ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 81

คราว

เพราะว่าตอนนี้เป็นการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูร้อน สิ่งที่พวกเขากินก็จะดูเรียบง่ายแต่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน

คราวนี้พวกเขาทานชุนปิ่ง(1) กัน โดยหลินชิงเหอเป็นคนห่อและนำชุนปิ่งทั้งหมดมาจากบ้าน

ข้างในแผ่นแป้งสาลีสอดไส้ด้วยเนื้อชิ้นเล็ก เห็ดหั่นเต๋า ต้นกระเทียมผัดไข่ ซอสมะเขือเทศที่หญิงสาวทำโดยเฉพาะ กับผักประจำฤดูกาล รสชาติของมันช่างอร่อยเหาะเหนือคำบรรยาย

นอกจากนี้ยังมีแกงจืด ซึ่งหลินชิงเหอตักให้คนละถ้วย

หลังกินเสร็จพวกเขาก็พักผ่อน จากนั้นก็กินมะเขือเทศสดตบท้าย เป็นการปิดมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบ

อาหารของครอบครัวพวกเขาเป็นอาหารที่ดีเลิศที่สุดในหมู่บ้านอย่างไม่ต้องสงสัย อาหารของครอบครัวตระกูลโจวไม่มีทางสู้ได้หรอก

สะใภ้รองมองครอบครัวสะใภ้สี่ตรงบริเวณนั้นที่กำลังนั่งรับประทานชุนปิ่งอัดแน่นไปด้วยของน่ารับประทาน จนกลิ่นหอมของมันโชยมาไกลถึงบริเวณที่หล่อนนั่งอยู่

“อยู่ดีกินดีกันเหลือเกิน ทำไมหล่อนไม่เอามาให้คุณพ่อกับคุณแม่สักหน่อยนะ” สะใภ้รองบ่นพึมขณะเคี้ยวแป้งจี่

“พวกเขาแยกตัวออกไปแล้ว เธอน่ะทานของของเธอไป” ท่านแม่โจวเหลือบมองสะใภ้รองที่ทำท่าว่าจะก่อปัญหาแล้วก็เอ็ดใส่หล่อน

สะใภ้รองหุบปากฉับเมื่อได้ยินคำพูดของแม่สามี แต่ในใจยังขุ่นเคืองอย่างมาก

หลินชิงเหอไม่ได้ออกมานอกบ้านนานนัก เธอทาครีมกันแดดให้โจวชิงไป๋ เจ้าใหญ่ และเจ้ารอง ซึ่งตอนที่ตุนของไว้ก่อนทะลุมิติมา เธอได้ซื้อครีมกันแดดมาสองกระปุกใหญ่

ในตอนนี้กำลังเป็นช่วงเวลางาน ซึ่งเจ้าใหญ่กับเจ้ารองก็มีความสุขที่ได้ทำ หลินชิงเหอไม่ได้ห้ามพวกเขให้ตากแดดหรอก แต่ทุกคนต้องใส่หมวก

โจวชิงไป๋เป็นกำลังสำคัญ ผิวของเขาจึงเกรียมแดดจนมีสีแดงจนหลินชิงเหอเห็นแล้วรู้สึกทนไม่ได้

“คุณไม่ต้องทาให้ผมหรอก” โจวชิงไป๋บอก

“ฉันเอามาไม่เยอะค่ะ เหลือแค่นิดหน่อยเอง” หลินชิงเหอตอบ ทำให้โจวชิงไป๋มีสีหน้าอ่อนลง

“คุณนอนพักนะ” หญิงสาวเอ่ย

โจวชิงไป๋พยักหน้า แล้วก็พาเจ้าใหญ่กับเจ้ารองงีบพักกลางวัน

หลินชิงเหอเก็บข้าวของพาเจ้าสามกลับบ้าน วันนี้อากาศร้อนจริง ๆ เหมือนอยู่ในกองไฟเลย

แต่ไม่มีใครหนีไปได้ในวันสำคัญเช่นนี้ พวกเขาต้องทำงานในนาและรีบเก็บเกี่ยวให้เร็ว ทุกคนชินแล้วกับการที่หลินชิงเหอเป็นคนขี้เกียจและไม่เคยลงแปลงนา จึงคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะวิจารณ์เธอ

เมื่อเสียงแตรดังขึ้น โจวชิงไป๋กับคนที่เหลือก็ลุยแปลงเก็บเกี่ยวข้าวสาลีในนาอีกครั้ง

เจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเด็กคนอื่น ๆ งานเบากว่านั้นหน่อย เพราะแต่ละคนทำงานไม่หนักนัก พวกเขามีหน้าที่ขนมัดรวงข้าวสาลีในทุ่งมาชั่งน้ำหนักเพื่อแลกกับแต้มค่าแรง เด็ก ๆ เหล่านี้ขยันขันแข็งกันไม่น้อย

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมีพลังงานล้นเหลือขนาดไหน พอถึงหมดวัน พวกเขาก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามากเช่นกัน

เมื่อพวกเขากลับบ้าน เจ้ารองก็ได้นอนซบบนหลังของผู้เป็นพ่อ เห็นชัดว่าเขาเหนื่อยมากจริง ๆ

หลินชิงเหอตกใจกลัวว่าเขาจะเป็นลมแดด เธอจึงบอกกับเด็กชาย “พรุ่งนี้เจ้ารองไม่ต้องไปแล้วนะ”

“ไม่เอา ผมจะไป!” เจ้ารองตอบในทันที

“ไม่เหนื่อยเหรอ?” หลินชิงเหอจ้องมองเขา

“ไม่เหนื่อย!” เจ้ารองพยักหน้า

ดูจากนิสัยของเขาแล้ว หลินชิงเหอจึงยอมตามใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็เอ่ยเตือน “ถ้าลูกเหนื่อยขึ้นมาให้รีบพักเลยนะ เข้าใจไหม?”

“ครับ ผมไม่ฝืนตัวเองหรอกน่า ถ้าผมเป็นลมแดดมันจะต้องเจ็บปวดแน่เลย” เจ้ารองบอก

เด็กคนอื่น ๆ เผชิญกับการเป็นลมแดดมาแล้ว แค่มองเห็นพวกเขาอาเจียนกับท้องเสีย เขาก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา

หลังทานอาหารมื้อเย็นแบบง่าย ๆ อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการแล้ว หลินชิงเหอก็ยกหม้อถั่วเขียวมาแช่ในน้ำจากบ่อให้เย็นตัวลง

ในหม้อคือถั่วเขียวต้มน้ำตาลกรวด ถึงเธอจะปรับให้มีรสหวานอ่อนแล้ว แต่ก็ถือว่ายังมีรสชาติดีอยู่

หลินชิงเหอตั้งใจให้ทั้งพ่อและลูกชายทั้งสองทานถั่วเขียวต้มน้ำตาลให้มากกว่านี้ เธอตักออกมาสองถ้วยและส่งให้เจ้าใหญ่นำไปมอบให้คุณปู่กับคุณย่าของเขา

“พรุ่งนี้ฉันจะทำถั่วเขียวต้มน้ำตาลให้คุณทานนะคะ มันช่วยลดความร้อนในร่างกายได้ดีเลยล่ะค่ะ” หญิงสาวบอกกับโจวชิงไป๋

“อืม” โจวชิงไป๋เห็นด้วย

เมื่อพอใจกับคำตอบที่ได้รับ หลินชิงเหอก็พูดต่อ “วันนี้คุณเองก็เหนื่อยมากแล้ว ไปพักเสียเถอะค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม