[ฉันมีคำถามมากมาย แต่ฉันจะปล่อยมันไปก่อน]
ข้อความมาจาก เรเชล ผมเดาว่าเธอต้องจะสื่อสารผ่านช่องข้อความในกรณีที่เธอทำร้ายความรู้สึกของ อีเวนเดล โดยไม่ตั้งใจ
[จริงหรือเปล่าที่ฯายพาเธอมาที่นี่เพราะเธออยากเจอฉัน?]
ผมตอบอย่างใจเย็น
[ใช่ แต่นั่นไม่ใช่ทุกอย่าง อีเวนเดล เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ ไม่เพียง แต่จะช่วยอังกฤษเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทวีปยุโรปในอนาคตอีกด้วย]
คิ้วของเรเชลสั่นเล็กน้อย
[ลูกของฉัน เนี้ยนะ?]
[ลูกของเธอ?]
[ขอโทษที อีเวนเดล จะไปทำอะไรได้?]
“ฮาจิน คุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอ”
“อ้อ โทษทีๆ มีบางอย่างเกิดขึ้นน่ะ”
ผมลูบหัว อีเวนเดล แล้วพิมพ์คำตอบ
[ใช่ แม้แต่ผู้วิเศษ อาแฮอิน ก็ยอมรับว่า อีเวนเดล จะแซงเธอได้ภายใน 2 หรือ 3 ปี เธอเป็นนางฟ้าแห่งการอัญเชิญที่มีพรสวรรค์แบบไม่เคยปรากฏมาก่อน]
แม้ อีเวนเดล จะเล่นเป็นส่วนใหญ่แต่อีกไม่นานเนื้อเรื่องจะเข้าสู่เฟตที่ 3 เธอจะช่วยชีวิตหลายร้อยหลายพันหลายหมื่นหรือแม้กระทั่งหลายแสนชีวิต
“ฮาจิน…?”
“อ้อ ตอนนี้กิลด์ของเธอไปได้ด้วยดีใช่มั้ย”
ผมเริ่มการสนทนาเพื่อที่ อีเวนเดล จะได้ไม่สงสัย
“ใช่ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี”
สมาคมราชสำนักของอังกฤษแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอนในทุกวันนี้
ต้องขอบคุณหอคอยแห่งความปรารถนา กิลด์ราชสำนักขาย ‘TP’ ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ใช้ในหอคอยเหมือน ‘วอน’ ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้กันบนโลก
แน่นอนว่าครึ่งหนึ่งของผลกำไรจากกิลด์นั้นตรงไปที่เงินกองทุนของประเทศอังกฤษซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ แต่อีกครึ่งหนึ่งเธอกลับลงทุนใน Tower of Wish เธอซื้อบัตรผ่านประตูและเพิ่มจำนวนสมาชิกกิลด์
“พวกเราขาดรางวัลและเป็นหนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้สิ่งต่างๆได้
ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง”
“…อืมมม.”
ฉันรู้สึกแปลกๆเนื้อเรื่องเงินดอลลาร์ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดปัญหาขึ้นได้
“อ้อ ใช่.”
ดูเหมือนว่ามีบางอย่างเข้ามาในจิตใจของเรเชลและเธอก็ส่งข้อความให้ผมอีกครั้ง
[การสังหารหมู่ปีศาจเมื่อคืนที่ผ่านมา นั่นคือฝีมือนายหรือเปล่า]
ผมพยักหน้าและส่งข้อความกลับไป
[ใช่ จากนี้ไปฉันวางแผนที่จะกวาดล้าง ปีศาจ]
[แต่นั่นมันไม่อันตรายเกินไปเหรอ โดยเฉพาะการทำลายล้างปีศาจโดยพื้นฐานแล้วมันเหมือนรังผึ้งและนั่นเป็นสาเหตุที่เราไม่ทำอะไร….]
“ฉันสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ฉันไม่กังวลอะไร…ยกเว้นเด็กคนนี้”
ผมพูดอย่างนั้นและผมวางมือลงบนหัวของ อีเวนเดล เรเชล มองดู
อีเวนเดล เธอก็มองเรเชลเช่นกัน เมื่อมองไปมาๆพวกเธอทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน
“ฉันอยากถามว่าเธอจะให้อีเวนเดลอยู่ด้วยสัก 2-3 เดือนได้ไหม”
ผมถามเมื่อผมตบหัวของ อีเวนเดล ดังที่ผมได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระราชวังเป็นป้อมปราการที่ไม่อาจเข้าถึงได้ของปีศาจ ไม่เพียงแต่ที่นี่เต็มไปด้วยเวทมนต์มากมายแต่ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘อำนาจ’ อีกด้วย
“ไม่เป็นไรแต่ฉันไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้ อีเวนเดล จะรู้สึกยังไง…”
“หนูยินดี!”
อีเวนเดลตอบอย่างกระฉับกระเฉงแต่เมื่อตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างใบหน้าของเธอก็ขมวดคิ้วเหมือนเจอปัญหา
“อาาา….แต่แบบนี้หนูก็จะไม่ได้เจอ แฮยอน ….”
“หนูบอกว่าแฮยอนเป็นเพื่อนของหนูเหรอ?”
เรเชลถาม อีเวนเดล เธอพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น
“ใช่… แต่…แต่….หนูไม่ต้องเจอเธอก็ได้!”
เธอเลือกที่จะอย่างกับเรเชลมากกว่าเพื่อนของเธอ
“ไม่ต้องกังวล พวกเราเชิญเพื่อนของหนูมาที่นี่ได้นะ”
“อ่า จริงเหรอ?”
“แน่นอน….”
ผมมองดูแม่และลูกสาว (?) คุยกันอย่างมีความสุขและเปิด
Smart Watch ของผม ผมอ่านบทความเกี่ยวกับ เฟนรีล ได้ไม่กี่ครั้งและเมื่อเข้า [ห้องจัดเลี้ยงสีม่วง] เรเชล และ อีเวนเดล ก็ได้ออกจากห้องรับรองไปแล้ว
“พวกเขาออกไปเดินเล่นหรือเปล่า…”
ผมนั่งคนเดียวบนเก้าอี้ในห้องรับรองและมองไปที่ [หน่วยงานแห่งความจริง] จากคำขอจำนวนมากที่โดดเด่นที่สุดก็คือ ‘แชจูชึล’
[●แจ้งเตือน● แดฮยองของแชจูชึล กำลังรอการตอบกลับของคุณ]
แชจูชึล ทิ้งภารกิจไว้ให้ผม : ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการดำรงอยู่และที่ตั้งของ ‘มอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์’ ให้กับเขา แผนการของเขาคือการจับ
สัตว์ประหลาดผ่าตัดและใช้มันเพื่อการวิจัยของเขา
“…มาดูกัน.”
แต่ตอนนี้ความตั้งใจของผมคือการให้ข้อมูลที่แตกต่างกับเขาไปเป็น พิกัดสำหรับปีศาจที่เรียกว่า ‘มาร’ ที่ คิมฮัคพโย พูดถึงเป็นครั้งสุดท้าย
[●ตอบจากหน่วยงานแห่งความจริง●]
[มีข้อมูลเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามจากการสนทนาระหว่าง 2 ปีศาจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The Novel’s Extra