บทที่ 527 ปัญหาการตกงาน
ตั้งแต่เล็กโจวลิ่วนีก็ดูถูกพี่สาวของตัวเองแล้ว หล่อนชอบก้มหน้ารับรู้แล้วทำงานต่อไป ไม่พูดไม่จา ดูแล้วเป็นคนไม่มีอนาคตอะไร หล่อนรู้ดีแก่ใจว่าบ้านสี่ดีต่อหล่อน แต่ก็ไม่ช่วยพูดจาให้น้องสาวของตัวเองบ้างเลย
โจวลิ่วนีก็เคยพูดกับพี่สาวเอาไว้ว่าขนาดเอ้อร์นีและสวี่เชิ่งเหม่ยยังไปได้ หล่อนเองก็สามารถไปได้เหมือนกัน
แต่พี่สาวหล่อนบอกว่าอะไรนะ? พูดว่าอาสะใภ้สี่ไม่เรียกหล่อนไป
ถึงไม่เรียกหล่อนไป หล่อนก็จะพยายามไปให้ได้เหมือนกัน อาสะใภ้สี่เองก็ไม่ได้เรียกสวี่เชิ่งเหม่ยไปเหมือนกันนี่ สุดท้ายสวี่เชิ่งเหม่ยก็ได้ไปแล้ว ทั้งยังได้แต่งงานกับคนรวยที่ปักกิ่งด้วย กลายเป็นลูกสะใภ้คนรวยไปแล้ว
เดิมทีโจวลิ่วนีก็อยากจะก้าวหน้าแบบหล่อน แต่ตอนนี้ไม่เพียงจะก้าวหน้าแบบหล่อนไม่ได้ ตัวเองยังไม่มีความหวังอีกด้วย
ต่อมาซานนีก็แต่งงานกับคนขาเป๋นั่น โจวลิ่วนีเห็นแล้วก็ไม่อยากจะสานความสัมพันธ์กับหล่อนอีกต่อไป แต่ใครจะรู้ว่าหล่อนจะสามารถพลิกเส้นทางจนไปปักกิ่งได้
คนโง่เง่าอย่างซานนีถือดีอย่างไรได้ไปปักกิ่ง!
แต่ไม่เพียงแค่ไป หล่อนยังได้งานดี ๆ ทำด้วย และได้ตั้งถิ่นฐานที่นั่นแล้วในตอนนี้
โจวลิ่วนียิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอัดอั้นตันใจ
ตอนนี้หล่อนแต่งงานแล้ว แต่สิ่งไหนที่เรียกว่าชีวิตที่ดี? หล่อนจนมาก ทั้งยังมีปัญหามากมาย เมื่อวานหล่อนเพิ่งทะเลาะกับพี่สะใภ้น้องสะใภ้ของสามีไป
“ถ้าหล่อนกล้าไม่เห็นหัวพ่อแม่ ฉันจะหักขาหล่อน!” สะใภ้รองด่า
“สู้ยังไงล่ะคะ ไปสู้ที่ปักกิ่งเหรอ” โจวลิ่วนีพูดเยาะเย้ย
สะใภ้รองอึกอัก จากนั้นก็ด่าหล่อนขึ้นมาอีก “แกอย่ามาพูดดี ทำอย่างกับแกทำได้อย่างนั้นแหละ ถ้าแกเก่งขนาดนั้น แกจะอยู่บ้านนั้นอย่างลำบากขนาดนี้ไหม!”
หล่อนหรือก็เคยนึกว่าลูกสาวคนนี้จะฉลาด ใครจะรู้ว่าจะกลายเป็นคนโง่เง่าแบบนี้ ทั้งท้องก่อนแต่ง แถมครอบครัวนั้นก็จน จนยิ่งกว่าครอบครัวของหล่อนอีก มองอย่างไรก็เชื่อถือได้เพียงครึ่งเดียว
เดิมทีหล่อนนึกว่าจะสามารถพึ่งพาความฉลาดของลูกสาวคนนี้ได้ น่าจะสามารถหาคนดี ๆ มาได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะไปคว้าครอบครัวแบบนั้นมา
ผลลัพธ์คือลูกสาวหล่อนเสียคุณค่าไปแล้ว ไม่มีใครมองหล่อนเลยสักคนเดียว
หลินชิงเหอไม่รู้ว่าเลยว่าการโทรศัพท์กลับมาเพียงครั้งเดียว จะทำให้บ้านสายรองคิดมากมายก่ายกองขนาดนี้
แต่เรื่องระหว่างซานนีกับบ้านแม่ หลินชิงเหอไม่คิดที่จะก้าวก่าย
ตอนที่หล่อนอยู่ที่บ้านแม่ หล่อนไม่เคยทำตัวเลี้ยงเสียข้าวสุกเลย น้องชายน้องสาวก็ไม่ได้ทำงานหนักเท่าหล่อน ตอนแต่งงานหล่อนยังให้เงิน 400 หยวนกับพวกเขา ตอนนี้หล่อนมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว ถ้าหล่อนไม่อยากติดต่อกับบ้านแม่ตัวเอง ใครก็พูดอะไรกับหล่อนไม่ได้
และก็ไม่ใช่ว่าบ้านแม่ของหล่อนไม่มีลูกชาย
ชีวิตของคนเราไม่อาจเห็นแก่ตัวเกินไป แต่ก็ไม่อาจไม่เห็นแก่ตัวเองได้เช่นกัน ในเมื่ออีกฝ่ายทำให้คุณไม่มีความสุขใจไม่ดีใจ งั้นก็ถอยห่างออกหน่อย นี่คือวิถีของคนฉลาด
หลินชิงเหอมาเยี่ยมโจวซานนีที่อยู่ไฟหลังคลอดเสร็จ ซึ่งการอยู่ไฟสำเร็จไปด้วยดี แต่หลังจากคลอดลูกแล้วซานนีกลับผอมลงมาก
กลับกันกับลูกชายของหล่อนทั้งอ้วนท้วน ทั้งยังดูแข็งแรงมากจริง ๆ
เขาอายุเยอะกว่าสองแฝดมังกรหงส์หนึ่งเดือน แต่ได้รับการเลี้ยงดูแลอย่างดี หลินชิงเหอเห็นสภาพแวดล้อมที่ดูไม่เลวแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งมากมายอะไร
หญิงสาวขี่จักรยานวนกลับมาที่ร้านเกี๊ยว ตอนนี้เป็นปลายเดือนตุลาคม อากาศหนาวมากจริง ๆ
“คุณไปไหนมา?” โจวชิงไป๋พูด
“ไปหาซานนีน่ะค่ะ” หลินชิงเหอพูด
โจวชิงไป๋ใช้กระบวยตักซุปเนื้อแกะให้หล่อนหนึ่งชามเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น หลินชิงเหอดื่มน้ำซุปไปด้วยและก็ถอนหายใจ “ดื่มไปดื่มมา ก็ยังเป็นซุปเนื้อแกะที่ทำให้ร่างกายอบอุ่นนะคะ”
โจวชิงไป๋พูด “กินแป้งทอดหน่อยไหม?”
“ไม่กินแล้วค่ะ ดื่มน้ำซุปนี้ก็พอ” หลินชิงเหอพูด
โจวชิงไป๋ห่อเกี๊ยวและพูดไปด้วย “ซานนีเป็นยังไงบ้าง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...