บทที่ 445 รักใคร่
เมื่อได้ยินคุณป้าสามของหล่อนพูดเช่นนั้น หลินซิ่วก็รู้สึกดีใจ
หลินชิงเหอรับแก้วน้ำที่สะใภ้สามตระกูลหลินนำมาให้ “พวกเธอไปทำงานกันเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงพี่ พี่คุยกับอาซิ่วและคนอื่นได้”
ในตอนนี้น้องชายสามตระกูลหลินและสะใภ้สามตระกูลหลินกำลังวุ่นมากจริง ๆ เนื่องจากเวลานี้เป็นช่วงเวลาของการออกมาซื้อของใช้ จึงทำให้มีคนเข้ามาที่ร้านตลอด
มีช่วงเวลาที่ขายดีอยู่ 2 ช่วง ครั้งแรกในตอนเช้าและอีกครั้งในตอนเย็น แต่แน่นอนว่าในระหว่างวันก็ขายได้บ้าง
หลินชิงเหอเฝ้าดูคนเดินเข้าเดินออกร้าน ไข่ซึ่งเดิมทีมีอยู่ 2 ตะกร้าก็หายวับไปเพียงชั่วเวลาแป๊บเดียวเท่านั้น ทำให้เธอรู้ว่าธุรกิจดีมาก
เมื่อลูกค้ากลับออกไปแล้ว น้องชายสามตระกูลหลินก็พูดว่า “พี่ครับ คืนนี้พี่กับพี่เขยต้องอยู่กินอาหารเย็นที่นี่นะครับ ไปกินที่บ้านของพวกเรากัน”
“พี่สัญญากับพี่สะใภ้สามเอาไว้ว่าเราจะไปกินที่บ้านหล่อน พี่ได้ยินว่านายซื้อบ้านที่มีสวนแล้วเหรอ?” หลินชิงเหอถามด้วยน้ำเสียงยินดี
“ผมซื้อมาแล้วครับ หลังที่ผมเคยเล่าให้ฟังครั้งก่อนน่ะครับ” น้องชายสามตระกูลหลินพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาต่างจากพี่ชายสามและสะใภ้สามตรงที่ไม่เคยคิดจะกลับไปอยู่ในหมู่บ้านอีกต่อไป เขาคิดจะใช้เงินเพื่อย้ายทะเบียนบ้านของครอบครัวตนเองมาอยู่ในเมืองเมื่อทุกอย่างมั่นคงขึ้นด้วยซ้ำไป
ดังนั้นถึงแม้บ้านจะมีราคาถึง 1,800 หยวนแถมยังต้องซ่อมแซมด้วยตัวเอง น้องชายตระกูลหลินก็ยังกัดฟันยอมเสียเงินซื้อมา
มันไม่ใช่จำนวนเงินน้อย ๆ เลยและยังใช้เงินทั้งหมดในคราวเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับปรุงตกแต่งภายในบ้าน ซึ่งต้องใช้เงินเพิ่มอีก 500 หยวนในการทำให้บ้านของพวกเขากลับมาดูใหม่เอี่ยม
กล่าวโดยสรุปก็คือ ทุกครั้งที่น้องชายสามตระกูลหลินกลับไปที่บ้านหลังนั้น เขาจะรู้สึกว่าความมานะอุตสาหะของตนได้ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง
จากนี้ไปนี่คือบ้านของเขาเอง แม้แต่ในช่วงปีใหม่ น้องชายสามตระกูลหลินก็ไม่เคยคิดจะกลับไปที่หมู่บ้าน
ที่นั่นมีปัญหามากมายก่ายกองอยู่ตลอดเวลา มากมายก่ายกองจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย
ตอนนี้เมื่อทุกคนรู้ว่าเขาหาเงินได้มาก พ่อแม่ของเขาก็มาทอดถอนใจอยู่ตรงหน้าเขาปีแล้วปีเล่า รวมทั้งพี่ชายทั้งสองคนก็มองเขาอย่างประณาม
ในแววตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยการกล่าวโทษราวกับกำลังพูดว่า เขาประสบความสำเร็จแล้ว แต่กลับไม่ยอมช่วยเหลือพวกเขาซึ่งเป็นพี่ชายของตนเลย
น้องชายสามตระกูลหลินไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว เขาอยากจะช่วย แต่เขาจะช่วยได้อย่างไรล่ะ?
เมื่อเขาเอ่ยปากพูด พวกพี่ชายต้องการให้เขาจ่ายเงินซื้อร้านให้ และต่อไปในอนาคต เขาจะต้องเป็นคนรวบรวมจัดหาของทุกสิ่งทุกอย่างมาให้ด้วย
นี่คือการชวนพี่ชายมาทำธุรกิจด้วยอย่างนั้นหรือ? ไม่หรอก นี่เป็นการสร้างปัญหาให้กับตัวเขาเองมากกว่า น้องชายตระกูลหลินไม่ได้โง่เง่าถึงเพียงนั้น แม้เขาจะเป็นคนใจอ่อน ทว่าภรรยาของเขาไม่ใช่
ยกตัวอย่างเช่น ปีที่แล้วเมื่อครอบครัวนี้กลับไปฉลองปีใหม่ที่หมู่บ้าน พวกเขาก็ไม่ได้ฉลองปีใหม่อย่างมีความสุขเลย
พี่ชายใหญ่และพี่ชายรองแวะไปเยี่ยมที่บ้านและแอบสอบถามถึงเรื่องธุรกิจ นั่นก็ไม่เป็นไร แต่ครั้นพูดไปได้ไม่กี่ประโยค พวกเขาก็ต้องการจะขอยืมเงินจากตนแล้ว
น้องชายสามตระกูลหลินมีวันสิ้นปีที่ไม่น่าพึงใจเอาเสียเลย โดยเฉพาะเมื่อพวกเขามาขอยืมเงิน และยังบอกว่าต้องการจะเปิดร้านหรือทำอะไรบางอย่าง ซึ่งปฏิบัติกับเขาราวกับคนโง่
พ่อแม่ของเขาก็สร้างเรื่องให้ไม่หยุดหย่อน ในวัยขนาดนี้แล้ว พวกท่านกลับไม่รู้วิธีทำให้ผู้อื่นสบายใจได้เลย
ในฐานะที่เป็นลูกชายคนสุดท้อง เขาให้เงินพวกท่าน 10 หยวนต่อเดือนซึ่งนับว่าเป็นเงินที่มาก แต่ในช่วงปีใหม่ ผู้อาวุโสทั้ง 2 คนนี้กลับเข้าข้างพี่ชายของเขา
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกว่า เรื่องนี้ไม่ทำให้เขารู้สึกเหน็บหนาวในหัวใจสักนิด
แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกชายของพวกท่าน ดังนั้น เขาจึงเลี้ยงดูด้วยการส่งเงินกลับไปให้ทุกเดือน ทว่าสิ่งที่นอกเหนือไปจากนี้เขาไม่ยินดีที่จะให้อีกแล้ว
ถึงอย่างไรก็ยังมีพี่ชายอยู่อีก 2 คน ตัวเขาได้แสดงความกตัญญูแล้ว ทั้งหมู่บ้านไม่มีใครกล่าวประณามเขาเลย นอกจากจะยกย่องชมเชย
อย่าเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเลย ชีวิตกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น ธุรกิจก็ดีมากเช่นกัน นอกจากเรื่องที่ฝนตกหนักในปีนี้อันทำให้เกิดความตื่นตระหนกชั่วคราว ในช่วงแรกเขาก็กักตุนอาหารสำหรับครอบครัวของตนไว้มากมาย จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังกินมันไม่หมดเลย ฉะนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกังวลอีก
“พวกเธอไปทำงานกันต่อเถอะ อาซิ่ว พาป้าสามไปดูบ้านหน่อยสิจ้ะ” หลินชิงเหอพูดอย่างรื่นเริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...