ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ นิยาย บท 135

ชาร์ล็อท ฟิชเชอร์โกรธออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ในมุมมองของเธอ ไม่มีใครสามารถยืนหยัดต่อสู้กับเธอได้ นี่เป็นกฎที่เธอตั้งไว้สำหรับตัวเธอเอง มันเป็นโลกของสุนัขกินสุนัข ชาร์ล็อทเชื่อเสมอว่าเธออยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร แต่ในครั้งนี้ มีคนที่สามารถยืนขึ้นเพื่อต่อต้านเธอได้ มันสร้างความประหลาดใจให้กับเธอเป็นอย่างยิ่ง

อันที่จริง เธอรู้สึกอับอายอย่างมากกับเหตุการณ์นี้ “อเล็กซ์ ลีโอนาร์ด ตระกูลฟิชเชอร์จะทำให้คุณต้องชดใช้ในสิ่งที่คุณทำ”

“ไทร์ ซัมเมอร์และวินนี่เฟรด อย่าโทษฉันที่โหดร้ายก็แล้วกัน!”

คาร์ล ฮิลล์ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอรู้สึกประหม่าอย่างมาก ณ จุดนี้ ลูกสะใภ้ของเขาเป็นคนบ้าแน่นอน “ชาร์ล็อท เราจะทำยังไงต่อไป? เธอต้องการให้ตระกูลฮิลล์ทำอะไรไหม?” คาร์ลถามอย่างประหม่า

“ตระกูลฮิลล์?” ชาร์ล็อตต์จ้องคาร์ลด้วยความรังเกียจ “คุณไม่คิดว่าครอบครัวของคุณสูงเกินไปหน่อยเหรอ? คุณโง่เหรอ? ตระกูลลีโอนาร์ด ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองทาโคมา ยังไม่สามารถแม้แต่จะทำลายออทัมน์ฟิลด์กรุ๊ปได้ อย่าลืมว่ายังมีกองกำลังอื่นที่ต้องคำนึงถึงในเมืองคานห์”

“ในขณะที่ ตระกูลฮิลล์ ถุ๊ย…”

ชาร์ล็อทโขว์นิ้วกลางให้คาร์ลดูอย่างไร้มารยาท “ฉันไม่มีอารมณ์จะเล่นกับพวกมันแล้ว ฉันจะนำคนจากตระกูลฟิชเชอร์มาทำลายพวกโง่สองตัวนั้น”

“คาร์ล ฮิลล์ นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำเพื่อตระกูลฮิลล์ หลังจากที่เรื่องนี้จบลง เราจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กันอีก และถ้าคุณอยากเป็นลูกผู้ชายจริง ๆ ฆ่าขยะไร้ประโยชน์อย่างคริส ฮิลล์ ทิ้งไปซะ คุณยังมีลูกได้อีก อย่างไรก็ตาม หากไม่มีพลังคุณก็จะกลายเป็นเศษขยะที่ไม่มีอะไรเหลือเลย นี่เป็นคำแนะนำสุดท้ายที่ลูกสะใภ้ของคุณจะให้คุณได้”

หลังจากนั้น ชาร์ล็อทก็เดินออกจากคฤหาสน์ของตระกูลฮิลล์ “ฉันจะกลับไปที่เมืองไพรม์คืนนี้ ฉันจะส่งคนไปกำจัดไทร์ ซัมเมอร์และวินนี่เฟรด ซี ส่งเอกสารการหย่ามาให้ฉันเมื่ออีกได้รับการลงนามแล้ว อย่าให้ฉันรอนานเกินไป!”

ชาร์ล็อทเป็นคนชั่วและโหดร้ายอย่างแท้จริง เธอบอกให้พ่อสามีของเธอฆ่าสามีของเธอเองผู้หญิงแบบไหนที่กล้าพูดเช่นนี้ได้?

***

ในขณะเดียวกัน ที่โรงเลี้ยงสุนัขในเมืองคานห์ แม็กซ์ ชีเวอร์ได้ทำตามสัญญาของเขาโดยช่วยไทร์ ซัมเมอร์ ตามหาผู้สิ้นหวังจากทั่วทุกแห่งในแต่ละวัน ภายในหนึ่งเดือน มีคนเข้ามาอยู่ในโรงเลี้ยงสุนัขมากกว่าสิบคน รวมทั้งแมทธิว คอลลินส์และสตีเฟน โคล เมื่อจำนวนของพวกเขาเพิ่มขึ้น ขนาดของโรงสุนัขก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ในเวลาเดียวกัน แม็กซ์ใช้เส้นสายของเขาเพื่อนำเข้าสุนัขล่าเนื้อที่ดุร้ายหลายตัว ในเวลาพลบค่ำของทุก ๆ คืน จะได้ยินเสียงสัตว์ดุร้ายในโรงเลี้ยงสุนัข นอกจากนั้น ยังมีเสียงร้องของความเจ็บปวดจากความทรมานอีกด้วย หลังจากค่ำคืนแห่งการฝึกอันเหน็ดเหนื่อย แม็กซ์จะจัดหาอาหารที่ดีที่สุดและการรักษาพยาบาลให้กับผู้อยู่อาศัยในโรงเลี้ยงสุนัข ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะให้ยาพิเศษที่ไทร์สั่งไว้แก่ทุกคน เพื่อให้คนเหล่านี้สามารถหายเป็นปกติได้เพียงแค่ช่วงข้ามคืน

ไทร์ ทำให้คนเหล่านี้ สามารถเห็นแสงสว่างในชีวิตได้อีกครั้ง ด้วยการให้โอกาสครั้งที่สองในชีวิตแก่พวกเขา ดั่งเช่นแผนงานที่นำไปสู่ความรุ่งโรจน์

เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ความมืดก็เริ่มปกคลุมทั่วสถานที่ ไทร์และแม็กซ์กลับไปยังคอกสุนัข ในรถกระบะซึ่งเต็มไปด้วยอาหาร ภายในรถ แม็กซ์ได้อัพเดทสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเลี้ยงสุนัขให้ไทร์ฟัง

ในตอนนี้ แม็กซ์สามารถรวบรวมคนได้อีกสิบสี่คน รวม แมทธิว คอลลินส์ และ สตีเฟน โคล มาร์ติน เจคแมนและวาเนสซ่า แฮร์รีส เป็นสิบแปดคนด้วยกันทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม มีหกคนที่เสียชีวิตในกระบวนการนี้ ดังนั้นโรงเก็บสุนัขจึงเหลือเพียงแค่สิบสองคน

“ไทเลอร์ แลงคาสเตอร์ได้มาที่นี่หรือเปล่า” ไทร์ถาม

"ยัง!" แม็กซ์ ตอบกลับ

“ยัง?” ไทร์หัวเราะคิกคัก หลังจากประเมินเวลา

"มิสเตอร์ ซัมเมอร์ ฉันควรทำยังไง ถ้าหากฉันเจอคนแบบนั้น?”

“อย่ากังวลไป” ไทร์ตอบอย่างใจเย็น “ทุกคนมีเป้าหมายของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ไม่มีการรักษาให้แก่ความเสียใจบนโลกใบนี้!”

ตอนนั้นรถกระบะก็มาถึงโรงเลี้ยงสุนัขแล้ว มีเสียงของการต่อสู้ครั้งใหญ่ ไทร์กระโดดลงจากรถ ในขณะเดียวกัน แม็กซ์ก็ถือกระเป๋าเอกสารหนังสีดำสองใบและตามเขาไป

เมื่อประตูเปิดออก พวกเขาก็เห็นสมาชิกในโรงเลี้ยงสุนัขหลายสิบคนต่อสู้กับสุนัขล่าเนื้อภายใต้แสงไฟสลัว

“ทุกคน หยุด”

แม็กซ์เรียกทุกคน ทุกคนหยุดเคลื่อนไหวทันทีและมองไปที่ทางเข้าในขณะเดียวกัน เหล่าสุนัขล่าเนื้อก็ยังดูดุร้ายในสายตาของพวกเขา

แม็กซ์ดึงเครื่องช็อตไฟฟ้าออกจากกระเป๋าของเขาแล้วเปิดมัน จึงทำให้เกิดเสียงหึ่ง ๆ ราวกับเป็นสัญญาณ สุนัขไล่ล่าถอยออกไปด้วยความกลัวทันที

“อาจารย์!” แมทธิวเป็นคนแรกที่เข้าหาไทร์ ถึงตอนนี้เขายอมรับวิถีชีวิตเช่นนี้อย่างเต็มตัวแล้ว อันที่จริงเขาสนุกกับมันมาก ภายในหนึ่งเดือน แมทธิวแข็งแกร่งขึ้นและเป็นนักสู้ที่ดีขึ้นมาก พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ การใช้เวลาหนึ่งเดือนในโรงเลี้ยงสุนัข ความสามารถของเขาได้เพิ่มขึ้นมากกว่าตอนที่เขาเคยฝึกเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา

“ไม่เลว” ไทร์แสดงความคิดเห็นเมื่อเห็นร่างกายที่แข็งแรงของแมทธิว

จากนั้นไทร์ก็สแกนคนอื่น ๆ เขาพอใจกับความก้าวหน้าของสตีเฟนและมาร์ตินเท่า ๆ กันแม้แต่วาเนสซ่า แฮร์ริส ซึ่งอ่อนแอมากในตอนแรก ตอนนี้ก็ยังส่งรัศมีที่ดุร้ายออกมายิ่งกว่านั้น ไทร์รู้สึกประหลาดใจมากที่วาเนสซ่ายังมีชีวิตอยู่ เขาคิดว่าเธอคงจะตายในโรงเลี้ยงสุนัขไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้คงมีศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอมาก

“พวกนายกำลังทำอะไร? รีบเข้าไปทักทายบราเธอร์ ไทร์”

แม้ว่าผู้คนในโรงเลี้ยงสุนัขจะจ้องมองที่ไทร์ แต่ก็ไม่มีใครเข้าใกล้หรือทักทายเขาเลย แมทธิวอารมณ์เสียเพราะเรื่องนั้น

ตอนนี้แมทธิวเคารพไทร์ ราวกับว่าเขาเป็นพระเจ้า ดังนั้นเขาจึงกระตือรือร้นที่จะทำให้ทุกคนในโรงเลี้ยงสุนัขมีความเคารพไทร์ในลักษณะเดียวกัน

“บราเธอร์ ไทร์…”

“บราเธอร์...ไทร์…”

“ไทร์…”

ชื่อของไทร์ถูกพูดซ้ำหลายครั้งในโรงเลี้ยงสุนัข

อย่างไรก็ตาม นอกจากสตีเฟน วาเนสซา และมาร์ติน เจคแมนแล้ว คนอื่น ๆ ดูเหมือนจะไม่แสดงความจริงใจ ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับไทร์

เห็นได้ชัดว่าแมทธิวโกรธมากกับการกระทำของพวกเขา ถัดจากเขา แม็กซ์ก็ขมวดคิ้วอย่างเคร่งขรึม

คนเหล่านี้เคยถูกเหยียบย่ำและกำลังเดินทางไปยังประตูนรก ไทร์ ซัมเมอร์เป็นคนที่ให้โอกาสครั้งที่สองในชีวิตแก่พวกเขา ดังนั้นพวกเขาควรจะขอบคุณเขามากกว่าที่จะประพฤติตัวเย่อหยิ่งเหมือนตอนนี้

อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ไทร์ จะไม่โกรธเมื่อเห็นสิ่งนี้ แต่จริง ๆ แล้วเขามีความสุขมากกว่าด้วยซ้ำ เขามองไปที่ผู้คนรอบ ๆ ในโรงเลี้ยงสุนัข “ดูเหมือนพวกนาย จะไม่เต็มใจยอมจำนนต่อฉัน” เขาหัวเราะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ