ซ่งฝูเซิงปล่อยผมสยาย ปีนขึ้นมาบนเนินเขาและสั่งการ “พวกเจ้าทั้งหมดรีบดึงหมี่โซ่วขึ้นมาบนต้นไม้ หมี่โซ่วอยู่ใต้ต้นไม้รอพวกเจ้าอยู่”
ต้ายา เอ้อร์ยาถามพร้อมกัน “อาสาม พวกเราขึ้นไปบนต้นไม้ด้วยได้ไหม?”
เพราะไม่ได้วางแผนไว้ก่อนหน้า จึงไม่มีพื้นที่ให้พวกนาง
ครอบครัวของอาสามพาหมี่โซ่วมา อย่างมากก็เพิ่มเถาฮวาไปได้อีกคน แค่นั้นเต็นท์บนต้นไม้ก็จะไม่มีที่นอนแล้ว
“อย่าพูดมาก รีบไปซะ พวกเขาจะได้ไม่สนใจสถานที่นั้น พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้ากับอาสะใภ้สาม พวกเราสองคนค่อยหาวิธีได้ ผู้ใหญ่พูดง่าย”
เดิมทีซ่งฝูเซิงอยากจะพูดอีกหลายประโยค เช่น ถ้ามีใครเรียกพวกเจ้าก็ห้ามลงมา หากมีคนบอกว่าจะขึ้นไปเบียดเพิ่มก็ให้ปฏิเสธ เต็นท์บนต้นไม้รับน้ำหนักได้ไม่มาก ถ้าเพิ่มน้ำหนักอีกอาจจะพังลงมาได้
เขาพบว่าบุตรสาวจ้องมองเขาราวกับว่านางไม่รู้จักเขาอย่างนั้น ยิ่งมองนางก็อดกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
ซ่งฝูเซิงใช้มือปัดผมที่พาดบ่า “พ่อของเจ้าดูไม่ดีหรือ? แม่เจ้าบอกว่าข้าเหมือนหยางกั้ว[1]”
ซ่งฝูหลิงหัวเราะทันที ทรงผมที่สะดุดตาเช่นนี้ จากผมสั้นเกรียนเปลี่ยนเป็นผมยาว พ่อของนางก็ไม่ได้ส่องกระจก แม่ของนางก็กล้าที่จะเอ่ยชม ขนาดนางเองยังไม่กล้าที่จะฟังเลย
“ท่านพ่อ ท่านไม่เหมือนหยางกั้ว ท่านเหมือนคนธาตุไฟแตกซ่าน เหมือนท่านเซียนหมู่ดาวติงชุนชิว[2]” ซ่งฝูหลิงดึงพวกพี่สาววิ่งหนีไปหัวเราะไป
ไกลออกไป ยังเห็นนางสะบัดแขนพวกพี่สาวและพึมพำ “ท่านเซียนหมู่ดาว วรยุทธไร้เทียมทาน พลังแผ่ไพศาล มายังจงหยวน”
“เจ้าเด็กคนนี้นี่”
ซ่งฝูเซิงส่ายศีรษะยิ้ม เขาสะบัดผมยาวพาดบ่าที่ยังไม่แห้งและพูดกับตนเอง “ข้าปล่อยผมยาวแบบนี้ดูน่าเกลียดหรือ? ข้าเห็นในซีรีย์จีนโบราณ ในนั้นผู้ชายปล่อยผมยาวก็ดูดีนิ”
……
คืนนี้ซ่งฝูหลิงและคนอื่นนอนหลับบนที่นอนและผ้าห่มอันอ่อนนุ่ม
เฉียนเพ่ยอิงปูพื้นนอนสองชั้นให้กับซ่งฝูหลิง เด็กหญิงสี่คน มีเฉียนหมี่โซ่วนอนอยู่ตรงกลาง บนตัวห่มด้วยผ้านวมฝ้ายสองผืน
พี่สาวต่างก็กลัวว่าซ่งฝูหลิงจะหนาว ให้ซ่งฝูหลิงกับเฉียนหมี่โซ่วปูผ้านอนด้วยกัน ส่วนพี่สาวทั้งสามคนก็ปูที่นอนอีกที่หนึ่ง ผ้านวมนี่นำมาจากบ้านโบราณในเมือง มีฝ้ายอยู่ข้างในหลายกิโล ให้ความอบอุ่นได้มาก
ซ่งฝูเซิงตั้งใจเรียนถักม่านประตูโดยเฉพาะ โดยใช้หญ้ามาถักอย่างแน่นหนาเพื่อกันยุงและแมลงจากด้านนอก
เต็นท์หลังน้อยๆ เปรียบเสมือนโลกหนึ่งใบ
พวกนางนอนหลับสนิทแล้ว โดยไม่รู้ว่าเถียนสี่ฟาเทผงยากันงูไว้ใต้ต้นไม้ เพื่อป้องกันไม่ให้งูเลื้อยขึ้นไปบนต้นไม้ได้
ยานี้นำติดตัวมาไม่มาก มียาตัวหนึ่งที่หาได้ยาก เมื่อก่อนตอนที่เขาขึ้นเขาออกล่าสัตว์ก็ไม่กล้าใช้เพราะเสียดาย แต่ตอนนี้ต้องทำเพื่อเด็กๆ
เด็กต่างหลับกันหมดแล้ว จึงไม่รู้ว่าซ่งฝูเซิงกับเฉียนเพ่ยอิงไม่มีที่พักผ่อน
จะมีที่นอนได้อย่างไร
ไม่เน้นว่าเป็นลุงใหญ่ของซ่งฝูเซิง ไม่เอ่ยว่าเป็นญาติที่ใกล้ชิดหรือไม่ เพียงพูดถึงเจ็ดครอบครัวที่เพิ่งมาใหม่ มีทั้งอายุมากจนถึงอายุน้อย จากเด็กอายุสิบกว่าขวบจนถึงเด็กหนึ่งหรือสองขวบ หากยืนต่อกันเป็นแถวยาวก็สามารถยืนได้เป็นสองแถว
ในห่อผ้ายังมีเด็กอายุไม่กี่เดือนกับเด็กที่เพิ่งอายุขวบกว่าๆ อีก
ทุกคนจะรับมือกันอย่างไร ใครจะทนเห็นเด็กไม่มีที่นอนได้? ตอนเช้ากับตอนเย็นในช่วงต้นเดือนสิบ อุณหภูมิต่างกันมาก บนภูเขาแบบนี้ แต่เดิมก็หนาวเย็นอยู่แล้ว
ซ่งฝูเซิงกับเฉียนเพ่ยอิง ถึงแม้จะไม่ได้เสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น แต่พวกเขาก็สละที่นอนสองที่ให้กับเด็กๆ ได้พักผ่อน พวกเขาสองคนต่างก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี
ซ่งฝูเซิงไม่สนใจว่าซ่งหลี่เจิ้งจะจัดการอย่างไรกับคนที่มาใหม่ และไม่ได้ไปพูดคุยกับครอบครัวลุงใหญ่ที่เอะอะโวยวาย เขาเหลือบมองท่านแม่ เห็นท่านย่าหม่ามีพื้นที่นอนก็วางใจ
เขาหยิบผ้านวมกับแผ่นกันความชื้นที่บุตรสาวทำไว้ก่อนหน้านี้พาดบ่า แล้วจูงมือภรรยาไปยังจุดที่ทำเตาเผาถ่าน
พูดกับเฉียนเพ่ยอิง “เจ้ารออยู่ตรงนี้ก่อน อย่ากลัว เดี๋ยวข้าจะกลับมา”
สักพักซ่งฝูเซิงก็ปลดล่อออกจากรถลาก จากนั้นเขาก็ลากแค่ตัวรถมา หน้าตาเต็มไปด้วยเหงื่อ
รถลากนี้เมื่อไม่มีอะไรมารองรับน้ำหนักจึงเอียงลงไปด้านหนึ่ง
ถึงจะเอียงแต่ก็ยังสามารถขึ้นไปนอนได้ ดีกว่านอนบนพื้นหญ้า เพราะนอนบนหญ้าต้องตากน้ำค้าง ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย อาจจะมียุงหรืองูอีกด้วย
“มาเถอะ เมียข้า ข้าจะกอดเจ้าและจะได้เฝ้าถ่านไปด้วย จะได้ทำหน้าที่ที่ลูกสาวมอบหมายให้สำเร็จ ไม่รู้ว่าจะเผาออกมาเป็นถ่านได้ไหม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...