บทที่ 14 คำยุยง /1
ในขณะที่รวี่เยว่กำลังเพลิดเพลิน กับการหารายได้เข้ากระเป๋าอยู่ที่ร้านเฟิ่งหนี่ว์ในเมืองเฉินเปี้ยน เฉียนเยียนหรานคู่แค้นของรวี่เยว่ ได้นำเรื่องที่นางลงจากตำหนักแล่นไปฟ้องท่านหญิงเมิ่ง เมิ่งเฟยหลิง หลานสาวขององค์ราชินี ซึ่งแอบมีใจให้อวี้เหวินเทียนหยามาหลายปีแล้ว
เมิ่งเฟยหลิงเป็นหญิงงาม กิริยามารยาทอ่อนหวานน่าทะนุถนอม หากแต่มิอาจมัดใจบุรุษเย็นชาอย่างอวี้เหวินเทียนหยาได้เสียที
“ท่านหญิงเจ้าคะ รวี่เยว่แอบลงไปจากภูผาอีกแล้วเจ้าค่ะ นางทำแบบนี้ทุกสามเดือน แต่ไม่เห็นว่าท่านอ๋องจะกล่าวตำหนิหรือลงโทษนางเลยสักครั้ง หากเป็นข้าหรือคนอื่นๆทำเช่นเดียวกัน คงโดนสั่งโบยหลังขาดไปแล้ว แบบนี้มันไม่ยุติธรรมนะเจ้าค่ะ ท่านหญิงเห็นด้วยกับข้าหรือไม่”
ในดวงตาของเฉียนเยียนหรานเต็มไปด้วยความเกลียดชิงอย่างไม่คิดจะปิดบัง ภาพความทรงจำในวันแรกที่ได้พบคู่แค้นหวนกลับมาอีกครา
…ห้าปีก่อน
รวี่เยว่ในวัยเก้าหนาวแย้มรอยยิ้มอย่างยินดี เมื่อมองเห็นตำหนักเทวาอนธการตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ร่างเล็กก้าวเท้ามุ่งไปยังจุดหมาย ทว่าเมื่อเดินขึ้นมาได้ครึ่งทางก่อนถึงประตูใหญ่ ชายหนุ่มชุดดำห้าคนซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นองครักษ์ ได้ปรากฏตัวขวางนางไวั
“เด็กน้อยหลงทางมาหรือ”
รวี่เยว่คิ้วกระตุก นางไม่ได้หลงทางเสียหน่อย กว่าจะหาทางขึ้นมาบนนี้ได้แทบรากเลือด! สัตว์อสูรในวงกตมายานั่น มีแต่ตัวระดับสี่ขึ้นไปทั้งนั้น! ดีที่มีหยกของชินอ๋องช่วยชี้ทาง มิเช่นนั้นนางคงหลงอยู่ในเขาวงกตนั่นจนแก่ตายแน่!
“ข้าไม่ได้หลงมาเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมาที่นี่ ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาเป็นคนชวนข้ามาเอง”
ชายหนุ่มทั้งห้ามองหน้ากันไปมา ชินอ๋องเป็นผู้เอ่ยชวนเด็กคนนี้มาอย่างนั้นรึ เป็นไปได้อย่างไร
“เจ้ามีหลักฐานมายืนยันหรือไม่”
“นี่เจ้าค่ะ” รวี่เยว่แสดงหยกสีดำที่ชินอ๋องมอบให้นางเป็นหลักฐาน ชายหนุ่มคนหนึ่งรับไปตรวจดู เมื่อเห็นว่าเป็นหยกของชินอ๋องจริงจึงเตรียมนำทาง
ทว่าอุปสรรคของรวี่เยว่ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เมื่อถึงประตูทางเข้าป้อมปราการ นางกลับถูกเด็กสาวอีกคน ที่เพิ่งกลับมาจากการล่าสัตว์ขี่กระบี่มาขวางทาง
“หยุดก่อน! เด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหน ไยพวกเจ้าถึงกล้าพานางขึ้นมาถึงบนนี้ ไม่กลัวถูกลงโทษหรืออย่างไร!” เด็กสาวกระแทกเสียงใส่องครักษ์ด้วยท่าทางอวดดี
ชายหนุ่มทั้งห้าลอบถอนหายใจ เอ่ยทำความเคารพเด็กสาวตรงหน้าอย่างฝืนๆ
“คุณหนูเฉียน เด็กคนนี้ชินอ๋องเป็นผู้เชิญมาขอรับ”
เฉียนเยียนหรานคล้ายถูกยั่วยุ นางเป็นถึงบุตรสาวแม่ทัพราชองครักษ์ มีแต่คนคอยพะเน้าพะนอ ไม่เคยมีใครกล้าขัดใจ หรือกล่าววาจายอกย้อนนางมาก่อน ความรู้สึกไม่ยินยอมผุดขึ้นในใจทันที เด็กสาวชักกระบี่ออกมาชี้หน้าร่างเล็กบนพื้นอย่างเอาเรื่อง
“กำแหงนักนะ! ข้าจะลากลิ้นของเจ้าออกมาตัดทิ้งเสีย!” เฉียนเยียนหรานปลดปล่อยตบะระดับจู้จีขั้นสมบูรณ์เพื่อข่มขวัญอีกฝ่าย
รวี่เยว่ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ปล่อยแรงกดดันระดับที่สูงกว่าใส่เฉียนเยียนหราน อีกฝ่ายถึงกับร่วงลงพื้น
ตุ๊บ! “เจ้า เจ้ากล้าทำร้ายข้า!!” เฉียนเยียนหรานลุแก่โทสะ กำลังจะซัดพลังใส่ร่างเล็ก แต่ถูกสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายหยุดยั้งความคิดไว้เสียก่อน
เวลานี้รอบกายของรวี่เยว่เต็มไปด้วยจิตสังหารหนาวยะเยือก ร่างเล็กก้าวไปข้างหน้า พร้อมปล่อยไฟธาตุสีดำบนฝ่ามือซ้าย ให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้ประจักษ์
“อัคคีนิลกาฬ!!!!”
เฉียนเยียนหรานหน้าเปลี่ยนสี เลือดในกายเย็นเยียบ คาดไม่ถึงว่าเด็กหญิงมนุษย์เบื้องหน้าจะมีธาตุมืด! ถึงแม้ตัวนางจะเป็นเผ่ามนุษย์สายเลือดมารสวรรค์ ทว่ากลับมีเพียงธาตุไฟหาใช่ธาตุมืด ซึ่งมีเพียงสายเลือดมารสวรรค์ชั้นสูงอย่างคนในราชวงศ์อวี้เหวินเท่านั้นที่เกิดมาพร้อมธาตุนี้
“ที่นี้จะให้ข้าเข้าไปพบชินอ๋องได้รึยังคุณหนูเฉียน” สีหน้าของรวี่เยว่เรียบเฉย ทว่าสุ้มเสียงกลับกดดันจนคนฟังขนอ่อนลุกไปทั้งตัว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทั่วทั้งใต้หล้าข้ายอมสยบเพียงนาง