บทที่ 625 เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองก็จงนิ่งเฉยเสีย
“พ่อของลูกล่ะ?” พอกลับถึงบ้านและเห็นลูกสาวคนโตกำลังเขียนการบ้านอยู่ โจวเสี่ยวเหมยก็พูดขึ้น
“พ่ออยู่หลังบ้านค่ะ” ซูหย่าตอบ
โจวเสี่ยวเหมยจึงเดินมาหาเขาที่ตอนนี้เปิดหน้าดินไปพอสมควร อีกไม่กี่วันข้างหน้าก็สามารถปลูกกุยช่ายหรืออะไรพวกนั้นได้แล้ว
บ้านของท่านพ่อท่านแม่โจวก็มีแปลงปลูกผักเช่นกัน เดิมทีก็กินกันไม่หมดอยู่แล้วจึงเอามาแบ่งให้ที่นี่ด้วย ดังนั้นหลังบ้านของเขาจึงปลูกผักที่เอาไว้ใส่ในซาลาเปาแทน
พอเห็นภรรยาของตนกลับมาแล้ว ซูต้าหลินก็ยิ้มแล้วพูดว่า “กิน….กินข้าว…มะ..มาหรือยังครับ?”
“กินแล้วค่ะ คุณลุงกับคุณป้าจะมาถึงเมื่อไหร่คะ?” โจวเสี่ยวเหมยพูด
“พะ…พรุ่งนี้” ซูต้าหลินถอนหายใจออกมาเบา ๆ
เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าครอบครัวพี่ชายของเขาดูออกจะดี แต่ทำไมถึงเดินไปในทางนั้นก็ไม่รู้
ตอนนี้ชีวิตก็ดีขึ้นมากแล้ว กิจการก็มั่นคงมากเช่นกัน หน้าร้านก็เตรียมเงินจะซื้อมาอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเขาจำเป็นต้องมีหน้าร้านก่อน พอมั่นคงแล้วถึงเก็บเงินสัก 2-3 ปีซื้อบ้าน หลังจากนั้นจึงทำเรื่องย้ายทะเบียนบ้าน ชีวิตแบบนี้ไม่มีอะไรจะดีไปว่านี้แล้ว
แต่กลับเกิดเรื่องวุ่นวายมากมายขนาดนี้ขึ้นมาเสียได้
โจวเสี่ยวเหมยถามแค่เวลาที่พวกเขาจะมาเท่านั้นไม่ได้ถามเรื่องอื่น หล่อนต้องเตรียมจัดที่พักให้กับคุณลุงและคุณป้า ถึงตอนนั้นหล่อนก็จะให้ลูกชายสองคนของหล่อนไปพักอยู่กับคุณตาคุณยายของพวกเขา
สำหรับคุณลุงกับคุณป้าของซูต้าหลิน โจวเสี่ยวเหมยก็เกรงใจพวกเขาเช่นกัน
พวกเขาไม่เพียงมีไมตรีดูแลซูต้าหลิน แต่หลังจากที่หล่อนแต่งงานเข้าไปทั้งสองก็ดูแลหล่อนเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้หล่อนยังเคยโทรศัพท์กลับไปชวนให้พวกเขามาเยียมทางนี้บ้าง แต่ว่าพวกเขาเกรงใจกลัวว่าจะมารบกวนจึงไม่ได้มา คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาเพราะว่าเรื่องนี้
เป็นความไม่แน่นอนของโลกใบนี้จริง ๆ
โจวเสี่ยวเหมยเข้าบ้านไปหาสมุดบัญชีเพื่อจะบันทึก ตอนนี้รายได้ของครอบครัวทั้งหล่อนและซูต้าหลินต้องทำการจดบันทึกเอาไว้ทั้งหมด
เมื่อนำรายได้จากร้านชา 220 หยวนจดลงในสมุดบัญชีเสร็จ โจวเสี่ยวเหมยก็รู้สึกพอใจอย่างมาก
เพราะความดูแลของพี่สะใภ้สี่ของหล่อน ทำให้ตอนนี้ครอบครัวของหล่อนมีรายได้เข้ามา 200 กว่าหยวนทุกเดือน บางครั้งเยอะบางครั้งน้อย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะได้ 200 หยวนขึ้นไปเสมอ
เงินที่ลงทุนก่อนหน้านี้ทั้งหมดหล่อนได้คืนกลับมาแล้ว เงินที่ได้รับในตอนนี้จึงเป็นกำไรทั้งหมด
กิจการที่ร้านซาลาเปาก็ไม่ได้ด้อย แม้จะไม่แย่แต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน ที่จริงร้านนั้นทำกำไรได้ 90 หยวนต่อเดือนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
แต่ว่าตอนนี้เด็ก ๆ ต่างก็โตกันหมด ค่าเล่าเรียนอุปกรณ์การเรียน ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ทำให้หล่อนรู้สึกกดดันไม่น้อยเลยจริง ๆ
ทุกเดือนที่มีรายได้เข้ามาเยอะหน่อย ความกดดันนั้นก็ย่อมลดลงเป็นธรรมดา อีกทั้งยังได้เก็บเงินด้วยอีกเล็ก ๆ น้อย ๆ
พอทำบัญชีเสร็จก็เดินไปบ้านพ่อกับแม่ของหล่อนแล้ว
ท่านพ่อโจวกำลังเล่นหมากรุกอยู่กับผู้เฒ่าหวัง ท่านแม่โจวกำลังเรียนงิ้วปักกิ่งอยู่ นี่เป็นกิจกรรมเล่นสนุกใหม่ล่าสุดของเหล่าคุณย่าคุณยาย ที่สวนสาธารณะไม่ว่าคุณย่าคุณยายคนไหนก็เล่นสนุกเช่นนี้กันหมด ดังนั้นนางก็จะตกกระแสนี้ไม่ได้เหมือนกัน
2 ปีมานี้ไม่ว่าท่านพ่อโจวหรือว่าผู้เฒ่าหวัง และท่านแม่โจว ที่จริงพวกเขาแก่ชราขึ้นไม่น้อย แต่ว่าเมื่อ 2 ปีก่อนผู้เฒ่าหวังได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันกับท่านพ่อท่านแม่โจวแล้ว
บ้านที่นี่กว้างขวางอยู่แล้วอย่างไรก็พออยู่ อีกทั้งเพราะว่ามีกันอยู่ 3 คน กับข้าวจึงค่อนข้างทำง่ายขึ้นหน่อย
ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ได้รู้สึกไม่สะดวกสบายตรงไหน
โจวเสี่ยวเหมยมาบอกเรื่องที่คุณลุงกับคุณป้าของหล่อนจะมาให้พวกเขารู้
ท่านแม่โจวย่อมเคยได้ยินเรื่องที่ลูกสาวเล่าให้ฟัง พูดขึ้นว่า “ให้เฉิงเฉิงกับสวิ่นสวิ่นมาอยู่ที่นี่ ส่วนคุณลุงคุณป้าของเขาก็ให้อยู่ที่บ้านนั้นเถอะจ้ะ”
โจวเสี่ยวเหมยพยักหน้า “หนูก็คิดไว้อย่างนี้เหมือนกัน”
“นี่ก็เหมือนกัน ไม่มีเรื่องอะไรก็รนหาเรื่อง ใช้ชีวิตดี ๆ ไม่ทำ คิดทำอะไรแผลง ๆ อยู่ดีไม่ว่าดียังดันทุรังหาเรื่อง” ท่านแม่โจวพูด
“มันก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกันค่ะ นี่ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ได้แต่งงานกับคนดี ๆ หรอกเหรอคะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...