ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ นิยาย บท 91

นับตั้งแต่การแข่งขันออกแบบแฟชั่นในครั้งนั้น วินนี่เฟรด ซี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยขี้ขลาดและมีเมตตาต่อทุกคนได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว

วินนี่เฟรดลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง จิตใจของเธอชัดเจนขึ้นแล้ว และเธอได้รู้ว่า การแสดงความเมตตาต่อผู้อื่นหมายถึงการโหดร้ายต่อตัวเอง

เธอไม่พอใจฮิลารี ไวท์อย่างยิ่ง ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงเลวทราม ที่ฉวยโอกาสการไปเรียนต่อต่างประเทศจากเธอ ด้วยกลอุบายที่อันต่ำทราม และยังกลับมาพร้อมการดูถูกเหยียดหยามและเยาะเย้ยเธอจากเหตุการณ์ในตอนนั้น ถึงคราวของวินนี่เฟรดที่จะให้ฮิลารีได้ลิ้มรสของความเจ็บปวดบ้าง

"มิสเตอร์ มิคาเอล ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ” วินนี่เฟรดหันไปหามิคาเอลและพูดอย่างเคร่งขรึม

มิคาเอลสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “บอกมาได้เลย มิสซี”

“วินิ...มิส ซี...” ฮิลารีตื่นตระหนกและรีบเรียกวินนี่เฟรดทันที

วินนี่เฟรดซึ่งกำลังจะพูดขึ้นก็หยุดชะงัก เธอรู้สึกลังเลเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ไทร์ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหว เขาจึงพูดต่อทันที “มิสเตอร์มิคาเอล ตัวแทนจากกุชชี่ผู้นี้ มีบุคลิกที่แย่มาก”

มิคาเอลรีบตอบกลับ “มิสเตอร์ซัมเมอร์ เชิญพูดต่อเลย”

ใบหน้าของฮิลารีซีดลงทันที เธอต้องการจะหยุดเขา แต่ด้วยแววตาที่เย็นชาในดวงตาของไทร์ในขณะที่เขาจ้องเธอ แค่เห็นมัน ฮิลารีก็แข็งทื่อราวกับเสาไม้ทันที

ไทร์เรียบเรียงคำพูดอย่างรวดเร็วเพื่อบอกกับมิคาเอลถึงอดีตของฮิลารีและวินนี่เฟรด ด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด หลังจากพูดจบแล้ว ไทร์มองดูมิคาเอลอย่างมีความหมายและพูดว่า “มิสเตอร์มิคาเอล ฉันเชื่อว่าคุณจะจัดการมันได้ดีกว่าฉันกับสถานการณ์ในตอนนี้”

อันที่จริง ไทร์ไม่รู้ว่ามิคาเอลเองก็ไม่ชอบฮิลารีเช่นกัน มันดูเหมือนการข่มขู่เล็กน้อย ด้วยคำพูดของเขาต่อมิคาเอล ถ้าหากวิธีจัดการกับสถานการณ์ของมิคาเอลนั้นไม่เป็นที่พอใจต่อไทร์ เขาคงไม่มีความจำเป็นต้องแสดงความเมตตาเช่นกัน

มิคาเอลโกรธจัดในทันที เขารีบหันไปหาฮิลารีและต่อว่าเธออย่างรุนแรง “เธอมันประสาท!”

ริมฝีปากของฮิลารีสั่นเทา เธอพูดอย่างรวดเร็ว “มิสเตอร์มิคาเอล มันไม่เป็นความจริงเลย มันไม่ใช่อย่างที่พวกเขาพูด คุณอย่าฟังเรื่องไร้สาระของพวกเขา พวกเขาแค่พยายามใส่ร้ายฉัน คุณต้องเชื่อฉัน ฉันเป็นคนของกุชชี่ ฉันเป็นพนักงานของคุณ คุณไม่ควรเชื่อสิ่งที่คนนอกพูด”

ณ จุดนี้ ฮิลารียังคงพยายามพูดต่อไป

แน่นอนว่า มิคาเอลจะเชื่อในคำพูดของฮิลารีได้ยังไง เขามองเห็นได้ชัดเจนเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ เขาเองก็หงุดหงิดที่ไม่สามารถกำจัดผู้หญิงที่น่าขยะแขยงคนนี้ออกไปได้ แต่แล้วในที่สุด เขาก็พบทางออก แม้ว่าไทร์และวินนี่เฟรดจะไม่ตำหนิฮิลารี มิคาเอลเองก็จะหาวิธีอื่นเพื่อจัดการกับเธอ

“เธอมันเลวทราม กุชชี่ของเราจะไม่ยอมรับคนที่มีบุคลิกหยาบคายอย่างเธอ! ฮิลารี ไวท์ ด้วยอำนาจของฉันในฐานะนักออกแบบชั้นนำแห่งกุชชี่กรุ๊ป และตำแหน่งรองผู้จัดการ ฉันขอยุติการเป็นพนักงานของเธอนับจากนี้ไป”

ครืน...

เสียงหึ่ง ๆ ดังระเบิดในหัวของฮิลารี และจิตใจของเธอก็ล่องลอย

เธอใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการฟื้นความรู้สึก และเมื่อถึงเวลานั้น เธอก็ได้แสดงตัวตนที่แท้จริงของเธอออกมา ตอนนี้เธอทำตัวเหมือนคนฉลาด เธอชี้นิ้วไปที่ไทร์และวินนี่เฟรดในขณะที่เธอตะโกนใส่พวกเขา เธอบอกว่าพวกเขาน่ารังเกียจและบอกว่าพวกเขาไร้ยางอาย เธอตะโกนบอกว่าพวกเขากล่าวคำโกหกเพื่อทำลายอนาคตของเธอ เพียงเพราะว่าพวกเขาอิจฉาเธอ

หลังจากนั้น เธอก็รีบคุกเข่าลงต่อหน้ามิคาเอลด้วยเสียงอันดัง และขอร้องให้เขาให้โอกาสเธออีกครั้ง จนถึงตอนนี้ เธอยังไม่ยอมรับว่าเธอเคยทำเรื่องสกปรกแบบนี้มาก่อน

มิคาเอลเย้ยหยันและกล่าวว่า“ฮิลารี ไวท์ ถ้าเธอไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร กุชชี่ของเราเป็นพันธมิตรกับวิทยาลัยเอเวอรี่ที่เธอเคยไปศึกษาต่อในต่างประเทศ เราสามารถเข้าถึงไฟล์ของเธอในสถาบันในจักรวรรดิเซเลเชียลผ่านทางวิทยาลัยเอเวอรี่ และจะใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน ที่เราจะสามารถเปิดเผยความจริงของเรื่องนี้ได้ เมื่อถึงเวลานั้น หากเราใช้มาตรการอย่างเด็ดขาด เธอจะถูกเพิกถอนปริญญาของเธอโดยวิทยาลัยเอเวอรี่ทันที่ นอกจากนี้ เธอจะได้รับการลงโทษอย่างร้ายแรงจากสถาบันของเธอในจักรวรรดิเซเลเชียล”

เมื่อถึงตอนนั้น ฮิลารีรู้สึกมึนงงไปหมด เธอกลัวและตกใจ ตัวเธอเองเป็นตัวแทนของกุชชี่และรู้ดีว่า กุชชี่มีความสามารถแค่ไหนในอิตาลี ถ้ามิคาเอลใช้มาตรการเด็ดขาดขึ้นมาจริง ๆ ชีวิตของเธอต้องพังพินาศลงในชั่วพริบตา

“อย่า... อย่าทำแบบนี้เลย มิสเตอร์ มิคาเอล! ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง ฉันรู้ว่าเป็นความผิดของฉัน! ได้โปรดยกโทษให้ฉันในครั้งนี้ด้วย”

มิคาเอลมองดูฮิลารีอย่างดูถูกและภายในใจเขารู้สึกสุขใจ ในที่สุดเขาก็พบเหตุผลที่ดีพอ ที่จะจัดการผู้หญิงคนนี้! แม้ว่าคนรักของเธอจากกุชชี่ต้องการช่วยเธอ พวกเขาก็จะไม่สามารถคัดค้านมิคาเอลได้

“เธอคิดว่าการขอโทษฉันจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง?” ขณะที่เขาพูด มิคาเอลหยิบโทรศัพท์ออกมา เตรียมพร้อมที่จะโทรหาสำนักงานใหญ่

ฮิลารีกลัวปัญหาของเธอมากและรีบพูดกับวินนี่เฟรดทันที “ฉันขอโทษวินนี่เฟรด ฉันขอโทษจริง ๆ ในตอนนั้นฉันไม่ควรลอกเลียนแบบการออกแบบของเธอเลย ฉันไม่ควรใส่ร้ายเธอเช่นกัน ได้โปรดยกโทษให้ฉัน ฉันขอโทษ มันเป็นความผิดของฉัน ฉันขอโทษ! ได้โปรดช่วยพูดกับมิสเตอร์ มิคาเอลแทนฉันด้วย”

วินนี่เฟรดยังคงเป็นผู้หญิงที่ใจดีมาตลอด เธอไม่คุ้นเคยกับการบังคับให้ใครคนหนึ่งเข้าสู่ทางตัน “จงเป็นคนดีต่อจากนี้ไป และหยุดการใช้กลอุบายเหล่านั้นซะ”

เมื่อพูดจบ วินนี่เฟรดไม่ได้พูดอะไรอีก และหันกลับมายังที่นั่งของเธอ ไทร์ส่ายหัวและโบกมือไล่

มิคาเอลตะคอกทันที “ไสหัวไป! ยัยผู้หญิงที่น่ารังเกียจและไร้ยางอาย! ออกไปจากสายตาฉันเดี๋ยวนี้ ฉันไม่อยากมองเธอให้เสียสายตา!”

ราวกับว่าเธอเพิ่งรอดชีวิตมาได้ ฮิลารีรีบกล่าวขอบคุณอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหนีออกจากร้านอาหารราวกับสุนัขที่ถูกทารุณกรรม หลังจากเหตุการณ์นี้ เธอจะไม่สามารถกลับไปที่กุชชี่ได้อีก หกปีแห่งอุบายที่แลกมาด้วยร่างกาย ความพยายามของเธอสูญเปล่าในเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว

ต่อมา วินนี่เฟรดบอกคำขอของเธอต่อมิคาเอลเกี่ยวกับเรื่องของไอริส เนื่องจากวินนี่เฟรดร้องขอ การปล่อยตัวไอริสจึงไม่มีปัญหาใด ๆ

นอกจากนี้ มิคาเอลยังมอบคำเชิญให้วินนี่เฟรดไปงานแฟชั่นโชว์ระดับนานาชาติที่กำลังจะมีขึ้นในอิตาลีอย่างจริงใจ

นี่คือสิ่งที่วินนี่เฟรดไม่มีวันปฏิเสธ เธอรู้สึกปลื้มปริ่ม! มิลานเป็นเมืองหลวงแห่งแฟชั่นชั้นนำของโลก และงานแฟชั่นวีคของมิลาน ก็เป็นงานแฟชั่นที่โด่งดังที่สุดในโลกอีกด้วย!

หากการออกแบบของวินนี่เฟรด 'ออทัมป์ ฟิลด์' ถ้าหากว่ามันสามารถทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจในช่วงสัปดาห์แฟชั่นได้ ชื่อของวินนี่เฟรดก็จะเป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งอุตสาหกรรมแฟชั่น และเธอจะกลายเป็นดาวรุ่งที่มีศักยภาพของนักออกแบบรุ่นใหม่!

ด้วยเหตุนี้ ชื่อเสียงของออทัมป์ฟิลด์กรุ๊ป ก็จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน นี่เป็นข้อได้เปรียบที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเติบโตในอนาคตของออทัมป์ฟิลด์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ