สรุปเนื้อหา บทที่ 696 ตอนพิเศษ 2-บันทึกวิธีรวยของตระกูลโจว – ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม โดย Internet
บท บทที่ 696 ตอนพิเศษ 2-บันทึกวิธีรวยของตระกูลโจว ของ ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 696 ตอนพิเศษ 2-บันทึกวิธีรวยของตระกูลโจว
บันทึกวิธีรวยของตระกูลโจวต้องเริ่มนับหลังจากที่มาปักกิ่งแล้ว
ตั้งแต่ร้านเกี๊ยวร้านแรกที่เปิดที่ปักกิ่ง หลังจากเปิดร้านเกี๊ยวแล้วก็ขยายกิจการต่อจนหยุดไม่ได้
ในยุค 80 พวกเขามีรายได้แต่ละเดือนสูงถึงหลักพันหลักหมื่นหยวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลายยุค 80 ที่แค่กำไรในแต่ละเดือนก็มากถึงหลักแสนสองแสนหยวนแล้ว
พวกเขาซื้อที่แถบชานเมืองขนาด 80,000 กว่าตารางเมตรไว้ ติดหนี้ธนาคารไม่น้อย แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคืน
เพราะตั้งแต่ยุค 90 หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็เริ่มสร้างตึก สร้างแฟลตสวัสดิการชาวนา แบบที่เอาไว้ปล่อยเช่าโดยเฉพาะ
จากนั้นก็ปล่อยให้พี่รองโจวเป็นคนเฝ้าดูการทำงาน ความคืบหน้าและคุณภาพงานให้อยู่ในเกณฑ์เยี่ยมยอด ไม่ต้องกังวลเลยสักนิด
พวกเขาสร้างแฟลตสวัสดิการชาวนารวม ๆ แล้วถึงสิบกว่าหลัง บางหลังไม่สูงมาก มีแค่ 7 ชั้น แต่บางหลังสูงถึง 13 ชั้น
ค่าเช่ายุค 90 ถือว่าไม่แพง แต่ต่อให้ไม่แพง ก็เก็บค่าเช่าห้องได้มากมายขนาดนี้ ซึ่งนับว่ามากจนประเมินไม่ได้
การสร้างตึกแบบนี้ใช้เงินมาก ถึงแม้ยุค 90 จะยังไม่แพงเท่ายุคหลัง แต่ก็ไม่ใช่ถูก ๆ เช่นกัน
สมัยปี 1991 หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ไปแวะที่ไห่หนานมารอบหนึ่ง
ทั้งคู่ได้เงินมาก้อนหนึ่งจากที่นั่นเหมือนกัน และนำมาสร้างรากฐานการเงินให้กับธุรกิจครอบครัวในอนาคตได้อย่างมั่นคง
สมัยปี 1991 คอนโดมิเนียมมีราคาตารางเมตรละ 1,000 กว่าหยวนเท่านั้น แพงหน่อยก็ 2,000 กว่าหยวน แต่ในเวลาเพียง 1 ปีหลังจากเข้าสู่ปี 1992 แล้วราคาก็พุ่งสูงถึงหลายพันหยวน ถึงขั้น 5,000 กว่าหยวน
คิดดูสิว่าพุ่งสูงขนาดไหนเชียว
แน่นอนว่าพอถึงปี 1993 มันก็จะพุ่งถึง 7,000 กว่าหยวน แต่หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ไม่ได้อยู่ที่นี่นานมาก พวกเขาซื้อบ้านไว้ 20 หลังตอนปี 1991 พอถึงปี 1992 ที่กราฟราคาอสังหาริมทรัพย์เริ่มพุ่งเป็นเส้นตรงก็ขายทิ้งออกไปจนหมด
พอขายบ้านไปแล้ว ก็มีเงินหมุนในมืออย่างเหลือเฟือ
กระทั่งราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งอีกครั้งในภายหลัง หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ก็ไม่ได้หากำไรเพิ่ม หลังกลับจากไห่หนานในปี 1992 แล้วก็ไม่เคยไปที่นั่นอีก
แต่โจวชิงไป๋กลับชอบสภาพอากาศที่นั่น
เพราะฉะนั้นเมื่อถึงปี 2000 หลังจบคดีกับลูกชายของเฒ่าหวังแล้ว สองสามีภรรยาก็ไปไห่หนานกันอีกครั้ง และซื้อที่ไว้ผืนหนึ่งสำหรับสร้างวิลล่าตากอากาศ
วิลล่าแห่งนี้ไม่เล็กเลย ด้านในมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ทิวทัศน์อย่างอื่นก็งดงามชวนให้ใจสงบ ที่สำคัญที่สุดคือหลังจากผ่านช่วงฟองสบู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์แตกในยุค 90 แล้ว ที่นี่ในปี 2000 ก็มีราคาไม่แพง
หลังสร้างวิลล่าแห่งนี้แล้วก็ยังจ้างคนไว้คอยดูแลโดยเฉพาะ ทำให้มีเวลาว่างไปพักผ่อนตากอากาศได้ โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว
และเป็นเพราะการได้โกยเงินจากตรงนี้ไปเป็นกอบเป็นกำ เป็นผลให้นอกจากจะคืนเงินที่กู้มาก่อนหน้านี้จนหมดแล้ว ในช่วงกลางยุค 90 หลังจากสร้างแฟลตสวัสดิการชาวนาเสร็จ ก็เริ่มสร้างฟาร์มบนที่ดินแถบชานเมือง
พื้นที่ตรงนั้นค่อนข้างแห้งแล้ง ต้องบำรุงดินกันหน่อย ซึ่งเรื่องพวกนี้พี่รองโจวรู้ดี
เขาเป็นคนพาคนไปจัดการทั้งหมด ไม่ต้องลงมือเอง แค่ชี้นำก็พอ ใช้เวลาถึง 2 ปีเต็ม ๆ ถึงบำรุงดินผืนนั้นจนใช้ได้
จากนั้นก็เริ่มสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ โรงเรือนเลี้ยงหมู แถมยังมีบ่อน้ำเล็ก ๆ ด้วย เอาไว้เลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงเป็ดโดยเฉพาะ
นอกจากนั้นยังมีสัตว์ใหญ่อย่างวัว แพะ ลา แม้กระทั่งม้า
โจวชิงไป๋บอกให้โจวข่ายแนะนำทหารปลดประจำการมาทำงานที่นี่อยู่ 7-8 คน นอกจากทำงานตรงนี้แล้วต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของฟาร์มด้วย
หลังจากจัดตั้งฟาร์มขึ้นมาแล้ว หลินชิงเหอก็เริ่มขายผัก และตั้งชื่อร้านขายผักและสาขาว่า ‘ท่านโจว’
เป็นผักออร์แกนิคทั้งนั้น ไม่ใช่ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงใด ๆ
อสังหาริมทรัพย์ที่สองสามีภรรยาเป็นเจ้าของนั้นเยอะจริง ๆ ตึกที่สร้างขึ้นภายหลังก็มีมหาศาลจนน่ากลัว
เหล่าลูกชายลูกสะใภัและหลานชายหลานสาว แน่นอนว่ามีลูกสาวคนเล็กโจวมี่ด้วย ล้วนอยู่ในรายชื่อรับมรดกตกทอด
แต่ ณ ตอนนี้โจวชิงไป๋และหลินชิงเหอยังไม่ได้โอนให้เด็ก ๆ
ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น ของพวกนี้ก็ต้องเก็บไว้ให้เด็ก ๆ อยู่ดี
อย่างที่เจ้าสามโจวกุยหลายกล่าวไว้ก็คือ การได้เป็นหลานชายหลานสาวของพวกเขาสองสามีภรรยาก็เท่ากับว่าคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด
จุดเริ่มของชีวิตเป็นจุดหมายปลายทางที่คนอื่นดิ้นรนมาทั้งชีวิตก็ยังไปไม่ถึง
แต่จะพูดแบบนี้ก็ไม่ผิด
แฟลตสวัสดิการชาวนาทั้งตึกในปักกิ่งเป็นทรัพย์สินเลอค่าขนาดไหนกัน อย่าว่าแต่คนทั่วไปต้องต่อสู้ทั้งชีวิตเลย แม้จะเกิดใหม่สักสองสามชาติก็อาจไปไม่ถึงปลายทางแบบนั้น
แต่เด็ก ๆ พวกนี้กลับมีสิทธิ์ครอบครองตั้งแต่เกิด ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่ได้รับโอนมา แต่ทรัพย์สินของปู่ย่าพวกเขา ตายไปแล้วต้องเป็นของพวกเขาแน่นอน
ทว่ามีเงื่อนไขคือพวกเขาต้องเอาการเอางาน
หลินชิงเหอก็คือหลินชิงเหอ เธอไม่อยากเป็นแบบที่โบราณว่าไว้ว่ารวยไม่เกินสามรุ่น จึงอบรมหลานชายหลานสาวได้เข้มงวดมาก
กลายเป็นว่าหลานชายหลานสาวพวกนี้ชอบปู่ แต่กลัวย่า
แต่ย่าของพวกเขาก็เก่งกาจมาก อย่างเช่นเวลาเล่นเกมพวกเขาชอบอยู่ทีมเดียวกับย่า ตะลุยด่านฟาดฟันได้ทั่วทุกสารทิศ สนุกสุด ๆ ไปเลย
………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...