ผมออกจากเกาหลีและมาถึงอังกฤษ แน่นอนว่าผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อ
พักผ่อน แต่มาเพื่อพบกับ อีเวนเดล
“…คำเชิญ?”
“ใช่. ทุกคนที่ไม่ใช่กษัตริย์ต้องมีคำเชิญเพื่อเข้าร่วม”
แต่เมื่อผมพยายามเข้าสู่พระราชวังบักกิ้งแฮม ‘อัศวิน’ ก็หยุดผมเอาไว้
อังกฤษเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ยอมรับอาชีพที่เรียกว่า ‘อัศวิน’
อัศวินมีความคล้ายคลึงกับฮีโร่ แต่ต่างกันตรงที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ดาบและปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อ ‘ราชวงศ์’ แทนที่จะเป็นสมาคมหรือกิลด์
“ฉันไม่มีอะไรแบบนั้น ขอโทษที ขอเวลาหน่อยนะ”
ผมจำได้ว่าผมสามารถเข้าไปในวังได้โดยไม่จำกัดในอดีตตอนที่ผมทำงานเป็น เฟนรีล เมื่อไม่นานมานี้ผมไม่ได้มาที่นี่เพราะผมยุ่งอยู่กับการปีนหอคอย ไม่แปลกใจที่พวกเขาลืมผม
ผมหยิบบัตรประจำตัว 2 ใบออกมาจากกระเป๋าของผม หนึ่งยืนยันถึงตัวตนของผมในฐานะ เฟนรีล ของ Jeronimo Mercenary และอีก 1 เป็น ‘ที่ปรึกษาทางเทคนิคของ Essential Dynamics’
“ได้ไหม”
“…”
อัศวิน มองบัตรของผมอย่างเคร่งขรึม
[ที่ปรึกษาทางเทคนิคของ Essential Dynamics – คิมฮาจิน]
แต่ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
“อ๊ะ ฉันติดต่อเรเชลเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว คุณสามารถถามเธอได้”
ผมได้ส่งข้อความถึง อีเวนเดล ซึ่งน่าจะบอกเรเชลแล้ว
อึก
อัศวินกลืนน้ำลายของเขาและถามผมอย่างระมัดระวัง
“ เรเชล คุณหมายถึง…?”
“คุณรู้จักใช่ไหมก็เจ้าหญิงไง”
อัศวิน โทรออกทันที
หลังจากการโทรซึ่งกินเวลานานที่สุดประมาณ 3 วินาทีอัศวินผู้นั้นก็ก้าวออกมา
“ขออภัยครับท่าน ข้าขอโทษจริงที่ไม่รู้จักท่าน!”
“ไม่เป็นไร การออกเสียงภาษาเกาหลีของคุณยอดเยี่ยมมาก คุณพูดภาษาเกาหลีมานานเท่าไหร่แล้ว”
“ผมเรียนภาษาเกาหลีที่โรงเรียนเกาหลีมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ”
“อ่า…มีอะไรแบบนั้นด้วยสินะ”
‘เกาหลีก็มีโรงเรียนภาษาอังกฤษด้วยนี้น่า’
ผมตบไหล่ของเขา 2-3 ครั้งแล้วเข้าพระราชวังบักกิ้งแฮม ผมสันนิษฐานว่าพระราชวังจะเต็มไปด้วยคนรับใช้และแม่บ้าน แต่ส่วนใหญ่มันว่างเปล่าทำให้ผมประหลาดใจ
แท่น แทนนดาดาด้า
ผมได้ยินเสียงของใครบางคนวิ่งเข้ามาหาผม พร้อมยิ้มกว้างผมหันไปทางด้านข้าง แน่นอนว่าเสียงจาก อีเวนเดล
“ฮาจินนนนนน~”
ผมอุ้ม อีเวนเดล ขึ้นมาจากพื้นดิน ด้วยความที่เป็นเด็กตัวเธอเบาราวกับขนนกในอ้อมแขนของผม ผมก็ถูแก้มของเธอกับผม
“หนูคิดถึงคุณ ~”
“ขอโทษนะ ฉันมาช้าไปหน่อย”
ผมเดินไปที่ห้องรับรองพร้อม อีเวนเดล ในอ้อมแขนของผม น่าแปลกที่ห้องรับรองแขกแน่นไปด้วยแขก ไม่เพียงแต่ อาแฮอิน และ ฮายัง เท่านั้น แต่ แฮยอน และ ยุนซึงอา ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ผมเข้ามาพวกเธอก็สับสนเล็กน้อย
“โอ้ ฮาจิน สวัสดี ~”
“สวัสดี.”
ยุนซึงอา และ อาแฮอิน ทักทายผมตามลำดับ ผมพยักหน้าและนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างเปล่า
“อืม ฉันเข้าใจว่าทำไมอาจารย์อาแฮอินถึงมาที่นี่ แต่ทำไมเธอถึงมาที่นี่ละ ยุนซึงอา…?”
ผมเอียงศีรษะของผมอย่างสงสัยและถาม ยุนซึงอาเกาหลังคอของเธอด้วยความเขินอาย
“อ้อ เพราะฉันนอนไม่หลับ ซูโฮกำลังต่อสู้กับราชาปีศาจบนชั้น 30”
“อ้อ จริงสิ”
ทุกวันนี้ข่าวที่ว่า คิมซูโฮ กำลังพิชิต Tower of Wish โด่งดังไปทั่ว
การเดินทางของเขาใช้เวลาประมาณ 3 ปีหรือพูดเป๊ะๆคือ 2 ปีครึ่ง
สื่อต่างๆก็กำลังพูดถึง คิมซูโฮ และตอนนี้มีการวางเดิมพันว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการเอาชนะราชาปีศาจหรือไม่
ความตื่นเต้นในปัจจุบันของคิมซูโฮนั้นคล้ายคลึงกับฟุตบอลโลกจากโลกที่ผมจากมา กล่าวอีกนัยหนึ่ง คิมซูโฮเป็นศูนย์กลางของความสนใจทั่วโลกไปแล้วในขณะนี้
“ราคาหุ้นของเราพุ่งสูงขึ้นและการลงทุนก็ได้กลับมาอีกครั้ง ต้องขอบคุณเขา แต่สิ่งที่ฉันทำให้เขาได้ก็แค่การอธิษฐาน”
หยุนซึงอากล่าวพร้อมรอยยิ้มอันขมขื่น
“ฮาจิน ~ ฮาจิน ~ คุณกลิ่นหอมจัง~”
อีเวนเดล เริ่มดมกลิ่นผม ในขณะนั้นเองประตูเลื่อนก็เปิดออกมีผู้หญิงที่ผมไม่เคยเจอมานานปรากฏตัวขึ้น เรเชลเดินเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับยิ้มบนใบหน้าของเธอ
“นายมาแล้วเหรอ?”
“ฉันมาได้สักพักหนึ่งแล้วละ.”
ผมยืนขึ้นและต้อนรับเรเชล เธอยิ้มอย่างมีความสุขและทักทายผมเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้อยู่ด้วยกัน พวกเรามีความสุขกับน้ำชาในห้องรับรอง หัวข้อหลักของการสนทนาของพวกเราคือ อีเวนเดล อาแฮอิน พูดถึงความสำเร็จของ อีเวนเดล ในแง่ของปริมาณ อีเวนเดล นั้นเท่ากับ อาแฮอิน แล้วและในแง่ของคุณภาพ อีเวนเดล นั้นอยู่ใกล้กับระดับ 7 ดาวมากขึ้นเรื่อยๆ
น่าแปลกใจที่พวกเราต่างก็เอาแต่ชม อีเวนเดล กันอย่างเดียว
“ใช่แล้ว ฮาจิน นายรู้จัก จินซาฮยอค ไหม?
เรเชลถามราวกับว่าคำถามนั้นจู่ๆก็ปรากฏขึ้นในใจของเธอ
“ จินซาฮยอค? ฉันรู้จักเธอ ทำไมเหรอ?”
“เอ่อ ไม่มีอะไรเลย เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนคลับของนาย”
“ …แฟนคลับของฉัน”
นั่นเป็นสิ่งที่ไร้สาระที่สุดที่ผมเคยได้ยิน ในขณะที่ผมพูดไม่ออกเรเชลก็พูดต่อ
“มีบางสิ่งที่เธออยากให้ฉันถามนาย”
“เรื่องอะไร?”
“เธอถามว่านายรู้จัก ‘พูฮาเรน’ ไหม?”
แต่ทุกอย่างเริ่มทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีที่ผมได้ยินคำถามนั้นผมพยักหน้าและพยายามที่จะระงับเสียงหัวเราะของผม จินซาฮยอค คิดอะไรมาใช้เรเชลถามผม
“แล้วนายรู้หรือไม่ว่าใครคือพูฮาเรน”
“ฮะ? อืม.”
ผมเริ่มคิด นี่คงเป็นการทดสอบอะไรสักอย่าง….
“ฉันไม่รู้ ฉันคิดว่าฉันเคยได้ยินชื่อนั้นในภาพยนตร์ เขาเป็นราชาที่ถูกจองจำถ้าฉันจำไม่ผิด”
ในฐานะนักเขียนผมรู้อย่างถ่องแท้เกี่ยวกับ เบื้องหลัง ของ จินซาฮยอค เธอเป็นเจ้าชายแบบไหนไม่ได้ สิ่งที่เธอทำเพื่อกลายเป็นราชินี และเธอพบจุดจบยังไง
พูฮาเรนเป็นหนึ่งในสมาชิกของราชวงศ์ที่ถูกจองจำโดยจินซาฮยอค
เจ้าชายองค์ที่ 5 – ไม่ใช่เจ้าหญิง อย่างไรก็ตามเนื่องจาก พูฮาเรน
แบกเมล็ดพันธุ์ปีศาจเอาไว้ เธอเลยกลายเป็นเหตุผลที่ จินซาฮยอค ตกหลุมรัก
แม้ว่าในความจริง พัลซาร์ ยังไงก็ต้องล้มลงแม้จะไม่มีพูฮาเรน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The Novel’s Extra