ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ นิยาย บท 44

เมื่อไอริสได้สัญญา เธอตั้งใจว่าจะอ่านอย่างละเอียด แต่เมื่อเธอเห็นเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ซับซ้อนนับไม่ถ้วน เธอจึงยอมแพ้!

ข้าง ๆ เธอ ทราวิสใจร้อนมาก! หลังจากที่แฝงตัวอยู่ภายในตระกูลซีมาเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ได้รับโอกาสนี้ “ไอริสลงชื่อเลยสิ คุณลุงสามของฉันไม่ใช่คนใจเย็น ถ้ามัวแต่จ้องอยู่แบบนี้เขาอาจจะเปลี่ยนใจได้”

ไอริสเหลือบมองที่ฟอร์ดโดยไม่รู้ตัวและแน่นอนว่าชายคนนั้นดูไม่พอใจ! “ฉันตกลงที่จะให้กู้เงินแก่ตระกูลซีด้วยความเมตตาเพื่อให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านี้ แต่คุณกำลังสงสัยในตัวฉันแทน?”

ไอริสสั่นสะท้านและรีบเซ็นชื่อในสัญญาอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงประทับตราบริษัทลงไป! สัญญาเงินกู้ยี่สิบล้านมีผลบังคับใช้แล้ว!

ในเวลาเดียวกัน ที่ห้องประธานสาขาภายในสำนักงานของธนาคารโบตั๋นทองคำ วินนี่เฟรดที่มือเต็มไปด้วยเหงื่อขณะที่เธอถือสัญญาความร่วมมือกับสมิธกรุ๊ปไว้ในมือ ตลอดเวลานี้เธอรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเหลวไหล ใครจะใช้เพียงแค่สัญญาเพื่อกู้เงิน? แต่ไทร์ดูมั่นใจมาก เธอจึงเลือกที่จะลองดู

ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก และฮัดสัน ซีเกลเลอร์ ประธานสาขาของธนาคารโบตั๋นทองคำแห่งเมืองคานห์ก็เข้ามาพร้อมกับกองเอกสาร

วินนี่เฟรดยืดตัวขึ้นทันที เธอยังคงรู้สึกประหม่าอยู่ภายใน ส่วนไทร์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยขาที่ไขว้กันของเขา ช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

วินนี่เฟรดต้องการทักทายชายคนนั้นก่อน แต่ดูเหมือนว่า ฮัดสันจะกระตือรือร้นมากกว่าเธอเสียอีก

“ผมขอโทษจริง ๆ มิสซี ที่ทำให้คุณต้องรอ ผมมีธุระด่วนบางอย่าง จึงทำให้เกิดความล่าช้า”

วินนี่เฟรดตกตะลึง เธอนึกไม่ถึงเลยว่าฮัดสัน ซีเกลเลอร์จะมีมารยาทเช่นนี้ “ไม่เป็นไรค่ะท่านประธาน ซีเกลเลอร์ เราเพิ่งจะมาถึงได้ไม่นาน”

หลังจากนั้นฮัดสันที่กำลังจะเดินเข้าไปหาไทร์ แต่ถูกสายตาของชายผู้นั้นหยุดไว้ก่อน ฮัดสันรีบหันกลับไปพูดอย่างสุภาพกับวินนี่เฟรดทันที “มิสซี เชิญนั่งลงก่อน”

วินนี่เฟรดรีบนั่งลงตรงข้ามกับฮัดสันโดยที่มือของเธอยังคงเต็มไปด้วยเหงื่อ “ท่านประธานซีเกลเลอร์ฉันมาที่นี่วันนี้เพื่อต้องการกู้เงินจากธนาคารโบตั๋นทองคำ เราต้องการสามสิบล้าน แต่...แต่เราไม่มีทรัพย์สินหลักประกัน เรามีเพียง...เพียงแค่สัญญาความร่วมมือฉบับนี้ที่ลงนามโดยสมิธกรุ๊ป”

ขณะที่เธอพูดเช่นนี้ วินนี่เฟรดรู้สึกถึงขาของเธอที่สั่น นี่มันไร้สาระเกินไป เธอจะเป็นคนโง่เขลาที่เชื่อคำพูดของไทร์จริงๆ เหรอ และยังมาถึงที่ธนาคารโบตั๋นทองคำเพื่อนำเสนอคำขอที่ไร้สาระเช่นนี้?

ฮัดสันไม่ตอบสนองในทันทีแต่ก็เงียบแทน วินนี่เฟรดคิดว่าฮัดสันเองก็ตกใจกับคำขอที่ไร้สาระนี้เหมือนกัน แต่เธอไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเขากำลังรอความเห็นของไทร์อยู่

“ท่านประธาน ซีเกลเลอร์ ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ฉันขอโทษที่รบกวนคุณ!” วินนี่เฟรดลุกขึ้นขณะที่เธอพูด เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว มันน่าอับอายอะไรเช่นนี้

“มิสซี ฟังก่อน” จู่ ๆ ฮัดสันก็พูดขึ้นก่อนจะเหลือบมองไทร์

ในขณะนั้น ไทร์ยืดตัวและยืนขึ้นก่อนจะเอ่ยคำขอที่น่าตกใจ! “สามสิบล้านจะพอได้ยังไง? ฉันคิดว่าเราควรจะกู้ร้อยล้านไปเลย”

วินนี่เฟรดตกใจ เธอจ้องไปที่ไทร์ด้วยความทุกข์ร้อนและพูดว่า “นายมันบ้า...”

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะพูดจบฮัดสันก็ตบเข่าแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าคุณซัมเมอร์พูดถูก สามสิบล้านจะพอได้ยังไง? คุณควรจะกู้ไปเลยหนึ่งร้อยล้าน”

วินนี่เฟรดงุนงง "มิสเตอร์ซีเกลเลอร์ คุณหมายความว่า...”

ฮัดสันพูดอย่างรวดเร็วว่า “เราจะให้คุณกู้หนึ่งร้อยล้าน ผมจะหาคนมาร่างสัญญาเดี๋ยวนี้เลย”

“แต่เราไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน...”

ฮัดสันยิ้มและชี้ไปที่สัญญากับสมิธกรุ๊ปในมือของวินนี่เฟรด เขากล่าวอย่างหนักแน่น “มิสซี สัญญาในมือของคุณรวมกับบริษัทของคุณในการลงทุนใจกลางเมือง มีมูลค่านับร้อยล้าน!”

เงินกู้ที่ดูเหมือนไร้สาระตอนนี้ได้รับการตัดสินอย่างลึกลับแล้ว ฮัดสันเริ่มเตรียมสัญญา เขาขอให้ไทร์และวินนี่เฟรดรอชั้นล่างสิบนาทีก่อนที่สัญญาจะพร้อม

ไม่จำเป็นต้องพูดว่าวินนี่เฟรดดูกังวลแค่ไหนว่าเงินกู้นี้อาจเป็นการฉ้อโกง อย่างไรก็ตาม วินนี่เฟรดไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับเขา แล้วเขาจะหลอกลวงเธอไปทำไม

ขณะที่พวกเขานั่งอยู่ในห้องรับรองแขกของธนาคารโบตั๋นทองคำ วินนี่เฟรดยังคงรู้สึกสบประหม่า การได้รับเงินกู้จากธนาคารโบตั๋นทองคำนั้นไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ? พวกเขาสามารถได้รับเงินกู้โดยมีเพียงแค่สัญญาฉบับนี้จริง ๆ เหรอ? พวกเขาให้กู้ได้ถึงร้อยล้านจริง ๆ เหรอ?

“ไทร์ทำไมนายยังมีอารมณ์ที่จะเล่นเกมบนโทรศัพท์ของนายอยู่? ทำไมถึงยังสบายใจนัก” วินนี่เฟรดคว้าโทรศัพท์ของไทร์ออกมา “ตอนนี้ฉันนั่งนิ่งไม่ได้แล้ว นายจะสบายใจได้ยังไง?”

ไทร์รู้สับสน

“นั่นมันวินนี่เฟรดกับสามีขอทานของเธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมพวกนายถึงมาที่นี่ด้วยล่ะ? ” ทันใดนั้น เสียงลึกลับของไอริสก็ดังขึ้นมาในหูของพวกเขา

เมื่อเงยหน้าขึ้น พวกเขาเห็นไอริส, ทราวิส และฟอร์ดยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขา

วินนี่เฟรดตกใจเช่นกัน “ไอริส เธอมาทำอะไรที่นี่?”

“หืม นังสารเลวอย่างเธอกล้าดียังไงถึงถาม? ถ้าไม่ใช่เพราะคนเลวเนรคุณอย่างพวกแกหักหลังพวกเรา เราจะต้องมากู้เงินจากธนาคารไหม? วินนี่เฟรดทำไมเธอถึงเลวได้ขนาดนี้ ตระกูลซีเลี้ยงดูเธอมาหลายปี เธอมันไม่ต่างอะไรกับหมาเลย!”

วินนี่เฟรดเลือดขึ้นหน้า เมื่อได้ยินคำพูดของไอริส เธอไม่สามารถตอบโต้ได้ มันเป็นความจริงที่เธอจากมาพร้อมกับความร่วมมือที่ได้รับจากสมิธกรุ๊ป ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ตระกูลซี ต้องตกที่นั่งลำบากในตอนนี้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของวินนี่เฟรด แต่เพราะตระกูลซีที่บีบบังคับให้เธอต้องจนมุม...

วินนี่เฟรดทนกับคำพูดนั้นได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าไทร์จะทนได้ เขาลุกขึ้นทันทีด้วยสายตาที่เย็นเยียบราวกับทะเลสาบน้ำแข็ง “เธอลองพูดออกมาอีกที ฉันจะตัดลิ้นของเธอทิ้งซะ”

ไอริสรีบถอยหลังทันที ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความกลัว หมัดอันน่าสะพรึงกลัวของไทร์ที่แสดงในห้องประชุมในวันนั้น ยังคงทำให้หนังศีรษะของไอริสรู้สึกเต็มไปด้วยหนาม “แก...แกกำลังพยายามทำอะไร? สังคมมีขื่อมีแป แกไม่มีสิทธิ์ทำอะไรไร้สาระได้! ไทร์, วินนี่เฟรด แกมาที่นี่เพื่อขอกู้เงินใช่ไหม เพราะแกต้องการเงินเพื่อเริ่มต้นบริษัทใหม่ แต่ฉันสามารถบอกแกได้อย่างมั่นใจว่า วันนี้แกจะไม่ได้รับเงินกู้แม้แต่เซนต์เดียว!”

หลังจากนั้น ไอริสก็หันไปหาฟอร์ดและพูดอะไรบางอย่างกับเขา หลังจากที่เธอพูดเสร็จ ฟอร์ดก็เหลือบมองที่ทราวิสทราวิสพยักหน้าอย่างอ่อนโยน และฟอร์ดก็เดินไปหาวินนี่เฟรดด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“วินนี่เฟรด ซีใช่ไหม? ฉันคือฟอร์ด เจนเซ่นผู้บริหารแผนกสินเชื่อของธนาคารโบตั๋นทองคำ! คุณมาที่นี่เพื่อขอกู้เงินจากธนาคารของเราใช่ไหม? แต่น่าเสียดาย จากสิ่งที่คุณทำกับครอบครัวของคุณเอง จากผลการประเมินมันเป็นปัญหาใหญ่ที่คุณได้ก่อไว้ ดังนั้นธนาคารโบตั๋นทองคำของเราจะไม่ให้คุณกู้เงินแม้แต่แดงเดียว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ