เถาฮวาเป็นคนทำผมให้
ซ่งฝูหลิงเปลี่ยนไปใส่ชุดที่สอดคล้องกับการแต่งตัวของเด็กผู้หญิงสมัยโบราณ
พอหันหน้ามา เฉียนเพ่ยอิงมองบุตรสาวแล้วก็ยิ้ม
มันน่าพอใจจริงเชียว
อายุเท่านี้ ไม่จับแต่งตัวแล้วจะได้แต่งเมื่อไหร่กัน
ไม่ต้องสนว่าจะสมัยโบราณหรือปัจจุบัน ในสายตาของเฉียนเพ่ยอิง รอให้อายุเท่านาง จะแต่งอะไรก็ดูธรรมดาไปแล้ว
วัยสาวของเด็กผู้หญิง เพียงชั่วพริบตาก็ผ่านไป เมื่อยังสาวก็ต้องสวย ถ้าไม่พยายามทำตัวให้สวยประเดี๋ยวจะต้องมานั่งเสียใจ
นางตัดสินใจแล้วว่าจะทำชุดเพิ่มให้มากหน่อย
สมัยโบราณแล้วอย่างไร ก็ต้องให้บุตรสาวของนางมีเสื้อผ้ามากมาย แต่งตัวสวยเหมือนกันต้องเสียเงินเยอะ? นางไม่กลัวเรื่องเงิน มีพ่อของลูกอยู่ทั้งคน
เฉียนหมี่โซ่ววิ่งเข้ามาในบ้าน พอเห็นพี่สาวก็อึ้งไปชั่วขณะ
ในสายตาของเขา พี่สาวไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ปกติชุดที่พี่สาวสวมใส่มักดูยุ่งเหยิงอยู่เสมอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนลี้ภัย สกปรกมอมแมม แต่พอมาถึงที่นี่ พี่สาวก็สวมใส่เสื้อผ้าหลายชั้น ทบแล้วทบอีก
“เป็นอะไรไป” ซ่งฝูหลิงถามหมี่โซ่ว
หมี่โซ่วพูดพึมพำออกมาทันที “อิจฉาจัง”
เดิมทีซ่งฝูหลิงคิดว่าน้องชายจะบอกว่าสวยจัง ปากฉีกยิ้มรอคำชม ปรากฏว่าเป็น อิจฉาจัง มันคืออะไร
ซ่งฝูเซิงยิ้มพลางว่าหมี่โซ่ว “เจ้าอิจฉาอะไร อิจฉาที่วันหน้าเจ้าก็อยากแต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิงบ้างอย่างนั้นรึ”
พอได้ยินบุตรชายคนที่สามพูดแบบนี้ ท่านย่าหม่าก็หันไปยิ้มให้หมี่โซ่ว
พวกเด็กๆ พากันตะโกน “พี่พั่งยาสวยจังเลย พี่พั่งยาดูดีที่สุด”
ซ่งฝูหลิงขึ้นรถม้าท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้
นางเองก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวเอ้อร์ของโรงเตี๊ยมที่คุมรถม้าคิดอย่างไร
และก็ยิ่งไม่รู้ว่าท่านพ่อของนางคิดอย่างไร “ท่านพ่อขึ้นมาทำไม”
“ข้าไม่วางใจ”
“คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ มีอะไรให้ไม่วางใจ ถ้าท่านพ่อไปก็เหลือท่านแม่ทำงานคนเดียวแล้ว”
“ไม่เป็นไร ยังมีท่านย่าของเจ้าอีก”
ซ่งฝูเซิงไม่ฟัง บอกให้คนคุมรถม้ารีบไป
ถึงแม้เมื่อวานจะคุยกันแล้วว่าเขาจะไม่ตามไปด้วย แต่หลังจากตกลงกันเสร็จ เขากลับนอนไม่ค่อยหลับ
แม้จะพอเดาได้ว่าพี่สาวของแม่ทัพเล็กคงไม่ถึงกับสร้างความลำบากให้ จะสร้างความลำบากให้ชาวบ้านอย่างพวกเขาทำไม แต่ว่า…ไม่ได้
“ข้าจะไม่โผล่หน้าออกไป โผล่หน้าไปก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ธุระและก็ไม่สะดวก ข้าจะไปพบเจ้านายเฉิน เราสองคนจะหลบคุยกันอยู่ข้างล่าง เจ้าก็แสร้งทำเป็นว่าข้าไม่ได้ตามไปด้วย”
ซ่งฝูหลิงหยิบกระดาษ พู่กัน และหนังสือออกมา เหลือบมองท่านพ่อของนางแวบหนึ่ง ช่างเถอะ อยากไปก็ไป
จากนั้นเสี่ยวเอ้อร์ที่คุมรถก็หูผึ่งตลอดทาง ได้ยินเสียงถามจากในรถอยู่ตลอด “อักษรตัวนี้อ่านว่าอะไร อักษรตัวนั้นอ่านยังไง” เขาไม่ได้ยินข่าววงในอะไรแม้แต่น้อย
เดิมทีก่อนหน้านี้ เจ้านายเฉินเคยได้ประโยชน์ พวกเขากลับไปได้รายงานคำพูดของครอบครัวนี้ตอนอยู่ในรถ
วันนี้เขาเองก็มาพร้อมภารกิจเช่นกัน
แต่ว่า?
ทำไมฟังดู ท่าทางของสองคนนี้ไม่เหมือนว่าอีกประเดี๋ยวจะไปพบกับคนมีฐานะ กลับคล้ายจะไปเจออาจารย์สอนหนังสือเสียมากกว่า เหมือนกลัวจะถูกอาจารย์ทดสอบ
ถูกต้อง ไม่เพียงแต่ซ่งฝูหลิงจะใช้โอกาสที่ซ่งฝูเซิงอยู่ข้างกายเรียนรู้อักษร นางยังได้หาเคล็ดลับในการจดจำตัวอักษรอีกด้วย
คุณหนูสงคุณหนูสาม คุณนายใหญ่จวนฉีอะไรนั่น นางได้ลืมไปหมดแล้วตั้งแต่หยิบหนังสือออกมา
ซ่งฝูหลิงหาอักษรที่เลียนแบบรูปภาพออกมาก่อน ตัวไหนที่เหมือนรูปภาพก็วงเอาไว้
จากนั้นก็ใช้วิธีแยกส่วนประกอบ อักษรตัวไหนที่แยกส่วนออกมาแล้วยังอ่านเป็นอักษรได้นางก็ทำสามเหลี่ยมไว้
จากนั้นก็ใช้วิธีแยกขีดจดจำอักษร
อย่างเช่นการเพิ่มขีด ลดขีด สับเปลี่ยน เพิ่มหนึ่งขีดอ่านว่าอะไร ลดหนึ่งขีดอ่านว่าอะไร เปลี่ยนอักษรด้านข้างเป็นแบบโบราณอ่านว่าอะไร
ขอคำชี้แนะจากซ่งฝูเซิงทีละตัว ให้ท่านพ่อของนางสอนมากหน่อย
สุดท้ายใช้วิธีเปรียบเทียบ อักษรตัวใดที่หน้าตาคล้ายกันก็ใส่เลขลำดับ จัดกลุ่ม แบบนี้ก็จะไม่จำสับสน
อย่าว่าแต่เสี่ยวเอ้อร์ที่คุมรถม้าจะฟังแล้วงงว่าคนข้างในคุยอะไรกัน แม้แต่ซ่งฝูเซิงก็ยังเกือบงงไปกับคำถามของบุตรสาว “เดี๋ยวนะ ลูกจำอักษรพวกนี้ได้ทั้งหมดในเวลาไม่นานนี่เหรอ มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรีบร้อนทำก็ได้นะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...