บทที่ 657 เดินทางมาถึง
หลังจากฟังที่หลินชิงเหอพูดจบ สองพี่น้องอย่างเจ้าสามโจวกุยหลายและกังจือก็ต้องเปิดโลกทัศน์ของตัวเองเสียใหม่
นี่มันท้าทายทัศนคติที่เคยมีเกินไปแล้ว
“กังจือเอ๋ย จะแต่งภรรยาทั้งทีนายต้องระวังหน่อยนะ” โจวกุยหลายตบบ่ากังจือ พูดอย่างจริงใจ
กังจือพยักหน้าอย่างจริงจังเช่นกัน
การแต่งงานกับผู้หญิงอย่างจางเหมยเหลียนนั้นคือโคตรของโคตรซวย มีแต่คนโชคร้ายเท่านั้นแหละถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้
“ถ้างั้นตอนนี้สวี่เชิ่งเฉียงอยากกลับตัวกลับใจแล้วเหรอครับ” โจวกุยหลายถาม
“ลองให้โอกาสเขาหน่อยน่ะ” หลินชิงเหอบอก
พวกเขาไม่ได้คุยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้กันมาก พูดจบหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็เตรียมตัวจะนอนกันแล้ว
ส่วนสาวน้อยมี่มี่นั้นวันนี้กินข้าวเสร็จปุ๊บก็ไปนอนเลย เพราะเล่นจนเหนื่อย
จนถึงบัดนี้เด็กหญิงยังนอนกับพ่อแม่เธออยู่เลย เพียงแต่มีเตียงของตัวเอง แค่อยู่ในห้องเดียวกัน
หลินชิงเหอบอกกับโจวชิงไป๋ “โอกาสมีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าครั้งนี้เขายังไม่รู้จักรักษา ต่อไปนี้คุณก็ไม่ต้องมาพูดอะไรมากมายกับฉันแล้ว”
“อื้ม” โจวชิงไป๋พยักหน้า
ตอนแรกเขาก็ไม่อยากยุ่ง แต่ครั้งนี้เห็นหลานชายออกมาจากคุกแล้วเปลี่ยนไปไม่น้อย เขาจึงคิดว่าควรให้โอกาสอีกครั้ง
เช้าวันรุ่งขึ้น โจวชิงไป๋ก็พาสวี่เชิ่งเฉียงไปที่ร้านเกี๊ยวด้วยกัน ต้องจัดเตรียมวัตถุดิบปรุงอาหารไม่น้อย
การเปิดร้านเกี๊ยวไม่ใช่เรื่องง่าย มีเรื่องให้ต้องดูแลจัดการมากมาย
และสวี่เชิ่งเฉียงก็ไร้ซึ่งฝีมือ เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ถึงจะเป็นเด็กหนุ่มจากชนบท แต่เขาทำอะไรพวกนี้ไม่เป็นจริง ๆ
จึงต้องให้น้าเล็กอย่างโจวชิงไป๋สอน
และดีที่โจวชิงไป๋เป็นคนใจเย็น ขอแค่เขายอมเรียน โจวชิวไป๋ก็ไม่เบื่อที่จะสอนเขา
หลังทำงานที่ร้านเกี๊ยวทั้งวัน ตอนกลางคืนเขาจึงพักอยู่ที่ร้านเกี๊ยวเลย ไม่ได้กลับไปที่เรือนสี่ประสาน
หลินชิงเหอไม่ได้ถามเรื่องสวี่เชิ่งเฉียงมากนัก เป็นกังจือที่ถามน้าเล็กของเขา
“ทำอะไรไม่เป็นเลย อีกพักหนึ่งเลยล่ะกว่าจะรับช่วงต่อได้” โจวชิงไป๋กล่าว
กังจือหัวเราะคิกคัก “ป้าใหญ่รักเขาเกินไป ไม่ยอมให้เขาทำอะไรเลย ไม่แปลกที่เขาจะทำไม่เป็นครับ”
หลินชิงเหอเปลี่ยนไปพูดเรื่องที่ช่วงนี้เขาออกไปตั้งแผงขายของ กังจือก็บอกว่า “ปีนี้คนออกมาตั้งแผงเยอะขึ้นครับ ผมคิดว่าอีกหน่อยอาจจะไม่เป็นที่นิยมแล้วก็ได้”
เขาขายเสื้อผ้ามาตลอด รู้จักวงการเสื้อผ้าดี ปีนี้ขายดีกว่าปีที่แล้ว และหากำไรง่ายกว่าปีที่แล้ว แต่คนที่มาตั้งแผงขายด้วยกันก็เพิ่มมาไม่น้อย
ดีที่เสื้อผ้าของเขาเอามาจากพี่เขยรอง ซึ่งมีแต่ของดี ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพหรือรูปแบบต่างมีจุดแข็งพอ ถึงได้ขายง่าย
แต่เขารู้สึกว่าอีกหน่อยจะขายยากขึ้น
หลินชิงเหอเอ่ย “เธอฉวยโอกาสตอนนี้ที่ยังขายง่ายอยู่กอบโกยเยอะ ๆ เถอะ”
อีกหน่อยการค้าขายจะทำยากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ต่อให้เป็นทั้งยุค 90 การตั้งแผงขายของก็ยังทำเงินได้ประมาณหนึ่ง
ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ จะให้กังจือไปทำอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรดี ๆ ให้ทำเหมือนกัน ดังนั้นทำงานนี้ไปก่อน รายได้แต่ละเดือนไม่น้อยไปกว่าที่เขาไปเปิดร้านเองเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...