“เรื่องจริงเหรอคะ?” ช่อเอื้องขมวดคิ้วถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าแค่ทำไข่ดาว จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาได้
“เรื่องจริงสิ เดี๋ยวฉันจะให้เธอดูคลิป” คนที่ยังคงเก็บคลิปเอาไว้ บอกก่อนจะตักไข่ดาวขึ้นจากกระทะและวางลงในจานที่อยู่ใกล้ๆ
“น่าทานจังเลยค่ะ” เธอเอ่ยชม
“หึๆ เราทำต้มจืดเต้าหู้สาหร่ายเพิ่มอีกเมนูไหม?” คนหล่อที่นานๆ จะเข้าครัวที ถามอย่างเอาใจ
“หนูแล้วแต่คุณค่ะ” เธอตอบยิ้มๆ
“โอเค! งั้นเริ่มกันเลย” แม่ทัพบอกก่อนจะหันไปเปิดดูของในตู้เย็น แล้วหยิบนู่นจับนี่ออกมาวาง ช่อเอื้องจ้องมองพ่อครัวมาดโหด ที่ยิ่งมอง ยิ่งรู้จัก ก็เหมือนจะเริ่มหล่อและมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก แถมยังทำกับข้าวอร่อยและใจดีอีกด้วย
สิบนาทีต่อมา... ช่อเอื้องนั่งมองอาหารที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะอย่างรู้สึกทึ่ง แม้ว่าจะเป็นเมนูที่แสนธรรมดา แต่มันกลับดูแพงซะจนไม่กล้าตักขึ้นมาทาน
แม่ทัพที่กำลังจะเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะ แต่พอได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้น จึงหันไปบอกคนที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “เดี๋ยวฉันมานะ”
“ค่ะ” ช่อเอื้องมองตามอย่างสงสัย แต่กระนั้น...กลิ่นหอมๆ ของอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดึงสายตาของเธอกลับมา พร้อมกับแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างรู้สึกหิว
แม่ทัพรีบเดินไปที่ประตูทางเข้า ไม่ถึงนาทีก็เดินกลับมาที่โต๊ะทานอาหารพร้อมกับถุงกระดาษขนาดใหญ่ “นี่ของเธอ”
“อะไรเหรอคะ?” ช่อเอื้องเงยหน้าขึ้นถามอย่างสงสัย
“เปิดดูสิ” แม่ทัพส่งถุงกระดาษไปให้
“ค่ะ” ช่อเอื้องเปิดออกดูก็เห็นกล่อง iPhone 13 pro สีเซียร์ร่าบลู รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งจะวางจำหน่าย
“เธอชอบไหม?” แม่ทัพเลิกคิ้วถามยิ้มๆ
“เอ่อ...หนูว่ามันแพงเกินไป จริงๆ มือถือเครื่องเก่าของหนูก็ยังใช้ได้ดีค่ะ” หญิงสาวรีบวางกล่องมือถือลงบนโต๊ะเช่นเดิม
“อะไรกัน! แทนที่จะดีใจ” แม่ทัพส่ายหน้าอย่างเพลียๆ กับท่าทีของสาวเจ้า
“หนูคิดว่ามันคงไม่เหมาะกับหนูหรอกค่ะ อ้อ! แล้วที่คุณบอกว่าจะจ้างหนูเดือนห้าหมื่น ไม่ต้องจ้างเยอะขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่ให้เงินหนูวันละสองร้อยไปเรียนก็พอแล้วค่ะ” ช่อเอื้องบอกสีหน้าจริงจัง เพราะลำพังค่าจัดงานศพของบิดาก็ปาเข้าไปหลายแสน เธอจึงไม่อยากรบกวนหรือเรียกร้องอะไรเพิ่มนอกเหนือจากการได้เข้าเรียนในระดับมหา’ลัย
“พระเจ้า!” แม่ทัพกลอกตาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่านอกจากเธอจะอยู่ง่าย กินง่าย แล้วยังมักน้อยอีก
“ถ้างั้น...หนูขอวันละหนึ่งร้อยบาทก็พอค่ะ” ช่อเอื้องรีบต่อรอง กลัวว่า อีกฝ่ายเปลี่ยนใจไม่ให้ไปเรียนต่อ
“ให้ตายสิ!” แม่ทัพสบถอย่างหัวเสียกับคำตอบที่ฟังดูเหมือนกับว่า...เขาเป็นคนขี้เหนียวสุดๆ จนเธอต้องรีบลดจำนวนเงินลงถึงเท่าตัว
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูไปทำงานพิเศษเอาก็ได้” ช่อเอื้องบอกอย่างเริ่มจะทำตัวไม่ถูก
“เอื้อง!” แม่ทัพเรียกสาวเจ้าอย่างรู้สึกเคืองที่เธอยังไม่หยุดคิดกับตนไปในทางลบ
“ขอเถอะนะคะ หนูอยากเรียนต่อจริงๆ” คนที่กลัวไม่ได้เรียนต่อรีบยกมือไหว้ขอความเห็นใจ
แม่ทัพถอนหายใจก่อนจะบอกสิ่งที่คิดเอาไว้ “เฮ้อ...ฉันจะให้เธอใช้เดือนละห้าหมื่นบาท”
“...” ช่อเอื้องได้ฟังตัวเลขก็ถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก เพราะจำนวนเงิน มันมากไป
“ไม่พอเหรอ?” แม่ทัพแสร้งเลิกคิ้วถาม
“ไม่ค่ะ มันมากเกินไปต่างหาก หนูอยากได้แค่ค่าข้าวกับค่ารถเมล์เท่านั้น” ช่อเอื้องรีบชี้แจง
“รถเมล์?” คนที่กำลังคิดอยู่ว่าจะซื้อรถให้สาวตรงหน้าใช้ เอ่ยทวนคำอย่างรู้สึกโมโหขึ้นมานิดๆ
“ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับเบาๆ
“ฟังนะเอื้อง! เงินเดือนของเธอคือห้าหมื่นบาทต่อเดือน หากเดือนไหนมีรายจ่ายเพิ่มก็บอก ส่วนเรื่องจะนั่งรถเมล์ไปเรียนหรือทำงานพิเศษน่ะ เลิกคิดไปได้เลย เรียนคือเรียนอย่างเดียว หมดคาบเรียนก็รีบกลับห้องโอเค้?”
“ค่ะ ขอบคุณคุณทัพมากๆ เลยนะคะที่เมตตา” ช่อเอื้องฉีกยิ้มหวานทันใด
“ถ้าเธอจะขอบคุณฉันจริงๆ ก็แค่เปลี่ยนมาใช้มือถือเครื่องนี้ซะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)