ซ่งฝูเซิงมองท่านแม่กับพี่ชายใหญ่เดินจากไป เขาหุบร่มและสะบัดน้ำออก หลังจากนั้นจึงหันกลับมาเปิดหม้อดิน
ครั้งนี้ไม่เพียงแค่ซ่งฝูเซิงที่ตื้นตันใจ เฉียนเพ่ยอิงได้กินข้าวต้มไปหลายคำก็รู้สึกซาบซึ้งใจเช่นกัน
“เป็นข้าวต้มจริงด้วย และยังใส่ผักอีก…
…ครั้งนี้ผักในข้าวต้มไม่มีใบสีเหลือง มีแต่ใบสีเขียวทั้งหมด…
…ลูกสาวรีบมากินสิ หมี่โซ่วก็มากินด้วยกัน เป็นการยากมากเลยที่ย่าของเจ้าจะยอมใส่เกลือ นี่เป็นครั้งแรกที่นางใส่เกลือในข้าวต้ม”
เฉียนหมี่โซ่วพยักหน้าเห็นด้วย “อร่อยมาก ท่านย่าใจดีมากเลย”
คำพูดนี้กลับทำให้ซ่งฝูเซิงประหลาดใจ เป็นที่รู้กันดีว่าครั้งแรกที่เฉียนหมี่โซ่วเจอท่านย่าหม่านั้น เขารู้สึกหวาดกลัวจนอยากจะแอบหนีไปไกลๆ แต่ตอนนี้กลับให้คะแนนนางเพิ่ม
“นางดีกับเจ้าอย่างไร?”
“เสี่ยวจิ่วตีข้า ท่านย่าอาศัยจังหวะช่วงไม่มีคนสนใจหยิกเขาและยังตีเขาด้วย แถมบอกให้กลับบ้านไปฟ้องย่าของเขาเอา”
เสี่ยวจิ่วเป็นหลานชายคนเล็กของครอบครัวลุงใหญ่ จึงเป็นการยากที่ป้าใหญ่จะไม่มาหาเรื่องกับท่านย่าหม่าและด่าทอกัน
ท่านย่าหม่านี่ก็ใช่ย่อย แอบหาโอกาสท้าทายคนอื่น
นี่เป็นจิตวิทยาแบบไหนกัน หรือว่าถ้าไม่ได้ทะเลาะกับป้าใหญ่แล้วมันไม่สบายใจ? ซ่งฝูเซิงนึกคิด
……
ฝนตกหนักเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน
ทำให้คนในครอบครัวของซ่งฝูเซิงรู้สึกราวกับว่าการใช้ชีวิตบนภูเขาเหมือนไม่มีเวลากลางวัน
ทุกวันเมื่อลืมตาขึ้นมา ภายนอกมืดครึ้มมาก ยิ่งตอนบ่ายหรือตอนค่ำ ท้องฟ้ายิ่งมืดมิด แม้ตอนกลางวัน ท้องฟ้าด้านนอกก็มืดมัว บางทีก็มีสายฟ้าแลบ
ในช่วงสามวันนี้ เพิงพักพิงที่สร้างขึ้นในยามฉุกเฉินเริ่มปรากฏรอยรั่วมากขึ้น ผ้าปูที่นอนของหลายครอบครัวเปียกชื้น ทำให้คนพักอาศัยเริ่มเกิดความวิตกกังวลอีกครั้ง
ซ่งอิ๋นเฟิ่งกับเถาฮวาก็เข้ามาอยู่ในเต็นท์บนต้นไม้ของซ่งฝูหลิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...