แม่ทัพเห็นสาวเจ้าเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จึงเอ่ยถาม “ยิ้มอะไรครับ?”
“คอมเมนต์ค่ะ มีสาวอกหักด้วย” ช่อเอื้องหันไปตอบ
“พี่เสน่ห์แรงจะตาย สาวที่ไหนเห็นก็หลงพี่ทั้งนั้นแหละครับ” คนหล่อบอกพลางยักคิ้วขึ้นนิดๆ ประหนึ่งคนมีดีอยู่ในตัว
“คิกๆ” ช่อเอื้องหัวเราะเบาๆ กับอาการมั่นหน้ามั่นโหนกของอีกฝ่าย
“พี่พูดเรื่องจริงนะ ในชีวิตพี่ไม่เคยเข้าหาผู้หญิงคนไหนก่อนเลย”
“จริงเหรอคะ?”
“จริงครับ แค่ส่งยิ้มให้บางๆ ไม่ถึงสองนาทีก็เดินเข้ามาหาพี่แล้ว”
“แล้วแฟนล่ะคะ พี่ทัพเคยคบหากันจริงๆ จังๆ บ้างไหม?”
“มีครับ มีคนหนึ่ง...คบนานที่สุดเลย” แม่ทัพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
“ใครเหรอคะ” เธอถามอย่างอยากรู้
“ก็หนูไง” แม่ทัพเฉลย พร้อมกับฉีกยิ้มหวานส่งให้นางฟ้าคนสวยที่ทำให้ตนหลงรักหัวปักหัวปำจนถอนตัวไม่ขึ้น
“ไม่จริงอะ” ช่อเอื้องบอกอย่างไม่เชื่อ
“จริงครับ ผู้หญิงที่คั่วด้วยส่วนใหญ่เป็นวันไนท์สแตนด์ หรือหากพิเศษหน่อยก็อยู่ไม่เกินอาทิตย์หนึ่งครับ” แม่ทัพเอ่ยถึงการใช้ชีวิตที่ผ่านมา
“นั่นเรียกว่าคบกันเหรอคะ” ช่อเอื้องขมวดคิ้วถามอย่างรู้สึกอึ้งกับระยะเวลาอันแสนสั้นของเขากับสาวๆ คนอื่นๆ
“ไม่ได้คบครับ พี่แค่ดูใจเท่านั้น” แม่ทัพเอ่ยแก้
“ดูเร็วจัง” เธอบอกพร้อมกับจ้องมองชายตรงหน้าอย่างค้นหา
“พี่เป็นคนขี้เบื่อครับ ไม่ชอบให้ใครโทรตาม หรือส่งแชตมาบอกอะไรเลี่ยนๆ มันน่ารำคาญมากๆ แต่กับหนู...แค่ไม่เห็นหน้าชั่วโมงเดียว พี่ก็หงุดหงิดจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ยิ่งตอนที่หนูไปเรียน พี่ต้องห้ามใจตัวเองห้ามแล้วห้ามอีกที่จะไม่โทรหาหรือส่งข้อความอะไรไปรบกวนหนู เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะพี่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำในสิ่งที่เกลียดมาทั้งชีวิต แต่หนูกลับเป็นข้อยกเว้นและเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ไม่คิดว่าตัวเองจะเจอะเจอบนโลกใบนี้” แม่ทัพเอ่ยความในใจ
ช่อเอื้องได้ฟังก็ถึงกับร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า ก่อนจะกลั้นใจเอ่ยสิ่งที่เก็บเอาไว้มานาน “อืม...หนูมีความลับจะบอกค่ะ”
“?” แม่ทัพรอฟังอย่างตั้งใจ
ช่อเอื้องขยับเข้าไปใกล้ แล้วเอ่ยกระซิบอย่างเขินๆ “พี่ทัพคือเจ้าชายของหนูค่ะ”
“จริงเหรอครับ?” แม่ทัพถามย้ำอย่างดีใจที่สาวเจ้ายกย่องให้ตนเป็นเจ้าชาย
“จริงค่ะ” ช่อเอื้องเอ่ยยืนยันเสียงหนักแน่น
“โอเค! งั้นคืนนี้หนูต้องถวายตัวให้เจ้าชายนะ” คนหื่นรีบบอกอย่างเข้าทาง
“โธ่! ทำไมเจ้าชายถึงมักมากจังเพคะ หม่อมฉันยังไม่หายช้ำเลย” ช่อเอื้องต่อว่าพร้อมกับส่งค้อนวงใหญ่ไปให้
“ฮ่าๆๆ” แม่ทัพหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจที่สาวเจ้ารับมุกของตน
“ชิ” ช่อเอื้องยกแก้วแชมเปญขึ้นจิบ ก่อนจะใช้ส้อมจิ้มสเต๊กเนื้อนุ่มๆ ที่อีกฝ่ายหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ขึ้นมามาทานแก้เขิน
หกวันต่อมา...แม่ทัพที่ใช้ชีวิตหวานชื่นกับนางฟ้าคนสวยจนครบหนึ่งอาทิตย์ ก็ขับรถตรงไปเชียงใหม่ เพื่อจะพาคนรักไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆ อย่างเป็นทางการ
ช่อเอื้องได้รับการต้อนรับจาก...วรันยาและจีอาน่าเป็นอย่างดี ขณะที่จอมพลกับภาคิน ก็พากันเอ่ยแซวแม่ทัพอย่างสนุกสนาน เพราะอีกฝ่ายออกตัวแรงที่สุดในกลุ่มว่าจะไม่แต่งงาน แต่สุดท้าย...ก็หนีไม่พ้นความรัก
ทั้งสองใช้เวลาทั้งอาทิตย์อยู่เที่ยวที่เชียงใหม่ ทั้งไร่ของจอมพลและไร่ของภาคินรวมไปถึงรีสอร์ตอินธิรากรณ์ (สาขาเชียงใหม่) ก่อนจะเดินทางกลับบ้านพักท้ายรีสอร์ตที่เชียงราย
เชียงราย รีสอร์ตอินธิรากรณ์...(บ้านพักของแม่ทัพ)
ช่อเอื้องจ้องมองรถ Audi TTS สีขาวป้ายแดงที่จอดอยู่หน้าบ้าน โดยมีผู้ชายสองคนยืนถือเอกสารอยู่ใกล้ๆ
“ว้าว! รถใครคะสวยจังเลย” เธอหันไปถามเจ้าชายมาดดุอย่างเต็มไปด้วยความสงสัย
“ก็...รถของหนูไงครับ” แม่ทัพหันไปฉีกยิ้มหวานให้นางฟ้าคนสวยทันใด
“ขะ...ของหนู?” ช่อเอื้องทวนคำอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะเปย์หนักถึงขั้นซื้อรถคันเป็นล้านให้เธอขับ
“ใช่ครับ” แม่ทัพพยักหน้ารับก่อนจะเปิดประตูก้าวออกจากรถ แล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่งให้คนที่ยังคงอยู่ในอาการช็อก
“แต่หนูขับไม่เป็นนะคะ” ช่อเอื้องบอกก่อนจะก้าวลงจากรถไปอย่างมึนงง
“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพี่สอนให้เองครับ” แม่ทัพบอกยิ้มๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)