ชายหนุ่มหญิงสาววิ่งหนีกันอุตลุดเขาจับมือบางเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยให้ห่างตัว ยิ่งเห็นคนสวยเหนื่อยหอบชายหนุ่มก็กระชับมือเธอเข้ามาแน่นยิ่งขึ้น ตากลมโตสีดำกระพริบมองแผ่นหลังกว้างเขามีเหงื่อซึมจนเสื้อชื้นเป็นดวง กลีบปากสวยฉีกยิ้มพึงพอใจในการกระทำของเขา ชายหนุ่มแสดงความห่วงใยที่มีให้เธอแทบจะทุกวินาที หัวใจดวงเล็กพองโตชื่นฉ่ำความสุขที่ล้นเอ่อแทรกผ่านทุกอณูของร่างกายจนแก้มใสแดงระเรื่อ
“โอ๊ยเกือบไม่รอดแล้วนะครับพิตต้า” ธัญญ์หยุดหอบหายใจเหนื่อยจากการที่วิ่งฝ่ามรสุมกระเทยไทยมามาดๆ หญิงสาวที่ยื่นอยู่ข้างเขาก็เหนื่อยไม่แพ้กัน แต่หญิงสาวนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรเขาเลย จนชายหนุ่มหันไปมองคนสวยกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป ดวงตาคู่กลมเป็นประกายแวววับจ้องมองคนหนุ่มไม่ละวาง สายตากรุ้มกริ่มของเธอทำให้ธัญญ์นึกอายต้องรีบใช้มือหนาปกปิดร่างกายพิยะตาแอบสะใจเล็กที่เห็นเขาเอียงอาย
“รีบขึ้นรถเถอะครับ มองผมนานๆ แบบนี้เดี๋ยวผมก็ไม่ได้กลับกันพอดี”
“บ้า”
ร่างบางถูกโอบกอดอยู่ใต้ผ้าห่มหนา แขนหนักๆ ทับตัวเธอจนแทบจะขยับเขยื่อนไม่ได้ หญิงสาวหรี่สายตารับแสงแดดที่ส่องผ่านช่องม่าน หญิงสาวนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วความคิดบางอย่างก็ทำให้เธอต้องกระเด้งตัวออกจากอ้อมกอดนั้นทันที พิยะตาหันมองนาฬิกาเวลาที่ปรากฎทำเรียวปากสวยต้องอ้าค้างด้วยความตกใจ
“ว๊าย คุณธัญญ์ ตื่นได้แล้วค่ะ” หญิงสาวเขย่าร่างหนาที่นอนขี้เซาไม่ขยับกายอย่างแรง แต่เขาก็งัวเงียเกินกว่าจะตอบดต้อะไรได้ หญิงสาวตบอย่างแรงที่บั้นท้ายกลมงอนของเขาจนชายหนุ่มสะดุ้งลุกพรวด
“มีอะไรครับพิตต้า”
“สายแล้วค่ะ...แต่งตัวเร็วๆ เดี๋ยวก็ไม่ทันพิธีหรอกค่ะ” ธัญญ์มองดูเวลาแล้วก็นิ่งเช่นเดียวกับหญิงสาว วันนี้เขาและเธอจะต้องเข้าพิธีวิวาห์ที่ถูกจัดขึ้นกระทันหันด้วยฝีมือของอาทั้งสองที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยในเรื่องนี้
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องดังพอให้รู้ว่าคนที่มาเยือนมือหนักพอสมควร พิยะตารวบผ้าขนหนูปกปิดร่างกายอย่างลวกๆ ก่อนจะไปเปิดประตู สายตาที่จ้องมองเข้ามาตกตะลึงที่เห็นทั้งคู่อยุ่ด้วยกันในห้องนอน
“ตายแล้ว พิตต้าทำไมถึงมานอนอยู่กับคุณธัญญ์แบบนี้”
“อะเอ่อ ไม่ใช่นะคะ นี่ห้องพิตต้าค่ะ”
“งั้นคุณธัญญ์ ทำไมคุณถึง”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” กว่าดนุพรจะถามจบชายหนุ่มที่ลนลานก็วิ่งออกกลับห้องของตนเอง หลังจากนั้นสายตาของอาคนสวยก็หันกลับมาเอาเรื่องหลานสาวตัวดี หล่อนยื่นมือออกบิดเนื้อเนียนอย่างคาดโทษ
“เสียฤกษ์ยามหมดเลยยายพิตต้า อาบอกแล้วใช่ไหมว่าก่อนเข้าพิธีแต่งงานทำไมไม่ฟังอาเลย”
“โธ่ อาโด่งค่ะ พิตต้าไม่ได้ตั้งใจ เมื่อคืนมันดึกมาก พิตต้ากลับมาก็เข้านอนเลยไม่รู้คุณธัญญ์เข้ามาตอนไหน” หญิงสาวปดคำโต คนฟังเบ้ปากส่ายหน้าไม่เชื่อในสิ่งที่เธอบอก
“ไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้ สายป่านนี้แล้วยังไม่อาบน้ำอาบท่าอีก”
“ค๊า ขอเวลาสิบนาทีเท่านั้น”
“ด่วนนะยะ ไม่สวยไม่ต้องลงไป” ดนุพรตะโกนไล่หลังเมื่อคนสาววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ
กว่าทุกอย่างจะพร้อมก็เกือบล่วงเลยเวลาที่กำหนดไว้ พิธีถูกจัดขึ้นแบบเรียบง่าย แขกในงานมีผู้ใหญ่ไม่กี่คนและเพื่อนคนสนิทของบ่าวสาว งานนี้ดนุพรรับเป็นแม่งานหล่อนคุมเข้มให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด เพราะเป็นงานของหลานสาวคนเดียว ช่วงเช้าพิธีหมั้นคนเตรียมสินสอดยิ้มแช่มชื่น ไม่มีใครรู้ว่าสินสอดที่เตรียมไว้เป็นจำนวนเท่าไหร่ สุดแล้วแต่ความยินยอมของฝ่ายเจ้าบ่าว ธีร์เปิดผ้าลูกไม้สีทองที่คลุมพานเล็กๆ ออกคนที่รอลุ้นจับจ้องอยู่ที่สิ่งของในพานสินสอด มีเพียงกระดาษสองแผ่นว่าซ้อนกันทำเอาแขกในงานแปลกใจไปตามๆ กันทุกคนมองหน้าธีร์รอคำตอบจากเขาว่าสิ่งที่อยู่ในพานขันหมากคืออะไร
“อย่างเพิ่งแปลกใจนะครับ สิ่งที่ทุกทันเห็นคือสินสอดที่ผมตั้งใจจะเอามาหมั้นหลานสะใภ้คนสวย” ธีร์ยื่นกระดาษแผ่นแรกให้ธัญญ์ ชายหนุ่มก้มลงมองกระดาษที่เขารับเอาไว้เปรยตาอ่านข้อความในนั้นแล้วก็ต้องเผยยิ้มขอบคุณคนมีพระคุณ
“แผ่นแรกเป็นสัญญายกบาร์กรีนเนอร์รี่ให้คู่บ่าวสาว...และเป็นสิทธิ์ขาดในการบริหารงานของทั้งคู่” เรียวปากสวยสีหวานยิ้มดีใจ พลางหันไปมองอดีตเจ้าของบาร์ที่นั่งอยู่ไม่ห่างเธอ
“ส่วนนี่ กิจการทั้งหมดของสินสาโรจน์ผมยกให้ทั้งสองคนเช่นกัน” ทุกคนในงานล้วนตกตะลึงและชื่นชมในความใจกว้างของธีร์ เขาส่งยิ้มให้ดนุพรราวกับขอคำชมจากหล่อน เจ้าบ่าวหยิบแหวนเพชรหมดงามที่เขาเป็นคนลงทุนซื้อมาด้วยตัวบรรจงสวมบนนิ้วเรียวก่อนจะจุมพิตมือนั้นอย่างนุ่มนวล หญิงสาวยกมือไหว้น้อมนอบให้เกียรติเขา
รอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมด้วยความสุขสันต์ภิรมณ์นั้นมีทั่วทั้งงานวิวาห์ โดยเฉพาะดวงหน้าสวยของพิยะตาเธอยิ้มไม่ได้หุบตั้งแต่เสร็จพิธีรดน้ำสังข์ เจ้าบ่าวคนหล่อโอบกอดเอวบางของเธอไม่ห่างกาย เขาดูแลทุกย่างก้าว
“พิตต้าเหนื่อยไหมครับ”
“นิดหน่อยค่ะ”
“มาเดี๋ยวผมจะซับเหงื่อให้” ชายหนุ่มค่อยๆ ซับใบหน้าสวยอย่างทะนุถนอม สายตาคู่หวานจับจ้องใบหน้าเขาด้วยความสุข เธอภูมิใจที่เขาอบอุ่นและอ่อนโยน
“ขอบคุณค่ะ” ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาชี้นิ้วยาวที่แก้มหยาบของตนเอง ร่างบางรีบเขย่งขึ้นหอมแก้มเขาฟอดใหญ่เป็นการขอบคุณ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม