ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 164

บอกไปหลายครั้งแล้ว น้ำตาไม่ช่วยแก้ปัญหา ร้องให้แล้วจะแก้ปัญหาเรื่องที่นอนได้หรือ!

ซ่งฝูเซิงหายใจเอาอากาศเย็นเข้าปอด ก่อนพยายามระงับความโกรธที่พลุ่งพล่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

เขาเหลือบตามองมือของซ่งหลี่เจิ้งที่กุมแขนของเขาไว้ ถอนหายใจยาวๆ พร้อมที่จะคายไฟแห่งความโกรธออกมา

ซ่งฝูเซิงสลัดมือที่กุมแขนเขาไม่หลุด เหลืออีกนิดจะระเบิดมันออกมา สมองของเขาต้องการแค่เพียงตะโกนออกมาดังๆ ด่าทุกคนสักชุดใหญ่ๆ แต่ในอารมณ์นั้นเขากลับทำได้เพียงเข้าใจและเข้าใจอย่างสุดซึ้ง

เพียงเพราะอยากไปให้ถึงที่หมายแล้ว ทุกคนจึงร้องไห้ระงมกันอยู่อย่างนี้

ไม่ว่าการเดินทางจะผ่านสถานที่ใด ไม่ว่าจะพบปัญหาอย่างไร ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น สถานที่เหล่านั้นก็เป็นเพียงที่พักพิงชั่วคราวเท่านั้น ความหวังในก้นบึ้งของหัวใจจะบอกตัวเองเสมอว่า เดินไปข้างหน้า หวังให้ถึงที่หมายก็พอแล้ว

และแล้วสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าของพวกเราก็มาถึงแล้วจริงๆ มาถึงดินแดนของพวกเขา ดินแดนที่ต้องอยู่ไปจนชั่วชีวิต ในยามราตรีกลับถูกกระทำเช่นนี้ ดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คาดว่าอนาคตอีกครึ่งชีวิตที่เหลือคงจะไม่มีอาหารดีๆ ให้กินอีกแล้ว ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่าหนทางข้างหน้าช่างว่างเปล่าไร้จุดหมายเหลือเกิน

ผู้คนในหมู่บ้านปฏิบัติต่อพวกเขาเช่นนี้ ทุกคนก็พอจะรู้สึกว่าได้ว่าวันดีๆ ในชีวิตของพวกกำลังจะหายไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แม้แต่ความหวังอันน้อยนิดก็ไร้วี่แวว

เพราะอย่างนี้ ไม่ว่าจะต่อสู้ด้วยวาจา หรือรบราฆ่าฟัน ก็ไม่มีทางชนะได้ จะบุกเบิกดินแดน แบ่งเขตแดน เกณฑ์แรงงาน จ่ายภาษีประจำปีมากน้อยเพียงใด ทุกอย่างถูกกำไว้ในมือของเขาทั้งหมด

อย่าพูดเลยว่าจะไปต่อต้านกับคนในหมู่บ้านแห่งนี้ ที่นี่มีตำแหน่งหลี่เจิ้งเหมือนกับที่หมู่บ้านเดิมของพวกเขา มีคนเหมือนท่านลุงซ่งที่มีตำแหน่งหลี่เจิ้ง แสดงให้เห็นว่า หมู่บ้านแห่งนี้ อย่างน้อยก็ต้องมีสองร้อยกว่าครอบครัว จึงสามารถมีตำแหน่งหลี่เจิ้งได้ จากที่คาดการณ์ บ้านที่มีคนน้อยที่สุดก็มีสมาชิกประมาณยี่สิบกว่าคน รวมกันแล้วหมู่บ้านแห่งนี้น่าจะมีคนอยู่หลายพันคน

คนของเราสองร้อยกว่าคน จะต่อสู้กับคนหลายพันคน เราจะต่อสู้ไหวหรือ

ถึงบัดนี้ ซ่งฝูเซิงอยากจะต่อว่าด่าทอพวกเขา บางคนเสียใจร้องไห้เหมือนกับเสียดายที่เลือกแบบนี้ ก่อนเข้าเมืองยังพร้อมใจที่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน ทุกคนน่าจะเตรียมใจไว้บ้างแล้วว่าจะต้องเจอกับปัญหาที่ยากขนาดนี้เมื่ออยู่รวมกัน พวกเจ้าช่างโง่เขลาอะไรเยี่ยงนี้?

ซ่งฝูเซิงต่อว่าพวกเขาไม่ได้จริงๆ

เพียงเพราะว่า จากระยะทางที่ผ่านมา เขาพบว่าพวกนั้นโง่เขลาจริงๆ

ถ้าลองเปลี่ยนมาเป็นคนในยุคปัจจุบัน พวกเขาต้องถูกด่าว่าไม่มียาใดหรอกที่จะรักษาอาการเสียดายทีหลังได้ ก่อนหน้านี้เจ้าคิดอะไรอยู่? คำพูดแค่ลมผ่านปาก ไม่มีการเตรียมใจใดๆเลย

เพราะว่าคนในยุคปัจจุบันนี้ไม่ได้กินเนื้อหมูแต่ก็ยังเห็นหมูวิ่งได้ ไม่ได้ประสบพบเจอกับตัวเองแต่ก็ยังสามารถหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตได้ หรือดูผู้คนได้จากโทรทัศน์ได้ ที่พวกเราฉลาดไม่ใช่ไปทำร้ายใครก่อน แต่อย่างน้อยพวกเราก็ยังมีเกราะป้องกันจิตใจ มีสติ สองมือต้องพร้อม ทุกปัญหามีทางออกเสมอ หรือยังสามารถคาดเดาได้ไม่มากก็น้อย

ดังนั้น คนยุคนี้มักจะมีการเตรียมใจ ไม่ว่าทำอะไรมักจะไม่โชคดีไปเสียทุกเรื่อง ตัวอย่างเช่น ตัวเขา ลูกสาว และภรรยา ก็ยังเป็นอย่างที่เห็น

แม้ซ่งฝูเซิงรู้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้โชคดีบ่อยๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ ตั้งแต่เรื่องที่พักหรือเรื่องที่ทุกคนจะต้องมาเจอปัญหายิ่งใหญ่ขนาดนี้

ถ้ารู้ว่าคนจะมาเยอะเยอะขนาดนี้ คนในหมู่บ้านจะจัดสรรอย่างไร? คนสมัยก่อนยากจนมาก บางคนสู่ขอภรรยายังไม่มีแม้กระทั่งห้องหอ ใครจะให้ยืมที่พักเยอะแยะมากมายขนาดนี้?

“แต่ว่า พวกเราพบท่านแม่ทัพเล็กแล้วไม่ใช่หรือ”

เขากำลังไตร่ตรองเรื่องที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่แอบอ้างบารมีกับใต้เท้าสวีที่เมืองโยวโจว และได้รับป้ายสีแดงสิบห้าป้าย คำพูดของผู้คุมเถิงที่สั่งไว้ก่อนไปด้วยความห่วงใย เขากำลังคิดว่า ถ้าใต้เท้าสวีสามารถนึกถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาเชื่อมโยงกับแม่ทัพเล็กได้ ใต้เท้าสวีและใต้เท้าเสิ่นก็ยังเป็นเพื่อนกันอีกด้วย จากเหตุการณ์ที่พวกเขาทะเลาะกันใหญ่โตที่หน้าประตูเมืองนั้น ใต้เท้าเสิ่นยังถือว่ามีใจเมตตา ไม่จัดการอะไรกับพวกเขาเลย หรือว่าผู้คุมเถิงสั่งเสียอะไรไว้? ใต้เท้าเสิ่นอาจจะเห็นแก่ใต้เท้าสวีถึงไตร่ตรองอีกครั้ง?

ถ้าเป็นเช่นนั้น ใต้เท้าเสิ่นคงได้ไตร่ตรองมากขึ้น พวกเขาก็ยังอาศัยบารมีของท่านแม่ทัพเล็กอยู่? นอกจากจะถูกจัดให้มาอยู่ด้วยกันแล้ว ยังได้อยู่ในสถานที่ดีๆ แบบนี้อีก

โดยเฉพาะหนทางที่ผ่านมา เมืองเฟิ่งเทียนนี้ไม่ต้องกล่าวถึง อำเภอถงเหยาร่ำรวยมาก หมู่บ้านเหรินจยาที่ในเวลากลางคืนมองไม่เห็นแสงสว่าง แต่หมู่บ้านนี้ก็ใหญ่โตและยังไม่ไกลจากตัวอำเภอมากนัก แสดงให้เห็นว่ายังเป็นเรื่องที่ดีอยู่เหมือนกัน

จากเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ ไม่ว่าคนในยุคปัจจุบันอย่างซ่งฝูเซิงที่มีการเตรียมพร้อมทางด้านจิตใจ ก็ยังถูกสายลมของความโชคร้ายพัดผ่าน แต่จากสิ่งที่มองเห็นก็ยังมีเรื่องที่โชคดีมากมาย ทันใดนั้น เมื่อเขามองไป อาการดีใจก่อนหน้านี้ก็ไม่เหลืออีกเลย

เขาอยากจะร้องไห้ออกมา ไม่ต้องพูดถึง”พวกคนโง่เขลา”เหล่านั้น

พวกคนโง่เขลาพวกนั้นอาจจะไม่คิดอะไรมากมาย หรือไม่คิดอะไรเลย

สิ่งที่สามารถแบ่งปันได้คือความดีใจ แต่ที่ไม่สามารถที่จะแบ่งปันได้คือความกังวลในก้นบึ้งของจิตใจ ตอนนี้ยังดีที่ยังรู้ว่าต้องร้องไห้กับเรื่องอะไร แต่ก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะต้องร้องไห้กับเรื่องอะไรอีก

ใช่ ซ่งฝูเซิงเข้าใจทุกอย่างอย่างดี แต่พวกคนโง่เขลาเหล่านั้นไม่ได้คิดอะไรมากมายแน่นอน…แน่นอน…

จะเอาความหวังอะไรไปฝากไว้กับคนในหมู่บ้านที่ไม่เคยออกไปไหนเลยและไม่เคยรู้จัก ไม่เคยปฏิสัมพันธ์กับคนภายนอก ไม่ชอบคิดอะไรซับซ้อนมากนัก

สิบกว่าปีที่แล้ว พวกคนโง่เขลารู้จักเพียงแค่เรื่องทำการเกษตร ปลูกพืชง่ายๆ ผลิตผลที่ได้ก็เพียงเล็กน้อย ปลูกอะไรที่สามารถไปแลกเป็นอาหารไม่ได้หรือไง? เมื่อเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทก็มีแต่เรื่องจำพวกว่า วัวใครมากินหญ้าในพื้นที่บ้านข้า ผู้ใดครอบครองที่ดินมากกว่าส่วนแบ่งที่ควรจะเป็น ไม่พอใจเรื่องสิทธิ์การตักน้ำก่อน-หลังในหมู่บ้าน

จะมีใครคอยชี้แนะแนวทางคนเหล่านี้ให้ใช้ปัญญาเมื่อเจอปัญหาบ้างไหม

ซ่งฝูเซิงมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังร้องไห้กระจองอแง ได้แต่กล่อมตนเองในใจ ต้องผ่านไปให้ได้ เมื่ออยู่ในกลุ่มคนโง่เขลา เขาคงจะต้องใช้ความคิดสติปัญญาให้มากยิ่งขึ้น

พลางปลอบใจตัวเอง

ถ้าไม่ใช่คนเหล่านี้ คงไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เขาพูด คงไม่ทำในสิ่งที่เขาสั่ง

ทุกครั้งที่เกิดภัยอันตราย พวกเขาเหล่านี้เท่านั้นที่จะใช้ตัวเองเป็นเกราะเพื่อปกป้องตัวเขา

ก็มีแต่คนโง่เขลากลุ่มนี้ที่เชื่อใจซ่งฝูเซิงว่าสามารถสอบจวี่เหริน กลายเป็นซิ่วไฉจวี่เหริน เมื่อเวลานั้นมาถึง ต่อไปไม่ว่าครอบครัวของพวกเขาจะเป็นครอบครัวทหารหรือต้องอยู่ในคุก เขาจะต้องให้การช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างแน่นอน

อ๊ากกก…มันคือ…โชคชะตา ทุกอย่างเราต้องเป็นคนกำหนดเอง พวกเจ้าคิดได้บ้างไหม จะอาศัยคนอื่นตลอดไปหรือ ขนาดอาศัยบนภูเขา ภูเขาก็ยังมีวันพังทลายลงได้

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนในยุคปัจจุบัน ถึงจะโง่ขนาดไหนก็ไม่มีทางเชื่อใจผู้อื่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว