากพวกเขาจะมาอยู่ก็คงจะเป็นในอนาคต แต่สำหรับตอนนี้ปล่อยมันไว้อย่างนี้ไปก่อน
เมื่อปิดล็อคประตูเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่ก็กลับบ้าน
ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่มีเงินเหลืออยู่ในกระเป๋าเลยแถมยังติดหนี้เฒ่าหวังอยู่อีก 10,000 หยวน ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่หงุดหงิดอารมณ์เสียแต่อย่างใด
ในที่สุดเรือนสี่ประสานที่ใฝ่ฝันมานานก็ตกมาอยู่ในมือของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว
นับได้ว่าความปรารถนาได้สัมฤทธิ์ผลแล้ว
เรื่องการซื้อเรือนสี่ประสานและอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ นั้นมีแต่พวกเขา 2 คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
ลูกชายทั้งสองคนก็ไม่มีใครรู้เรื่องเลย
ถึงอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อเสน่ห์น่าดึงดูดใจในตัวลูกชายของพวกเขา
ท่านแม่โจวได้พบกับแม่เฒ่าจูเพื่อนบ้านที่ต้องการจะจับคู่จูเจินเจินหลานสาวของนางให้กับโจวข่าย
ทว่าลูกชายคนเล็กกับหลานชายคนโตคือชีวิตจิตใจของท่านแม่โจว
ไม่ว่าจะเป็นโจวชิงไป๋หรือโจวข่าย สำหรับท่านแม่โจวแล้วไม่สามารถมีสิ่งใดจะมาเทียบเคียงพ่อลูกคู่นี้ในหัวใจของนางได้เลย
หลังจากจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งก็ไปเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อจบจากโรงเรียนเตรียมทหารแล้วในอนาคตก็จะมีความก้าวหน้าในกองทัพ จะมีใครดีไปกว่าหลานชายของนางได้อีกล่ะ?
มีหลานชายที่เยี่ยมยอดขนาดนี้ ก็ต้องหาคนที่มีความสามารถทัดเทียมกันให้กับเขา
ไม่ใช่ว่าท่านแม่โจวจะหยิ่งจองหอง แต่นางเคยเห็นจูเจินเจินมาแล้ว หล่อนทั้งขี้ขลาดและอ่อนแอ เป็นเด็กสาวในเมืองหลวงแต่กลับมีโลกทัศน์แคบกว่าเด็กสาวจากชนบท ราวกับไม่เคยได้เห็นโลกกว้าง
ถ้าไม่ตั้งใจฟังให้ดีก็จะไม่ได้ยินเลยว่าหล่อนกำลังพูดอะไรอยู่
เมื่อเป็นหลานสาวของคนอื่น นางจึงพูดอะไรออกมาไม่ได้ แต่แล้วนางกลับต้องมาได้ยินเรื่องอะไรน่ะ?
แม่เฒ่าจูต้องการจะเป็นแม่สื่อให้กับจูเจินเจินกับหลานชายของนางอย่างนั้นหรือ?
ท่านแม่โจวตอบกลับไปในทันที “ถึงแม้ฉันจะเป็นย่าของเขา แต่ฉันก็ไม่มีสิทธิเข้าไปจัดการเรื่องการแต่งงานของเขาหรอกนะ แม่ของเขาเป็นคนตัดสินใจไม่ใช่ฉัน”
“ทำไมเธอถึงจะจัดการไม่ได้ล่ะ? เธอเป็นย่าแท้ ๆ ของเขา คำพูดของเธอต้องมีน้ำหนักอยู่แล้ว” แม่เฒ่าจูโต้กลับ
ท่านแม่โจวคิดอยู่ในใจ ‘ถ้าหลานสาวของเธอเป็นคนเฉลียวฉลาด ใจกว้างและมีการศึกษา ฉันก็คงพอจะเอ่ยปากขึ้นมาให้หลานชายหมั้นหมายด้วยได้ ถึงแม้หล่อนจะไม่ใช่คนที่สวยเลยก็ตาม จากนั้นก็แค่ให้พวกเขาได้แต่งงานกันในอนาคต’
แต่ดูหลานสาวเธอสิ หล่อนดีพอสำหรับหลานชายของฉันเหรอ? เพ้อฝันไปแล้ว
คิดอย่างนี้แล้วท่านแม่โจวก็เอ่ยด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ฉันไม่เข้าไปยุ่งด้วยหรอก การแต่งงานของหลาน ๆ ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของฉัน เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับแม่ของพวกเขา”
เดิมทีแม่เฒ่าจูคิดว่าทันทีที่นางเอ่ยปากเรื่องนี้ขึ้นมา แม่เฒ่าโจวผู้นี้จะต้องดีใจและเห็นด้วยในทันที แต่คาดไม่ถึงว่านางจะหลบเลี่ยง?
“เจินเจินของฉันไม่เข้าตาเธอหรือยังไง?” แม่เฒ่าจูพูดออกมาตรง ๆ
ท่านแม่โจวหัวเราะอยู่ในใจ ในขณะที่นางแสดงท่าทางไม่พอใจออกมา “เธอกำลังพูดอะไร? ฉันเคยเห็นเจินเจินกับตาตัวเองมาแล้ว หล่อนทำงานได้เรียบร้อยดี หล่อนจะไม่เข้าตาฉันได้ยังไง? แต่ลองดูที่ฉันนี่ ตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยได้ช่วยอะไรลูกสะใภ้คนเล็กเลย หล่อนคอยซื้อโน่นซื้อนี่มาให้เรา ถ้าฉันไปตัดสินใจแทนหล่อนและคิดจะทำอะไรเอาเอง ถ้าเป็นเธอ เธอจะชอบไหมล่ะ?”
แม่เฒ่าจูไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ “ลูกสะใภ้ของเธอกตัญญูต่อเธอออก ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรไป หล่อนจะต้องรับฟังแน่ อีกอย่างเพราะฉันเห็นว่าหลานชายของเธอเข้าท่าดีหรอกนะ ไม่อย่างนั้นฉันก็ตั้งใจจะเก็บเจินเจินไว้อีกสัก 2-3 ปี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...