ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน นิยาย บท 1749

“ฉัน จะไม่มีวันไปจากเกาะซื่อหลีเด็ดขาด!” ผู้เฒ่าได้พูดออกไปอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อะลี่คอยคล้อยตามอยู่ข้าง ๆ ผู้สูงอายุพวกนั้นมีคนลังเลกันขึ้นมา แต่ก็ยังมีคนแสดงตัวยืนกรานว่าจะอยู่ต่อให้ได้

อะหลิงมองพวกเขา เยาะหยันออกมาเล็กน้อย “ไม่ต้องสนใจพวกเขา พวกเราไปกันเลยก็พอ ถึงยังไง คนบนเกาะก็ไปกันประมาณนึงแล้วด้วย มันก็เป็นเกาะเปล่า ๆ เท่านั้น”

“อืม” หลินฉือพูดมาอย่างเห็นด้วย “ก็เหมือนกับลูกปัดบนมือเส้นนี้ เมื่อก่อนอยู่บนเกาะแห่งนี้ ไม่นาน ก็จะถูกฉันพาออกไปจากที่นี่แล้ว” หลินฉือแกว่งข้อมือไปเล็กน้อย ลูกปัดสีแดงที่ได้สวมอยู่บนข้อมือของหลินฉือไปอย่างสงบนิ่ง เหมือนกับเครื่องประดับอันนึง มองไม่ออกถึงแสงสีแดงที่สวยสดที่มันได้ส่องออกมาเมื่อก่อนหน้านี้ออกมาเลย

หรือว่าจะมีจิตวิญญาณอยู่จริง ๆ งั้นเหรอ? ถังจื่อโม่นับว่าคุ้นเคยกับลูกปัดเส้นนี้เลยทีเดียว มองสภาพที่ดูสงบในตอนนี้ รู้สึกไม่คุ้นเคยกันมากเลย ตอนนี้ลูกปัดเส้นนี้ ก็เหมือนกับได้เจอเจ้าของที่แท้จริงแล้ว มาอยู่ที่บนข้อมือของเธอก็ไม่ขยับเลยสักนิดเดียว

สิ่งที่เรียกกันว่าความเชื่อ ก็คือสิ่งที่ภายในก้นบึ้งภายในใจคนมันปักใจเชื่อมาโดยตลอด คนที่เกาะซื่อหลี นับถือเทพซื่อหลี ลูกแก้วซื่อหลีที่อยู่ในตำนานที่เล่าขานกันมานี้ก็เหมือนกับเป็นเจตจํานงของเทพ ตอนนี้มันอยู่ในมือของหลินฉือ จึงมีคนเชื่อหลินฉือกันขึ้นมา

“ลูกแก้วซื่อหลีอยู่ที่ไหน ฉันก็อยู่ที่นั่น” มีคนนำพูดออกมาก่อน

“เมื่อเทียบกับเทพซื่อหลีแล้ว ลูกแก้วซื่อหลีสิถึงจะเป็นของจริง ลูกแก้วซื่อหลีที่ได้สูญหายไปนานได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อให้พวกเราได้ทำการตัดสินใจกันใหม่”

มีคนเอ่ยปากพูดก็ดี ปลุกกระตุ้นกันจึงได้เป็นอย่างนี้

ถึงแม้ว่าหลินฉือไม่ได้ชอบใจนัก แต่ก็ยังสามารถยอมรับได้อยู่ ยังไงมันก็ดีกว่าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันอยู่แล้ว

“คนที่อยากจะออกไปให้มาอยู่ข้าง ๆ ฉัน คนที่ไม่ยอมไป ก็...ยืนอยู่ที่เดิมไม่ต้องขยับแล้วกัน” หลินฉือพูด อันที่จริง สิ่งที่เธออยากจะพูดออกไปจริง ๆ ก็คือคนที่ไม่ยอมไปนั้น ก็เอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่ตรงนี้แล้วกัน แต่ว่า อย่าใจร้ายเกินไปก็ดีเหมือนกัน ออกไป มันก็ต้องยินยอมสมัครใจ ไม่ได้อยากจะพาศัตรูพวกนี้กลับไปตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

“คนของตระกูลโม่มาถึงแล้ว!” หลินฉือได้ยินเสียงเครื่องบินมาจากจุดที่ไกลออกไป แล้วก็ยังมีเสียงสัญญาณดังเข้ามาอีกด้วย ในที่สุดก็ได้ผ่อนคลายลงไปโดยสมบูรณ์เสียที

“คนขององค์กรโกสต์ซิตี้เองก็มาถึงแล้วเหมือนกัน” มู่เฉิงมองสัญญาณที่อยู่ไกลออกไป ดูเหมือนว่าเรื่องมันจะสามารถเดินมาถึงจุดจบได้เสียที

“เวลาของพวกนายเหลือไม่เยอะแล้ว” มู่เฉิงพูดออกมาแบบเนือย ๆ เดิมทีเพียงแค่ตั้งใจจะมาเดินเล่นที่บนเกาะไปตามอารมณ์สักหน่อยเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะมาเจอกับเรื่องอย่างนี้เข้า ตอนนี้รู้สึกว่ามันจะดึกดื่นเข้าไปแล้วล่ะมั้ง รีบแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด แล้วกลับไปนอนหลับให้ดี ๆ

อะลี่ยิ้มเย็นออกมา หนอนแมลงพวกนี้ได้เข้าล้อมกันอยู่ตรงกลางไปด้วยความรวดเร็ว มู่เฉิงยิงไปนัดแล้วนัดเล่า ไม่ได้มีส่วนช่วยอะไรเลย หลินฉือขมวดคิ้ว น่าหงุดหงิดมากเลย ของพวกนี้แค่มีช่องว่างก็มุดเข้าไปแล้ว ยังไม่เตรียมรับมือป้องกันให้ดีล่ะก็ จะมีพิษหรือเปล่าก็ไม่รู้เลย มันช่าง...น่ารำคาญจริง ๆ เลย

ผู้เฒ่าไม่รู้ว่าหยิบขลุ่ยออกมาจากที่ตรงไหน และได้เป่าออกมาอย่างไม่ใส่ใจ

อะหลิงตกใจกลัวจนใบหน้าถอดสี “รีบอุดหูกันเร็ว”

ถังจื่อโม่มีการตอบสนองออกมาด้วยความรวดเร็ว ตอนที่อะหลิงปรากฏตัวก่อนหน้านี้ เหมือนกับว่าก็เป็นเสียงนี้...มู่เฉิงกับฉิงถิงได้เลียนแบบตาม แต่หลินฉือกลับเหมือนกับว่าไม่ได้ยินอะไรเลยไม่มีผิด มองหนอนแมลงพวกนั้นไปด้วยความหงุดหงิด

มู่เฉิงเห็นหลินฉือที่ผิดปกติไปอยู่บ้าง ภายในใจมันรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา เดินเข้าไปก้าวนึง ยื่นมือไปอุดหูเธอเอาไว้ เสียงพวกนั้นพุ่งเข้าหู เหมือนกับว่าจะทะลุแก้วหูไปเลยก็ไม่ปาน ทำให้มู่เฉิงอยากจะหลบไปตามจิตใต้สำนึก

“คุณทำอะไร?” หลินฉือมองการกระทำของมู่เฉิง ถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรเลย แต่เห็นการกระทำของคนอื่น แล้วก็ท่าทางเจ็บปวดของมู่เฉิงแล้ว ก็เข้าใจขึ้นมาได้ในทันที เธอยื่นมือไปอุดหูของมู่เฉิงเอาไว้

ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ตอนนี้เหมือนกับว่าจะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยจริง ๆ มู่เฉิงไม่ได้คิดอะไรมากมาย ได้หยิบปืนเล็งไปที่ผู้เฒ่าเลยทันที ยิงไปที่บนข้อมือนัดนึง ขลุ่ยได้ตกลงไปบนพื้น ตกแตกเป็นสองส่วน

ความรู้สึกไม่สบายตัวพวกนั้นมันได้หายไปทันที ผู้เฒ่ามองขลุ่ยที่บนพื้น ผ่านไปได้สักพักใหญ่ ๆ ก็ยังไม่ได้สติกลับมา ทำไมถึงได้หักออกจากกันได้? เป็นไปได้ยังกัน?

เสียงเฮลิคอปเตอร์ได้ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ มู่เฉิงได้ทำสัญญาณมือ จึงได้ใกล้เข้ามาแล้ว แมลงทั้งหมดที่อยู่บนพื้นได้เข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ตอนนี้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่จะไต่ขึ้นมาบนร่างของคนกันทั้งนั้น

หลินฉือโกรธขึ้นมาเป็นอย่างมาก ของเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ จัดการยากที่สุด อะหลิงกับถังจื่อโม่กำลังเหยียบกันอยู่ เกลียดจริง ๆ เลย “แมลงพวกนี้กลัวไฟ”

ถังจื่อโม่เอ่ยเตือนออกมา แต่กลับรู้สึกว่าตรงหน้ามันมีแสงสีแดงสว่างขึ้นมาทันที ถังจื่อโม่ได้หันหน้าไปทันที อย่างที่คิด มันเป็นลูกปัดเส้นนั้นอีกแล้ว แต่ทว่า สัตว์พวกนั้นก็ได้ถอยออกไปทันที ไม่กล้าเข้ามาอีก

“คนที่จะไป ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ออกจากที่นี่ไปได้เลย” มู่เฉิงไม่อยากจะอยู่ที่นี่นาน ๆ เลยสักนิดเดียว อีกอย่างหลินฉือ แล้วก็ความผิดปกติไปที่เกิดขึ้นมาบนร่างของหลินฉือนั้น ก็ได้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจทั้งนั้นเลย

ผู้อาวุโสที่อยากจะไปเหล่านั้น ไม่มีชักช้ากันอยู่เลยสักนิด ความผิดปกติที่ลูกปัดเส้นนั้นเมื่อกี้ พวกเข่างก็เห็นกันทั้งนั้น เหมือนกับว่ากำลังปกป้องหลินฉืออยู่เลยไม่มีผิด ดูเหมือนว่ามันจะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ของเกาะซื่อหลีจริง ๆ

ช่างเถอะ ๆ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา เกาะแห่งนี้มันไม่ใช่ของพวกเขาเสียหน่อย ตอนที่เขามาได้ตั้งใจตรวจสอบดูบ้างแล้ว บนแผนที่มันไม่มีเกาะแห่งนี้อยู่เลย ดังนั้นแล้ว มันจึงไม่ได้อยู่ในข้อพิพาทอะไร พวกเขาระเบิดก็ระเบิดไปเสียเถอะ เพราะถึงยังไงบนเกาะมันก็ไม่มีใครอยู่แล้วเหมือนกัน ก็แค่เกาะเปล่าเท่านั้นเอง

เวลาสิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชายฝั่งทะเลมีสัญญาณขึ้นมา เป็นสัญญาณว่าได้จัดเตรียมคน อพยพออกไปจากเกาะเรียบร้อยแล้ว ฉิงถิงพูดออกไปทันทีเลยว่าเรียบร้อยแล้ว มู่เฉิงกับโม่จื่อก็แทบจะออกคำสั่งออกมาพร้อมกันเลย ระเบิดก็ได้โยนลงไปอย่างต่อเนื่อง ด้านล่างจึงมีฝุ่นควันฟุ้งขึ้นมาจากทั่วทุกทิศทาง มองไม่เห็นอะไรเลย

“ยุ่งมาทั้งคืนแล้ว พวกนายไปพักกันก่อนสักหน่อย ตื่นขึ้นมาก็กลับบ้านแล้ว” โม่จื่อพูด เกาะซื่อหลี เขาไม่มีความสนใจเลยสักนิดเดียว ถ้าไม่เพราะหลินฉืออยู่ด้วย เขาจะไม่มีวันมาด้วยตัวเองเป็นอันขาด

แต่ว่า เด็กคนนั้นที่หลินฉืออุ้มอยู่นั้น ทำไมถึงได้คุ้นตาอยู่บ้างกันนะ? โม่จื่อรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย แต่ตอนที่ออกไปนั้น ก็ได้นอนหลับกันไปหมดแล้ว

“ทำไมนายถึงไม่พัก?” โม่จื่อมองมู่เฉิงที่กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ พลางเอ่ยถามออกไป

“เพราะว่าฉันมีธุระอยากจะปรึกษากับนายสักหน่อยน่ะ” มู่เฉิงพูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม สายตาจริงจังเป็นพิเศษ

“ถ้าเป็นเรื่องของอะฉืออย่าพูดเลยจะดีกว่า” โม่จื่อมองไปตรงหน้า อยากจะตั้งใจขับเฮลิคอปเตอร์ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหูผึ่งขึ้นมาอีกที รอฟังคำพูดตอนหลังของมู่เฉิง

“ฉันอยากจะแต่งงานกับเธอ ดังนั้น ก็เลยอยากจะได้รับความเห็นชอบจากคนในครอบครัวของเธอ” มู่เฉิงไม่ได้สนใจโม่ฉือ เขาแคร์หลินฉือมาก มู่เฉิงมองออก ดังนั้นแล้วจึงยิ่งไม่อยากจะทำแบบขอไปทีมากขึ้นไปอีก

จึก!โม่ฉือได้ตกใจจนพูดไม่ออก นี่มันจะตรงเกินไปแล้วใช่มั้ย? ไม่ได้ให้โอกาสให้เขาได้ปฏิเสธเลย คนคนนี้ แสดงความคิดเห็นไปอย่างสงบเยือกเย็น ยอดเยี่ยมมากเลย เพียงอย่างเดียวที่ทำให้คนถือสากันขึ้นมานั้น คือเป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้

“ถ้าพวกคุณไม่อาจยอมรับสถานะองค์กรโกสต์ซิตี้ของผมได้ เรื่องนี้พวกคุณไม่ต้องกังวลไป ผมได้ปรึกษากับพ่อเลี้ยงเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ไปจะไม่รับช่วงต่อองค์กรโกสต์ซิตี้” มู่เฉิงพูดออกไปอย่างเต็มไปด้วยความจริงใจ ถึงแม้ว่าจะไม่มีหลินฉือ เขาเองก็จะทิ้งตำแหน่งหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ไปเหมือนกัน แต่เพราะว่าหลินฉือ เขายิ่งละทิ้งมันไปได้เร็วยิ่งขึ้น ยิ่งยินยอมสมัครใจมากขึ้น

โม่จื่อมองมู่เฉิง คนนี้กำลังพูดตลกอยู่เหรอ? หัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ เขาบอกว่าจะทิ้งไปก็สามารถทิ้งไปได้เลยเหรอ?

“พ่อเลี้ยงของผมหาลูกสาวของเขาเจอแล้ว ดังนั้นแล้ว องค์กรโกสต์ซิตี้จึงมีทายาทที่ไว้วางใจได้แล้ว คุณไม่ต้องกังวลเรื่องของทางองค์กรโกสต์ซิตี้” มู่เฉิงพูดออกมาแบบกำปั้นทุบดิน เรื่องนี้ เพียงไม่นาน ทุกคนก็จะรู้กันหมด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน