ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 235

ผู้ชายร่างกายกำยำพากันแบกหมูสองตัวเข้ามา ได้ยินเสียงผ่า ชั๊วะ ครั้งแรก และเสียงผ่า ชั๊วะครั้งสอง ชิ้นส่วนของหมูก็ถูกแยกออกจากกัน

ทุกคนเหนื่อยจนหอบ บ้างยืดเอวบ่นไม่ไหว แต่ปากก็ไม่หยุดทำงาน

พวกเขาทั้งคืนไม่ได้นอน ต้องถึงเวลาพักแล้ว ตอนนี้จะง่วงหรือไม่ง่วงดีล่ะ

ไม่ง่วงแล้ว

ทุกคนไม่ง่วง แต่กลับพากันตื่นเต้นจะตายอยู่แล้ว

กัวคนโตรีบเช็ดเหงื่อที่ออกบนหน้าผาก แล้วพูดเสียงดังว่า

“พวกเราไปช้า แม่เจ้า จะบ้าตาย มีหมูตั้งเจ็ดแปดตัวแต่ว่าวิ่งตามไม่ทัน มีหลายตัวยังอยู่ในรังห่างจากพวกเรามาก พวกมันยังยืนอยู่ที่เดิมจ้องมองพวกเรา สองฝ่ายต่างจ้องตากัน…

…ข้ากำลังคิดว่าจะให้พวกเจ้าดูให้เต็มตาเลย มาเลย จ้องมาที่พวกเรา พวกข้าจะล้มสัตว์ใหญ่ แต่ผลปรากฏว่าพวกมันวิ่งผ่านมา แว่บเดี๋ยวก็วิ่งควับผ่านตัวไป”

ซ่งฝูกุ้ยเสียงใหญ่ตะโกนดังขึ้น “ฝั่งโน้นมีอีกแปดตัว ข้าเห็นตัวเป็นๆ เลย”

ทุกคนต่างพากันหัวเราะ พูดไปต่างๆ นานา บางคนก็บอกว่าเขาขี้โม้ เจ้ามาคนสุดท้ายจะเห็นตัวเป็นๆ ได้อย่างไร อยู่ห่างไกลกันขนาดนั้น คนแรกที่วิ่งตามไป รู้หรือไม่ว่าวิ่งได้ไกลเท่าไร เจ้าเห็นหรือไม่ว่ารองเท้าเกือบจะปลิวแล้ว

“ข้าเห็นจริงๆ ข้าเห็นตัวหมูเลย”

“ได้ จริงๆ นะ เจ้าพูดถูก มีหมู่ป่าห้าร้อยกว่าตัวอาศัยอยู่ในป่า จำศีลหลบลมหนาวอยู่ในป่า”

ทุกคนพากันหัวเราะชอบใจกันใหญ่

ท่านลุงซ่งมองไปที่หัวหมูป่า

ท่านลุงซ่งพอใจมาก ทำได้ไม่เลว ไม่ทำให้หัวหมูแตกเสียหาย ดังนั้นเมื่อถึงเดือนสองวันมังกร มันก็ยังใช้งานได้

ไม่เช่นนั้น ถ้าหัวหมูแตกหัก คนข้างบนฟ้าคงต้องพากันสงสัยว่าเจ้าเอาสัตว์อะไรมาบูชาพวกเรา

“ทำไมหมูป่าเข้ามาในฤดูนี้” ท่านลุงซ่งคิดว่าถ้าพวกเราเข้าใจธรรมชาติว่าหมูป่าออกมาหาอาหารอย่างไร หากมีเวลาว่างก็จะสามารถออกไปล่าสัตว์ได้ พูดจบสายตาก็เหลือบมองไปที่เถียนสี่ฟา

เถียนสี่ฟาบอกว่า หมูป่าเป็นสัตว์ที่เดายาก พวกมันมักจะไม่วางใจอาศัยอยู่ที่ไหนง่ายๆ ดังนั้นต้องรู้จากความคุ้นชินของมัน ที่พวกเขาเห็นคือลูกหมูป่าก็รีบพาคนในหมู่บ้านวิ่งตามออกไป บางครั้งช่วงเวลาตอนเช้าที่ฟ้ายังไม่สว่างเต็มที่และตอนกลางคืนช่วงเวลาคนนอนหลับ พวกมันก็จะออกมาทำร้ายคนในหมู่บ้าน

พอพูดถึงหมูป่าตัวเล็ก ท่านลุงซ่งก็คิดถึงว่าหลังบ้านยังมีอีกหนึ่งตัว

พวกเขาพากลุ่มคนไปลากลูกหมูป่าที่ร้อง อู๊ดๆ อยู่ และถามซ่งฝูเชิงว่า “แล้วตัวนี้ พวกเราจะเก็บไว้หรือไม่ เลี้ยงให้โตก่อนแล้วค่อยว่ากัน มันโตเร็วมากนะ”

ซ่งฝูเซิงไม่ได้ตอบคำถาม เขาไปที่หลังบ้านกับกลุ่มผู้ชายหลายคน มองไปที่รั้วที่ถูกทำลาย ตอนนี้ยังไม่ได้ซ่อมแซม ยังต้องเสียเวลาซ่อมแซมและมองไปที่หมูป่าตัวเล็กตัวนั้น

สำหรับชะตาของหมูตัวนี้ คนที่อยู่ตรงหน้านี้คือคนที่จะตัดสินใจว่ามันจะอยู่หรือตาย

มันเคลื่อนไหวร่างกาย ส่วนที่ถูกแทงมีเลือดไหลไปทั้งตัว จ้องตาซ่งฝูเซิงไม่ยอมหลบ

ซ่งฝูเซิงบอกว่า “ดวงตาถั่วสีดำสองดวงเต็มไปด้วยประกาย แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่สัตว์ที่เชื่องหรือเลี้ยงง่าย หากเลี้ยงมันจนโตเป็นหมูหนุ่ม คอกหมูคงเอาไม่อยู่ นิสัยน่าจะดุร้าย ท่าทางต้องทำร้ายคนแน่นอน ไม่ต้องรอให้มันทำร้ายคนได้หรอก จับกินเลยดีกว่า”

“จะไม่เลี้ยงไว้จริงๆ หรือ” ท่านลุงซ่งถามต่อ

“ไม่เลี้ยง ฆ่าเถอะ ดีกว่าต้องมาแก้ไขทีหลัง”

แววตาของลูกหมู เปลี่ยนเป็นโกรธแค้นขึ้นมาทันใด จ้องไปที่ซ่งฝูเซิง มันคงโกรธมาก

ถ้าจะฆ่ามันก็ไม่เป็นไร แต่ว่าอย่าให้ทรมาน ฟังๆ แล้วคนพวกนี้ไม่ใช่คนดี คิดจะทิ้งพวกมันแล้วยังจะมาทรมานอีก

“ดูยังไม่มีเนื้อเท่าไหร่ ให้มันอยู่ที่นี่ไปก่อน ฆ่าสองตัวด้านโน้นก่อน ถ้ามันได้ยินเสียงก็น่าจะสงบลง พวกเจ้าช่วยกันซ่อมแซมรั้วเถอะ”

หมูถูกเชือดแล้ว

เกาถูฮู่ใช้น้ำกลั้วปาก มือถือมีดยกขึ้น เสียงมีดสัมผัสกับหินและพ่นน้ำไปที่ฝ่ามือสองครั้ง

จากนั้นยกมีดที่ลับเสร็จแล้ววิ่งไปที่หมูตัวนั้น

เด็กบ้านอื่นพากันกลัวจึงกลับบ้านไปนอนแล้วตั้งแต่หัวค่ำแล้ว แต่ลูกแฝดของเขากลับไม่กลัว เมื่อก่อนชอบดูท่านปู่เชือดหมู ต่างดีใจปรบมือหัวเราะชอบใจ“ท่านปู่จะเชือดหมูแล้ว ท่านปู่จะลงมือเชือดหมูแล้ว”

เกาถูฮู่คิดในใจ ท่านปู่มีชีวิตมาหลายปี ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เชือดหมูแล้วมีความสุข เพราะว่าได้มาฟรีไง ฮ่าๆๆๆ

พวกผู้หญิงพากันเตรียมน้ำในกะละมัง มีทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น พากันถือออกมาไว้ข้างนอกและยังต้องหากะละมังเปล่าอีกหลายใบ

ท่านยายทั้งหลายพากันหัวเราะอย่างพอใจ เด็กหนุ่มพากันพูดจาเสียงดัง และยกหม้อดำขนาดใหญ่มาให้ ตอนนี้พวกเรายกหม้อใหญ่กลับมาที่ห้องโถงอีกครั้ง

ท่านยายทั้งหลายพากันดีใจ มีหมูป่าสองตัวและข้างนอกยังมีลูกหมูอีกหนึ่งตัว ไม่ใช่จะกินเนื้อเพื่อคลายความหิวเท่านั้น แต่มันหมายถึงว่าพวกเขากำลังจะมีน้ำมันหมู น้ำมันที่มาจากหมูเป็นน้ำมันที่หอมหวลที่สุด

หากมีน้ำมันหมูพวกนี้ ตอนปีใหม่ไม่ต้องกลัวเรื่องจะไม่มีของอร่อยกินแล้ว

คนที่ไม่กล้าออกมาจากห้องเพื่อดูหมูถูกฆ่าก็คือซ่งฝูหลิง ตอนนี้นางกับหมี่โซ่วกินไข่ตุ๋นคนละคำสองคำ และถามเฉียนเพ่ยอิงว่า “พวกเขาจะเอาหมูโยนลงน้ำหรือไม่” “ไม่โยน พ่อของเจ้าอยู่ตรงนั้น และอีกอย่าง เราจะโยนทิ้งทำไม”

ซ่งฝูเซิงอยู่ข้างนอก เขารู้สึกว่า เขาช่วยงานอะไรไม่ได้

เขาพบว่าคนอื่นๆ รู้จักใช้ชีวิตมากกว่าเขา

จะโยนหมู่ทิ้งลงน้ำหรือ พูดเป็นเล่นน่ะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว