บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /1
เผยคังบดกรามดังกรอด หันมาตวาดบุตรชายคนเล็กอย่างอย่างฉุนเฉียว
"หุบปาก! หากมิใช่เพราะเจ้าพ่ายแพ้คู่แข่งที่ตบะอ่อนด้อยกว่า จนทำให้ตระกูลเผยขายหน้า! มีหรือพี่ชายของเจ้าจะลงมือ! ต่อไปห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก ตั้งใจฝึกฝนให้มากกว่านี้ เข้าใจหรือไม่!" แม้ว่าความจริงตัวเขารู้สึกอับอาย และเจ็บแค้นไม่น้อยไปกว่าบุตรชาย ทว่าจำเป็นต้องอดกลั้น ฝืนกลืนโทสะทั้งหมดลงท้อง
ด้วยเพราะผู้ที่ทำร้ายเผยหลงจนบาดเจ็บสาหัส คือคนของไท่จื่อแห่งตำหนักเทพอนันต์ ที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องไว้หน้าอยู่หลายส่วน ตัวเขาเป็นเพียงเจ้าเมืองจึงมิอาจล่วงเกินอีกฝ่าย ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจจนแทบจะกระอักเลือด!
ผู้เป็นบิดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้าวมานั่งยังโต๊ะน้ำชากลางห้อง เอ่ยเรียกบุตรชายที่ยืนก้มหน้าเม้มปากแน่นอยู่ข้างมารดา ซึ่งเวลานี้กำลังได้รับการพัดวีจากสาวใช้หลังจากลมจับไปอีกรอบ
"หู่เอ๋อร์มานี่ นั่งลง ข้าอยากรู้ว่าเด็กผู้หญิงที่ประลองชนะเจ้าวันนี้ เป็นใครมาจากไหน ใช่ศิษย์ของสำนักกระบี่จันทราหรือเปล่า"
"นะ นาง นางเป็นผู้สมัครอิสระจากข้างนอกขอรับท่านพ่อ ส่วนเรื่องที่นางเป็นใครมาจากไหน ลูกเองก็ไม่ทราบ" เผยหู่เอ่ยตอบบิดาเสียงแผ่ว เรื่องที่เขาพ่ายแพ้ให้กับเด็กที่ไร้สำนัก
เผยคังเคาะนิ้วกับโต๊ะ จ้องหน้าบุตรชายด้วยสายตาตำหนิระคนเหยียดหยัน ก่อนเอ่ยสั่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องบุตรชายคนโต
"ไปสืบมา ข้าต้องการรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร"
“ขอรับ”
ตกกลางคืนรวี่เยว่เข้ามาในแดนปราณ เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับนางให้ท่านอาจารย์ทั้งสองฟังอย่างละเอียด มหาเทพทั้งสองมองหน้ากัน ทอดถอนใจให้กับโชคชะตาของเด็กหญิง ทั้งที่รู้เห็นอยู่ตลอด แต่มิอาจยื่นมือเข้าไปแทรกแซง
อันที่จริงพวกเขาแทบจะทอดเงาลงไปสังหารเผยหลงด้วยตนเอง ทว่ามิอาจกระทำได้เพราะผิดกฎสวรรค์! ช่างขัดใจพวกเขาทั้งสองยิ่งนัก
รวี่เยว่มองใบหน้าหล่อเหลาสง่างาม ซึ่งดูเหมือนราบเรียบไร้อารมณ์ ทว่าปีกจมูกของทั้งคู่ดูกระตุกอย่างไรชอบกล รวมถึงแรงกดดันที่เผลอปล่อยออกมา เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าอาจารย์ทั้งสองกำลังขุ่นเคือง นั่นยังไม่นับเสียงฟ้าคำรามในแดนปราณ ณ ตอนนี้
"ท่านอาจารย์อย่าโมโหไปเลยนะเจ้าคะ เดี๋ยวจะเสียสุขภาพเอาได้ รวี่เยว่ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย แค่ตกใจมากเท่านั้นเองเจ้าค่ะ" ร่างเล็กฉีกยิ้มน่ารักและลุกขึ้นยืน หมุนตัวไปมาแสดงให้อาจารย์ทั้งสองเห็น ว่านางไม่มีสิ่งใดบุบสลาย
วาจาไร้เดียงสาน่าเอ็นดูของลูกศิษย์ตัวน้อย ช่วยบรรเทาความขุ่นเคืองให้มหาเทพทั้งสองได้ในที่สุด
"รวี่เยว่น้อย อาจารย์มิอาจปรากฏตัวเพื่อปกป้องเจ้าด้วยตนเอง อาจารย์รู้สึกละอายใจยิ่งนัก…เช่นนั้น อาจารย์ขอมอบหุ่นภูตผู้พิทักษ์ ไว้ให้คอยปกป้องเจ้าแทนก็แล้วกัน" มหาเทพหวงหลงเรียกตุ๊กตาไม้แกะสลักเป็นรูปเด็กไม่มีเพศออกมา ก่อนหยดเลือดสีทองของตนลงไปหนึ่งหยด จากนั้นจึงยื่นให้รวี่เยว่พร้อมแหวนมิติเก็บของ
"หุ่นภูตตัวนี้แกะสลักจากกิ่งของต้นท้อสวรรค์แสนปี มีตบะระดับหยวนอิงขั้นกลาง หากจะใช้ก็เพียงเพ่งจิตเรียกมันออกมา เจ้าอยากได้ผู้พิทักษ์เป็นชายหรือหญิงให้อธิษฐานตามที่ต้องการ มันจะเปลี่ยนรูปไปตามสิ่งที่เจ้านึกคิด"
รวี่เยว่ซาบซึ้งใจในความเมตตาของอาจารย์ทั้งสอง นางระบายยิ้มกว้างทั้งน้ำตา โขกศีรษะให้พวกเขาอีกครั้ง
ส่วนเรื่องตัวเลือกระหว่างสำนักหงสาจันทรา และตำหนักเทวาอนธการ มหาเทพทั้งสองบอกนางว่าไม่ต้องรีบ ถึงเวลาโชคชะตาจะนำทางให้นางเอง ตอนนี้ให้ตั้งใจบำเพ็ญและฝึกฝนการหลอมยาไปก่อน รวี่เยว่พยักหน้ารับเป็นไก่จิกข้าวสาร
คืนวันประมูลโอสถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ปรากฏว่าโอสถของนางถูกประมูลไปสูงถึงเม็ดละหนึ่งล้านห้าแสน ผู้ที่ประมูลได้ไปคือขุนนางใหญ่จากราชสำนัก เพื่อนำไปมอบให้องค์ชายที่ประสูติจากกุ้ยเฟย
ส่วนโอสถทิพย์สำหร้บใช้เลื่อนระดับ จากตบะเจี๋ยตันขั้นสมบูรณ์เพื่อบรรลุสู่ขั้นหยวนอิง ถูกประมูลไปถึงยี่สิบล้าน ราคานับว่าสูงมากแต่ก็ถือว่าคุ้มค่า และผู้ที่ได้ไปคือบุตรสาวเจ้าสำนักเพลิงจักรพรรดิ หั่วหงเหยา
หลังจากหักส่วนแบ่งสามส่วนให้หอโอสถตามข้อตกลง รวี่เยว่ก็ตรงกลับบ้านทันที เรื่องที่นางแอบออกมายามค่ำคืนเช่นนี้ หากแม่นมชุนหรือชุนอิ่งจับได้ มีหวังถูกทั้งสองบ่นจนหูชาเป็นแน่ ถึงแม้จะสั่งให้หุ่นภูตแปลงกายเป็นนาง แสร้งนอนหลับอยู่ในห้องแล้วก็ตามที…แต่รวี่เยว่ก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี
หนึ่งเดือนต่อมา
รวี่เยว่ตัดสินใจชวนแม่นมและสาวใช้เข้าไปในเมือง เพื่อไปดูร้านที่ปล่อยให้เช่าหรือขายต่อบนถนนย่านการค้า นางบอกทั้งสองว่าต้องการดูที่ทางสำหรับเปิดร้านขายขนม เพราะรู้ว่านี่คือความฝันของชุนอิ่ง
"ตอนนี้พวกเรามีเงินมากพอที่เปิดร้านแล้วนะเจ้าคะ ข้าจะขยันหลอมยาออกมาขายเยอะๆ ต่อไปข้าจะดูแลแม่นมและพี่ชุนอิ่งเองเจ้าค่ะ"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทั่วทั้งใต้หล้าข้ายอมสยบเพียงนาง